● ไม้ขีดก้านนั้นจากมือใคร
ไม่สำคัญเท่าไฟกำลังโหม
ควันไฟพวยพุ่งถึงโพยม
จุดคบต่อโคมกันคล่ำคลา
ไม่มีมูลฝอยหมาไม่ขี้
ฟืนไม่มีก่อไฟไม่เจิดจ้า
ความจริงความลวงในดวงตา
โถมถาเข้าใส่ไฟและฟืน
วายุวายั่วทั่วแผ่นดิน
แยกข้างกัดกินก้อนสะอื้น
ดุเดือดดุดันเร่งวันคืน
ให้ผืนปฐพีเป็นกองเพลิง
ถนนเดียวกันผ่านไม่ได้
คนละสีหัวใจจนยุ่งเหยิง
หมู่บ้านเดียวกันเข้ารันเริง
กระเจิดกระเจิงกระจายแค้น
ไฟลามฟืนร้ายยิ่งเริงเชื้อ
รากหญ้าเป็นเหยื่อเป็นหมื่นแสน
ไม้ซีกพิทักษ์ซุงซึ่งตายแทน
จึงหนุนจึงแน่นไฟแผ่นดิน
ไม้ขีดก้านนั้นจากมือใคร
ไม่สำคัญเท่าไฟไหม้ลามถิ่น
ไม่สำคัญเท่าซุงยังสูงทมิฬ
ถวิลเทวษประเทศที่รัก
.
ศิวกานท์ ปทุมสูติ
ทุ่งสักอาศรม
วายุวายั่วทั่วแผ่นดิน
แยกข้างกัดกินก้อนสะอื้น
ดุเดือดดุดันเร่งวันคืน
ให้ผืนปฐพีเป็นกองเพลิง
คนไทยด้วยกันพี่น้องเอ๋ย
ไทยเคยเกริกไกรได้เถลิง
ศกใหม่มาศกเก่าไปเกียรติดำเกิง
หยุดสุมเพลิง...เพลิงสุมใจ...และไฟแค้น...
ขออนุญาตนำบทคิดจากสมองขี้เลื่อยของลำดวนมาต่อกลอนนะคะ
กลางกระแสอารมณ์ เหตุผลของคู่ขัดแย้งที่ต่างมีกำลังมวลชน อำนาจ และอาวุธ ย่อมเอิบอาบไปด้วยทิฐิการยึดมั่นถือมั่น ดั่งโคเปลี่ยวที่ทระนงในคู่เขาของกันและกัน แน่นอนว่าสิ่งที่ปรากฏกลางสมรภูมิย่อมมีมูลมีเหตุอันเป็น "สมุทัย" ที่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเป็นผู้ก่อขึ้นก่อน ย่อมมีข้างผิดธรรมก่อกรรมหนัก การณ์เช่นนี้หากปราศจากคนกลางผู้มีบารมีธรรมยื่นมือเข้าไปช่วยคลี่คลายอย่างถูกธรรมถูกทางและอย่างทันท่วงทีแล้ว ยากนักที่จะมีใครถอย...โอ้