รูปแบบการจัดการความรู้ในสถานศึกษา
การบริหารจัดการสถานศึกษายุคใหม่ ต้องบริหารจัดการศึกษาให้ตอบสนองต่อความต้องการของชุมชน สถานศึกษานับเป็นองค์กรหนึ่งในชุมชนซึ่งมีบทบาทสำคัญคือการให้การศึกษาการปรับบทบาทสถานศึกษาให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมรอบตัวและสังคมโลก การให้ความสำคัญต่อบุคลากรภายในสถานศึกษา ว่า “ครู” มีความสำคัญที่สุด ถือเป็นแนวคิดของการบริหารจัดการศึกษาสมัยใหม่ที่เห็นคุณค่าของบุคลากรเป็นสำคัญ เพราะ “คน” คือ ทรัพยากรที่มีค่าสูงสุดขององค์กรทั้งนี้เนื่องจากกระแสของการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกเป็นไปอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยุคนี้ยังเป็นยุคของเศรษฐกิจฐานความรู้ ดังนั้นองค์กรสมัยใหม่จึงจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงบุคลากรในสถานศึกษา จะต้องทำทุกอย่าง ทุกด้านอย่างครอบคลุมและรับผิดชอบ ทำงานเป็นคณะและจำเป็นต้องจัดการความรู้ให้ทุกคนมีจิตสำนึกต่อสถาบันไปในทางเดียวกัน คือ สำนึกในหน้าที่และความรับผิดชอบ
วิจารณ์ พานิช (๒๕๔๗ ก: ๖๓) กล่าวว่า การจัดการความรู้เป็นการเรียนรู้แบบใหม่ที่เรียนจากการปฏิบัติเป็นตัวนำเป็นตัวเดินเรื่องไม่ใช่แค่เรียนจากครูหรือตำรา ตำรานั้นเป็นการเรียนรู้แบบเก่า ซึ่งเน้นเรียนรู้แบบเก่า และเน้นเรียนทฤษฏี ขณะที่การเรียนรู้ แบบ KM ก็เป็นทฤษฏีแต่ว่าเน้นที่การเรียนรู้แบบปฏิบัติ เพราะการปฏิบัติทำให้เกิดประสบการณ์ การจัดการความรู้ไม่ใช่เรื่องของคนๆ เดียวเป็นเรื่องของคนหลายคนที่ทำงานร่วมกัน เพราะฉะนั้นเวลาปฏิบัติแต่ละคนจะมีประสบการณ์ไม่เหมือนกัน เมื่อนำมาแลกเปลี่ยนกันแล้ว อาจเห็นส่วนที่เหมือนกัน ซึ่งจะเป็นการยืนยันว่าเข้าใจตรงกันเมื่อเอาแลกเปลี่ยนกันมากๆ จะทำให้ยกระดับความรู้ความเข้าใจขึ้นไปอีก จะเห็นว่าการจัดการความรู้เราจะเน้นที่การเรียนรู้จากการปฏิบัติ แล้วก็เน้นตัวความรู้ที่เป็นความรู้ใจคนหรือที่เรียกว่า Tacit Knowledge ทั้งนี้ ความรู้จากเอกสารตำรา หรือที่เรียกว่า Explicit Knowledgeนั้นก็สำคัญ เพียงแต่ว่าเรามักจะละเลยความรู้ที่อยู่ในคน
บุญดี บุญญากิจ และคนอื่นๆ (๒๕๔๗ : ๒๒) ได้สรุปขั้นตอนหลักๆ ของกระบวนการความรู้ (Knowledge Process) ไว้ดังนี้
๑.การค้นหาความรู้ (Knowledge Identification)
๒.การสร้างและแสวงหาความรู้ (Knowledge Creation Acquisition)
๓.การจัดการความรู้ให้เป็นระบบ (Knowledge Organization)
๔.การประมวลและกลั่นกรองความรู้ (Knowledge Codification and Refinement)
๕.การเข้าถึงความรู้ (Knowledge Access)
๖.การแบ่งปันแลกเปลี่ยนความรู้ (Knowledge Sharing)
๗.การเรียนรู้ (Learning)
ทั้ง ๗ ขั้นตอนนี้จะช่วยให้องค์กรสามารถสร้างและจัดการความรู้ทั้งที่มีอยู่เดิม ภายในองค์กรและความรู้ใหม่ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในแนวความคิด การจัดการความรู้ในสถานศึกษา โรงเรียนบ้านโคกสูง มีวิสัยทัศน์ มุ่งจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยให้ผู้เรียน รักการอ่าน การเขียน รักการทำงาน รักกีฬา ก้าวทันเทคโนโลยีพัฒนาความรู้คู่คุณธรรม สืบสานวัฒนธรรม ภายใต้ความร่วมมือจากชุมชน ได้แก่
1. จัดการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนรักการอ่านการเขียนโดยเน้นความแตกต่างระหว่างบุคคล
2. จัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้นักเรียนรักการทำงาน รักกีฬา และใช้เทคโนโลยีในการแสวงหาความรู้ด้วยตนเอง
3. จัดการเรียนรู้ ให้นักเรียนมีคุณธรรมนำความรู้ นำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข
4. พัฒนาการศึกษาโดยความร่วมมือของบุคลากรและชุมชน
5. ประชาสัมพันธ์ เผยแพร่ ผลงานของผู้บริหาร ครู นักการ ลูกจ้าง ในเอกสารประชาสัมพันธ์ของโรงเรียน
6. สนับสนุนให้ครูเข้าศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น ใช้ผลงานวิจัยประกอบการวางแผนและแก้ปัญหาเผยแพร่ผลงานวิจัยของ ผู้บริหาร ครู ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารการศึกษา การจัดการเรียนการสอนและควรเป็นงานวิจัยและพัฒนา (Research and Development) เช่น การวิจัยในชั้นเรียน
7.ส่งเสริมการสร้างเครือข่าย ระหว่างบุคคลและเครือข่ายระหว่างหน่วยงานกับสถานศึกษาดังนั้นในการจัดการความรู้ของโรงเรียน จึงกำหนด "เป้าหมายในการจัดการความรู้" (Desired State)เพื่อให้วิสัยทัศน์ บรรลุผล โดยเลือกกำหนดให้สอนคล้องกับยุทธศาสตร์ ที่กำหนดไว้ในแผน
สวัสดีค่ะ แวะเข้ามาอ่านค่ะ ขอบคุณค่ะ
ข้อความดีมากขอเป็นกำลังใจให้ทำผลงานต่อไป