สวัสดี ค่ะ เพื่อนนักอ่านที่เคารพ
เจอกันอีกครั้งคราวนี้ดิฉันขอแลกเปลี่ยนเรียนรู้ คำว่า
Learning by Doing กับ Doing by
Learning ว่ามีความเหมือนหรือต่างกันอย่างไร
ดิฉันได้มีโอกาสถามคณะครู เพื่อนร่วมงานที่โรงเรียน
และเพื่อนร่วมสถาบัน ป. บัณฑิต หลาย ๆ
ท่านในความเหมือนและความต่างของทั้งสองคำ ปรากฏว่า
เกือบจะพูดได้ว่าร้อยละ 90 ของผู้ที่แสดงความคิดเห็น ว่า
ทั้งสองคำมีความหมายเหมือนกันไม่ได้มีความแตกต่าง
รวมทั้งตัวดิฉันเองก็คิดเห็นเป็นเช่นนั้น
ก็ไม่ใช่เรื่องผิดนั่นคือความคิดเห็นส่วนตัวของหลายๆท่าน
พอดีดิฉันได้ศึกษาทางอินเทอร์เน็ต
จึงได้รับความรู้ใหม่ที่ถือว่าวิเศษพอควรค่ะ
เมื่อได้อ่านจึงอยากจะสรุปเป็น Concept ของทั้งสองคำนี้
พร้อมกับบอกที่ไปที่มาของคำจำกัดความในแง่ของความคิดของดิฉันเอง
(เห็นด้วยไหมค่ะอยากรู้จัง )
อ่านต่อนะค่ะ
Learning by doing คือ
การเรียนรู้ท่ามกลางการปฏิบัติ
คือในขณะที่ปฏิบัติแล้วเกิดแนวความคิดใหม่ประสบการณ์เกิดการเรียนรู้ในช่วงการปฏิบัติกิจกรรม
Doing by learning
แน่ใจว่าทำแล้วเกิดการเรียนรู้และเป็นประโยชน์เกิดพฤติกรรมในการเรียนรู้ที่ดี
ดิฉันขออ้างอิงแนวคิดของตนเองด้วยบทความข้างล่างนี้นะค่ะ
แนวคิดสำคัญของ
constructionism
by piaget สรุปให้ได้ว่า
เป็นเรื่องที่ผู้เรียนต้องเป็นผู้ที่ใฝ่รู้ที่จะแสวงหาความรู้
ไม่ใช่เป็นผู้รับฝ่ายเดียว
และความรู้ที่ดีนั้นต้องเกิดจากความรู้ในตนเองผสมผสานกับประสบการณ์และสิ่งแวดล้อมภายนอก
หมายถึงว่า ความรู้นั้นจะสำเร็จได้
ก็ต่อเมื่อผู้เรียนนำเอาไปปฏิบัติประยุกต์ใช้ได้จริง ซึ่งขบวนการนี้
ที่จะก่อให้เกิดความรู้ใหม่ผลัดหมุนเวียนเป็นวงจร หมุนไปๆ
เรื่อยๆ
ดังนั้นทฤษฎี Constructionism
ผู้สอนควรเปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้แสดงออกและทำกิจกรรมต่างๆที่ผู้เรียนสนใจด้วย
เพราะความสนใจมันเริ่มจากจินตนาการ
ทำให้ใคร่อยากจะสร้างงานใหม่ๆของตนเองให้เกิดขึ้นมา
ที่นักวิชาการไทยมักใช้คำพูดเก๋ไก๋ว่า
"การสร้างองค์ความรู้"
วิธีการสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองได้ แบ่งเป็น 4
ขั้นตอน หลักๆ คือ
1. Explore
คำว่า explore หมายถึงสำรวจ ค้นคว้า
ในขั้นตอนนี้เป็นปฐมบทที่ผู้เรียนจะเริ่มสำรวจตรวจตราพยายามเข้าใจกับสิ่งใหม่หรือความรู้ใหม่ที่พวกเขาได้รับ(assimilation)
ซึ่งความรู้ใหม่นี้มันจะเข้าไป spark
กับความรู้เดิมในสมอง สิ่งเหล่านี้ ยกตัวอย่างง่ายๆ
ในการเดินทางแต่ละวัน แน่นอนว่าคุณต้องเคยหลงทางบ้างแหละ
พอไปในสถานที่ผิดหูผิดตา ก็ต้องรีบจำว่าที่นี่ที่ไหนกัน
ถ้าหากมันเป็นทางลัด คุณก็ยิ่งจำให้ขึ้นใจ
แต่ถ้ามันเป็นทางที่ทำให้คุณอ้อมข้ามโลก คุณก็จะไม่สนใจ
เป็นต้น
2. Experiment
คือ การทดลอง พอเราเริ่มค้นคว้าแล้ว
ทีนี้ก็มาถึงขั้นเดินหน้าอีกก้าวหนึ่ง คือ
ทดลองที่จะทำเป็นการปรับความแตกต่าง (acommodation)
เมื่อได้พบหรือปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆที่สัมพันธ์กับความคิดเดิมที่มีอยู่ในสมอง
นั่นหมายความว่าเริ่มจะปรับความแตกต่างระหว่างของใหม่กับของเดิมจนเกิดความเข้าใจว่าควรจะทำอย่างไรกับสิ่งใหม่นี้
เช่น ในการต่อเลโก้ & โลโก้
หลังจากที่สำรวจชิ้นส่วนต่างๆและเก็บเป็นความรู้ไว้ในสมองแล้ว
ต่อไปอาจจะเป็นการทดลองสร้างโดยอาจจะสร้างตามตัวอย่างในคู่มือ
หรืออาจจะทดลองต่อเป็นชิ้นงานที่ตนเองอยากจะทำ
หรืออาจจะทดลองต่อตามเพื่อนๆก็ได้
แต่บางคนก็พยายามที่จะปรับตนเองโดยการสอบถามเพื่อนที่สามารถทำได้(ซึ่งจุดนี้เองเป็นจุดเริ่มต้นของการทำให้ทราบว่าคนเป็นแหล่งความรู้ที่สำคัญอย่างหนึ่งและการแสวงหาความรู้จากสิ่งแวดล้อมรอบๆตัว)
ในขั้นตอนนี้อาจจะมีลองผิดลองถูกบ้างเพื่อจะเก็บเกี่ยวเป็นประสบการณ์และสร้างเป็นองค์ความรู้เก็บไว้ในสมองของตนเอง
อย่างไรก็ตามในขั้นตอนนี้จะเกิดทั้งการดูดซึม (assimilation)
และ การปรับความแตกต่าง(acommodation)
ผสมผสานกันไป
3. Learning by doing
คือ การเรียนรู้จากการกระทำ
ขั้นนี้เป็นการลงมือปฏิบัติกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งหรือการได้ปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมที่มีความหมายต่อตนเอง
แล้วสร้างเป็นองค์ความรู้ของตนเองขึ้นมา
ซึ่งจะคาบเกี่ยวกับขั้นตอนที่ผ่านมา ขั้นนี้จะเกิดทั้งการดูดซึม
(assimilation) และ การปรับความแตกต่าง
(acommodation) ผสมผสานกันไป เช่นเดียวกัน
4. Doing by learning
คือ การทำเพื่อที่จะทำให้เกิดการเรียนรู้
ขั้นตอนนี้จะต้องผ่านขั้นตอนทั้ง 3
จนประจักษ์แก่ใจตนเองว่าการลงมือปฏิบัติกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งหรือการได้ปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมที่มีความหมายนั้น
สามารถทำให้เกิดการเรียนรู้ได้และเมื่อเข้าใจแล้วก็จะเกิดพฤติกรรมในการเรียนรู้ที่ดี
รู้จักคิดแก้ปัญหา รู้จักการแสวงหาความรู้
การปรับตนเองให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ฯลฯ
นั่นก็คือเกิดภาวะที่เรียกว่า"Powerfull learning"
ซึ่งก็คือเกิดการเรียนรู้ที่จะดูดซึม (assimilation)
และ การปรับความแตกต่าง(acommodation)
อยู่ตลอดเวลาอันจะนำไปสู่คำกล่าวที่ว่า"คิดเป็น ทำเป็น
แก้ปัญหาเป็น" นั่นเอง
อย่างไรก็ตามขั้นตอนที่กล่าวมาทั้ง 4
ขั้นจะเห็นได้ว่ามีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน
จนบางทีไม่สามารถแยกออกว่าพฤติกรรมที่เห็นนั้นอยู่ในขั้นตอนไหนเพราะมีการผสมผสานกันอยู่ตลอดเวลา
และในการเริ่มต้นของแต่ละบุคคลนั้น
|
โดย: [0 3] ( IP ) www.pantown.com/ board.
php
จากบทความข้างต้นจะเห็นได้ว่า คำว่า Learning by doing และ
Doing by learning มีความแตกต่างกันตามนัย
การสร้างองค์ความรู้ของผู้เรียนจะเกิดสัมฤทธิ์ผลได้ต้องอาศัยขั้นตอนต่างๆ
ทั้ง 4 ขั้นตอนและมวลประสบการณ์ที่ผู้เรียนมีเป็นพื้นฐาน
ซึ่งแน่นอนแล้วว่า การทำงานอะไรก็ตามต้องอาศัยทฤษฎีเป็นแนวปฏิบัติ
เช่นเดียวกับการเดินทางไกลต้องอาศัยแผนที่
เปรียบเสมือนคนที่ปฏิเสธทฤษฎีเปรียบเหมือนคนที่แล่นเรือไปในทะเลโดยไม่มีเข็มทิศส่วนคนที่ปฎิเสธการปฏิบัติ
ไม่เคยลงมือกระทำเลยก็เปรียบได้กับคนมีทั้งเรือและเข็มทิศแต่ไม่ได้ออกเรือไปไหนเลย
ช่างไร้ค่าเหลือเกิน นะเรือ
|
|