ลปรร. R2R DM สวรส. ครั้งที่ 4 /2551
26 พฤศจิกายน 2551
Theme เครือข่ายความเข้มแข็ง DM จาก 300 กว่าเป็น DM 70 กว่าเรื่อง และได้รับรางวัล 30 กว่าเรื่อง
อ.แต้ม...เล่าถึงที่มาที่ไปของเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากการประชุมครั้งก่อน
“เชื่อมคน เชื่อมงาน...เชื่อมความรู้”
เพื่อลด....ช่องว่างของ “ความรู้”
บรรยากาศการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เริ่มจากคุณทัศนีย์ จาก สปช. เล่าเรื่องการขับเคลื่อนเครือข่ายเบาหวาน...
คุณทัศนีย์: งานเครือข่ายเรียนรู้เบาหวาน primary จะช่วยได้เยอะ สปช. จะเชื่อมให้ให้เกิดการทำงานเครือข่าย เริ่มจาก DM เริ่มมีการขยายผลไปสู่การสร้างเครือข่ายการทำงานอื่น เช่น กลุ่มผู้สูงอายุ ภาคกลางจะเป็นจุดอ่อนที่สูงของการทำงานที่ สปช. ซึ่งมีปัญหาเรื่องกลไกทำงาน บทเรียนที่ได้เรียนรู้จากการทำงาน “ชุมชนจะเป็นต้นแบบ และขยายไปยังผู้ดูแล ถือเป็นกลยุทธ์หลักโดยเสริมสร้างผ่าน อสม. การจัดการที่ยังมีปัญหา คือ เขตเมือง” --- primary care team
“บุคลากร และศักยภาพของบุคลากร” ---- ภาระงานมาก เวลาน้อย นี่คือคำบอกเล่าที่มักได้ยินอย่างคุ้นชิน จากคนหน้างาน
ถ้าหากว่ามีการกำหนด Know How จะยังพอช่วยให้กระบวนการทำงานขับเคลื่อนไปด้วยได้
มีกระบวนการคัดกรอง ที่ไม่เป็นไปอย่างสอดคล้องกับพื้นที่
รูปแบบการบริการ ทาง สปช. ได้ทำ tool kid เพื่อเอื้อให้เกิดการทำงานได้มากที่สุด – ท้องถิ่น สาธารณสุข และชุมชน เพื่อให้primary care team ได้ทำงานอย่างเต็มที่
Problem ที่พบมาก คือ ในเรื่อง Information system
ปิยะรัตน์: ศูนย์สุขภาพชุมชนตาปี จ.สุราษฏร์ธานี เล่าว่า มีหมอผลัดกันมาออกตรวจสองวันในหนึ่งสัปดาห์
มีการชักชวนกันก่อตั้งเป็นชมรม
เรียนรู้การใช้สมุนไพร
การเรียนรู้กันเป็นกลุ่ม
เน้นการทำงานเชิงรุกมากขึ้น เช่น ลงไปหาและคัดกรองผู้ที่มีแนวโน้มหรือมีความเสี่ยงต่อการเป็นหวาน จากที่ลงไปออกตรวจหรือคัดกรองในชุมชม พบว่า มีผู้พิการที่มีผู้ป่วยเบาหวานมาก
ให้เจ้าที่ อสม. หรือแกนนำสุขภาพไปประเมินและตรวจ screen ก่อนจากนั้นเจ้าหน้าที่จะออกตรวจเยี่ยมตามอีกครั้งหนึ่ง ภาระงานเยอะ แต่บริบทของ PCU ทำให้กระบวนการทำงานค่อนข้างมีปัญหา ความหลากลายของการตรวจและรักษาในผู้ป่วยก่อให้เกิดเป็นปัญหา ไม่มีแนวทางชัดเจน การสร้างกระบวนการเรียนรู้ไม่เหมาะสมกับสภาพบริบทของผู้ป่วย
Need ต้องการความชัดเจนในแนวทางการดูแล ซึ่งประเด็นนี้ อ.หมอวิจารณ์ท่านจึงเสนอให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันในเรื่องของแนวทางการปฏิบัติงานแต่ละแห่งเล่าสู่กันฟัง
อำเภอสันทราย : ผู้ป่วยขาดนัด การรักษาไม่ต่อเนื่อง ผู้ป่วยไม่ได้รับการดูแลอย่างเป็นองค์รวม
แยกการทำงานออกจากโรงพยาบาล เพื่อ support ต่อชุมชนในเรื่องการได้ความเสมอภาคในการรับบริการของประชาชน
Best Practice คุณนิตยาภา :
ข้อค้นพบของหนองหาร อ.สันทราย ---- (1) ชุมชนซึ่งเป็นเรื่องของเครือข่าย โดยเฉพาะจะช่วยได้ในเรื่องคัดกรอง “อาสาคัดกรอง-” เรียนรู้ร่วมกันกับผู้ป่วยเบาหวาน(2) primary ต้องเชื่อมโยงระหว่าง PCU กับโรงพยาบาลโดยมี CPG เป็นแนวทาง (ผู้บริการทุกระดับ-สาธารณสุขระดับ) (3) อบท. (4) ของบประมาณโดยให้เป็น net work โดยแบ่งตามพื้นที่ที่ อบท. มาร่วมให้การสนับสนุนในการพัฒนา
การ train บุคลากรในเรื่องการมองชีวิต โดยเฉพาะในเชิงคุณภาพ มากกว่าการดูเฉพาะในเรื่องโรค
*การใส่เงื่อนไข* ในเชิงพฤติกรรมของผู้ป่วย + ระดับน้ำตาลในเลือด
ทำแผนผังเครือญาติ ที่สัมพันธ์กับผู้ป่วย เพื่อนำมาเป็นข้อมูลในการใช้คัดกรอง
มีการ plot กราฟ เกี่ยวกับสภาพของผู้ป่วยตามพื้นที่
มีการเชื่อมโยงกับคณะเภสัช มช. และเครือข่ายของมหาวิทยาลัย สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สุขภาพ มช.
(เภสัชกร จะลงสู่ชุมชนมากขึ้น เปลี่ยนบทบาทจากการคอยนั่งแจกยาในห้องจ่ายยา เปลี่ยนลงไปสู่ชุมชนมากขึ้น)
คุณศิริมา : รพ.หนองกุงศรี
นำแนวคิดในเรื่องเสี่ยวเบาหวาน แนวคิดมาจาก เรื่อง self help group มาประยุกต์ใช้กับสภาพบริบทของพื้นที่
อยากทำงาน prevention
นำแนวคิดเรื่อง ฮีตสิบสอง ---- นำคนที่เป็นเบาหวานมาทำในเรื่อง ฮีตสิบสอง
อ.หมอวิจารณ์ - กระบวนการเคลื่อนไหวระบบสุขภาพ
เปลี่ยนวิธีคิด เปลี่ยนวิธีการทำงานสู่ระบบชุมชน เกิดการเรียนรู้ ----- เกิดเป็นการเปลี่ยนระบบสุขภาพ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากปัจจัยเล็กๆ หลายๆ ปัจจัย เพื่อจับทิศทางและการเคลื่อนไหว
เมื่อไรที่เป็นกระบวนการเชิงสังคม – ภาคกลางจะค่อนข้างพัฒนาได้ยาก เนื่องจากมีสภาพทางสังคมที่แตกต่าง
อ.พรศรี: เบาหวานในเด็กและวัยรุ่น ---- Impact ที่เกิด องค์ความรู้ ปัจจัยที่ควบคุมระดับน้ำตาล การให้ความรู้อย่างเดียวไม่สามารถแก้ไขกระบวนการที่ซับซ้อน กระบวนการเรียนรู้เรียนรู้ไปพร้อมๆ กันระหว่างแม่และเด็ก ได้ทักษะในการดูแลผู้ป่วยเบาหวานในเด็กและวัยรุ่น
Out come – self-esteem ดีขึ้น เช่น “เด็กได้เข้าร่วมหวาดภาพ ชีวิตหวานๆ ของฉัน” ผลิตตุ๊กตาในการสอนเด็กเรื่องการฉีดยา เกิดชมรมผู้ปกครองเด็กและวัยรุ่น มีการจัดกิจกรรมค่ายเบาหวานเพื่อสร้างทักษะในดูแลตนเอง เกิดหลักสูตรพัฒนาค่ายพยาบาลผู้ป่วยเบาหวาน
Care team จะมีการประชุมทุกสองเดือน
อ.หมออัครินทร์: ขยายเรื่องการดูแล ผู้ป่วยทุกกลุ่มวัย เน้นในเรื่องการเรียนการสอน เพื่อเน้นให้ผู้ป่วยอยู่ได้อย่างไรให้มีความสุข
ปัญหาและอุปสรรค มองทางบวกให้เป็นโอกาสในการคิดแก้ปัญหา
***อ.หมอเชิดชัย : ชี้ให้เห็นได้ว่า screening d. และ Health screen นั้นให้ผลไม่เหมือนกัน
ทำ value ตั้งแต่ต้นจนจบ เช่น จากตั้งแต่ PCU ไปจนถึงโรงพยาบาล เก็บเป็นข้อมูล
ศิริราช รับขับเคลื่อน R2R ทั้งประเทศ จากความร่วมมือกับทาง สวรส. สปสช.
วันนี้ อ.หมอเชิดชัยมีโจทย์วิจัยมาแจกจ่ายให้กับเครือข่าย R2R เบาหวานอย่างมากมายซึ่งเป็นที่น่าสนใจและน่าค้นหาคำตอบเพื่อสู่กระบวนการพัฒนาหน้างานต่อไป
อ.หมอวิศิษฐ์ : เสนอเรื่อง CPG ทางโรงเรียนแพทย์ต้องเป็นตัวหลัก คุณทัศนีย์เล่าให้ฟังว่าตอนนี้ที่เครือข่ายเบาหวานใช้ไกด์ไลน์ จะใช้ของ สปช.
คุณศิริโสภา : เป็นนักศึกษาปริญญาโททางการพยาบาล มาร่วมเล่าเรื่องการศึกษา care giver ในกลุ่มผู้ป่วยเบาหวานเด็ก ผู้วิจัยมีความเชื่อว่าหากว่า care giver มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องการดูแลผู้ป่วยได้ดีจะช่วยในการดูแลผู้ป่วยเบาหวานได้ดี
สิ่งที่ได้จากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้วันนี้ นำไปสู่การขับเคลื่อนเครือข่าย R2R DM เกิดเป็นรูปธรรมที่น้อมนำกลับไปสู่การสนับสนุนการทำงานขับเคลื่อน R2R สำหรับคนหน้างานต่อไป และสิ่งที่ได้ตามมา การพัฒนาในเชิงระบบในการขับเคลื่อน R2R DM เกิดขึ้นต่อไป นอกจากนี้สิ่งที่ได้ในวันนี้ก่อให้เกิดการเชื่อมคน เชื่อมงาน...
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
วรรคสุดท้ายของความคิด; การบันทึกนี้เป็นการ short note ที่ตนเองบันทึกไว้ขณะร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ มีหลายประเด็นมากที่ข้าพเจ้ารู้สึกประทับใจในเรื่องเล่าของคนต้นแบบเหล่านี้ บอกเล่าสู่กันฟัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่คุณนิตยาภา เล่าถึงงานที่คณะเภสัชกรรมศาสตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่มาร่วมในกระบวนการทำงาน เพื่อเป้าหมายทะลายกรอบการทำงานของเภสัชในห้องกระจก เพื่อเข้าสู่หัวใจผู้รับบริการมากขึ้น ชุมชนมากขึ้น...
คุณนิตยาภา จาก หนองหาร อ.สันทราย กำลังเล่าเรื่องการทำงาน
พี่รัตน์ จาก PCU โรงพยาบาลสุราษฏร์ธานีบอกเล่าเรื่องราวการทำงาน
คุณศิริมา (เสื้อสีดำ)จากหนองกุงศรี...เจ้าของประโยคที่ว่า "ไม่อยากเป็นคนดัง" แต่ตอนนี้ดังไปแล้วเพราะข้าพเจ้ามักนำเรื่องราวการทำงานของเธอผ่านเรื่องราว VCD ที่ สวรส. จัดทำเผยแพร่ไปทั่วประเทศแล้ว
นั่งข้างๆ กันนี้ คือ พี่รัตน์จากสุราษฏร์ธานี
-------------------------------
ขอบคุณอาจารย์กระบุ๋ม ที่ลงรูปและเนื้อหาให้ค่ะ
ถ้ามีอะไรดี ๆ เกี่ยวกับงานเบาหวานก็ส่งมาความรู้มาให้บ้างนะค่ะ
ในเขตเมือง ค่อนข้างทำงานยาก ประชาชนจะเห็นคุณค่าของเจ้าหน้าที่น้อยกว่า
ชนบท องค์กรใหญ่การทำงานเป็นทีมค่อนข้างยากค่ะ
ขอให้อาจารย์มีความสุขกับการทำงานอย่างนี้ตลอดไปนะค่ะ
สวัสดีค่ะ...พี่ปิยะรัตน์
ดีใจจังที่ได้รับการทักทายผ่าน Blog ไม่ทราบว่าการเดินทางวันกลับของพี่เป็นอย่างไรบ้าง...แต่ได้มาเห็นการทักทายนี้ รับทราบได้ว่าพี่ถึงบ้านที่หมายอย่างปลอดภัย...
วันนั้นกะปุ๋มจำได้ว่า ชอบคำพูดของ อ.หมอวิจารณ์ที่ท่านจะเน้นอยู่หลายครั้งเหมือนกันว่า "ปัญหาและความยาก เรามองให้เห็นเป็นความท้าทาย" กะปุ๋มก็เห็นสอดคล้องกับท่านเช่นกันนะคะ ว่าความสำเร็จที่จะเกิดขึ้นได้นั้น มาจากปัญหาและอุปสรรคนี่แหละค่ะ
เป็นกำลังใจให้ในการทำงานนะคะ
(^____^)
สวัสดีค่ะ
อ่านเรื่องราวเบาหวาน แล้วชอบจังค่ะ กระหายอยากอ่านฉบับเต็ม จะหาได้จากที่ไหนคะ หรือถ้าจะกรุณาส่งเมลล์ให้ก็ขอขอบคุณค่ะ คือตอนนี้ทำงานที่ พีซียู ของรพท.หนองบัว อยากให้การดำเนินงานเบาหวานประสบผลดีต่อคนไข้มาก ๆ เลยค่ะ
ยินดีและขอบคุณค่ะ
ขอขอบคุณอาจารย์กะปุ๋มมากค่ะ ที่ได้นำเรื่องราวของคนตัวเล็กตัวน้อยไปขยายผล ยังอยู่ในใจเสมอ"ไม่อยากดัง " แต่ที่ทำในปัจจุบันนี้ประทับไว้ในดวงจิตว่า "ทำดีไว้เพื่อลูก ทำถูกไว้เพื่อหลาน" ขอขอบพระคุณอีกครั้งค่ะ
อ.หมอวิจารณ์ - กระบวนการเคลื่อนไหวระบบสุขภาพ
เปลี่ยนวิธีคิด เปลี่ยนวิธีการทำงานสู่ระบบชุมชน เกิดการเรียนรู้ ----- เกิดเป็นการเปลี่ยนระบบสุขภาพ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดจากปัจจัยเล็กๆ หลายๆ ปัจจัย เพื่อจับทิศทางและการเคลื่อนไหว
ขอบคุณค่ะ