เมื่อวันที่ 6-7 เมษายนที่ผ่านมา ผมมีโอกาสได้เข้าร่วมประชุมประจำปีของเครือข่าย คณะทันตแพทยศาสตร์สร้างเสริมสุขภาพซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก สสส. เรื่อง”การนำแนวคิดสุขภาพองค์รวมไปใช้ในการดูแลผู้ป่วยทันตกรรม”
ก่อนที่จะมาประชุมครั้งนี้ ต้องบอกว่าตัวผมเองเคยได้ยินได้ฟังเกี่ยวกับสุขภาพองค์รวมอยู่บ้าง ในความเข้าใจของผม คิดว่าสุขภาพองค์รวมก็คงหมายถึงการดูแลผู้ป่วยทั้งร่างกายและจิตใจ (ก็องค์รวมแล้วมั้ง)
จากการเข้าร่วมประชุม ผมได้รับความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสุขภาพองค์รวมเพิ่มขึ้นอย่างมาก จากวิทยากรหลายๆท่าน วิทยากรท่านแรกคือ นพ.ดร.โกมาตร จึงเสถียรทรัพย์ ได้กล่าวถึงกระบวนทัศน์ (paradigm) ว่าเป็นฐานของความรู้และความเข้าใจความจริง (ผมเพิ่งรู้จักและเข้าใจ paradigm ก็วันนี้เองครับ) ซึ่งอาจารย์ได้อธิบายถึงที่มาของระบบวิธีคิดของระบบสุขภาพและการแพทย์ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน (Disease theory system and Health delivery system) ซึ่งเป็นที่มาของระบบการแพทย์แบบแยกส่วน (Bio-medical system) ที่
· เน้นส่วนย่อย ไม่มององค์รวม
· สุขภาพคืออวัยวะที่ทำงานปกติ
· เน้นเหตุผลและการตรวจที่วัดได้
· สนใจกายไม่ใส่ใจกับความรู้สึก
· ขาดมิติทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณ
อาจารย์ได้ชี้ให้เห็นความคิดแบบวิทยาศาสตร์ที่เน้นความจริง (Fact) ที่ตรวจสอบได้ วัดได้ ทำซ้ำได้ เมื่อมาใช้กับมนุษย์ซึ่งไม่เพียงมีแค่ความจริงเท่านั้น แต่ยังมีความดี ความงาม รวมทั้งความรู้สึกและจิตวิญญาณซึ่งไม่อยู่ในแนวคิดแบบวิทยาศาสตร์ จึงทำให้เกิดระบบการแพทย์แบบแยกส่วนขึ้นจากที่อาจารย์ได้อธิบาย ทำให้ผมรู้เลยครับว่า ที่ผ่านมาผมคนหนึ่งล่ะที่มองคนไข้ด้วยความคิดแบบวิทยาศาสตร์และแบบแยกส่วนตามที่อาจารย์พูดเป๊ะเลย การได้ฟังอาจารย์บรรยาย ต้องบอกว่าเป็น paradigm shift ของผมเลยครับ (คงไม่ over ไปนะครับ) จากนี้คงจะพยายามศึกษา ทำความเข้าใจในเรื่องสุขภาพองค์รวมให้มากยิ่งขึ้นไปอีก
จริงๆอาจารย์บรรยายเรื่องอื่นๆที่ดีๆอีกมากนะครับ ผมเก็บตกมาเฉพาะเรื่องที่กระแทกใจผมอย่างจังมาลง blog ครับ ขอบคุณอาจารย์โกมาตรเป็นอย่างสูงครับผศ.ดร.วิไลรัตน์ วรภมร อาจารย์มา share ประสบการณ์การจัดการเรียนการสอนแบบ competency และการสอดแทรกแนวคิดสุขภาพองค์รวมเข้าไปในการจัดการศึกษาให้กับนิสิตทันตแพทย์ ผมเอาใจช่วยอาจารย์และทีมงานให้ทำได้สำเร็จตามจุดมุ่งหมายครับ
ศ.พญ.รัตนวดี ณ นคร ผศ.ดร.ทรงวุฒิ ตวงรัตนพันธุ์ ข้อคิดเห็นที่อาจารย์ได้ให้ไว้ เป็นประโยชน์มากๆเลยครับ
ท้ายสุดต้องขอขอบคุณวิทยากรและผู้จัดงานทุกท่านเป็นอย่างสูง (นำโดย ผศ.ดร.จรินทร์ ปภังกรกิจ ผู้จัดการเครือข่ายทพ.สส.) ที่ได้จัดการประชุมนี้ขึ้น ขอบคุณครับ
โดยส่วนตัวผมหวังว่าจะนำความรู้ที่ได้รับนี้ ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ให้มากที่สุด อย่างน้อยๆก็กับคนไข้ของผม แล้วก็จะพยายามเรียนรู้ให้มากยิ่งขึ้นครับ เพื่อที่จะถ่ายทอดให้กับนิสิตทันตแพทย์มน.ต่อไป ผมเพิ่งจะเขียนเป็น blog แรก ถ้ามีอะไรผิดพลาด โปรดชี้แนะด้วยครับ สวัสดีครับขอบคุณอาจารย์พิชิตมากนะคะที่นำเรื่องราวดีๆแบบนี้มาเล่า และเตือนสติพวกเรา เราสองคนก็เหมือนอาจารย์แหละค่ะ/ครับ ที่มองคนไข้แบบแยกส่วนสนใจแต่ในสิ่งที่เราต้องการ โดยลืมมองอย่างอื่นไป ขอบคุณมากๆสำหรับการประชุมดีๆแบบนี้ ค่ะ/ครับ พวกเราจะนำไปปรับใช้ และจะพยายามถ่ายทอดต่อให้กับนิสิตของเรา
เห็นด้วยครับ
ที่สำคัญเราควรเห็นคุณค่าความเป็นคน มากขึ้น
จะทำให้ทั้งเราและคนไข้ ต่างมีความสุข