อ.ฤทธิรงค์ เสนฤทธิ์
อ.ธนัณชัย สิงห์มาตย์
อ.อุดมศักดิ์ พิมพ์พาศรี
อ.วัลวลี ศีลพันธุ์
Service-Oriented Architecture: SOA
ในปัจจุบันการดำเนินธุรกิจมีการแข่งขันสูงมาก ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันภายในประเทศและจากต่างประเทศ ส่งผลให้ธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในสภาวะการถดถอยของเศรษฐกิจทั่วโลก ที่มีผลกระทบโดยตรงต่อภาคธุรกิจ ดังนั้น องค์กรธุรกิจจึงจำเป็นต้องมีการแสวงหาแนวทางใหม่เพื่อมาสนับสนุนการพัฒนาธุรกิจสามารถแข่งขันกับองค์ธุรกิจอื่นๆได้ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ในการบริหารจัดการองค์กรก็จัดเป็นวิธีการที่จะทำให้ธุรกิจสามารถสนับสนุนการทำงานได้ดีขึ้น แต่การเลือกเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้สิ่งหนึ่งจะต้องคำนึงถึงก็คือเทคโนโลยีนั้นจะต้องเปิดกว้างให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับองค์กรสามารถนำข้อมูลใช้ไปให้เกิดประสิทธิภาพและประสิทธิผลมากที่สุด
ในวงการไอทีในปัจจุบันกำลังมีการปรับเปลี่ยนก้าวสู่ยุคแนวคิดเชิงบริการ (Service Orientation) เพื่อเป็นการตอบสนองต่อความต้องการของธุรกิจในยุคปัจจุบัน และในอนาคตอันใกล้บุคลากรทางด้านคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะเป็น โปรแกรมเมอร์ ผู้ดูแลระบบ รวมทั้งผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการ จะมีมุมมองต่อการพัฒนาแอปพลิเคชันบนพื้นฐานการทำงานของ บริการต่างๆ ซึ่งการทำงานจะอาศัยมาตรฐานแบบเปิดในการติดต่อเรียกใช้บริการ และมาตรฐานนั้นจะเป็นที่ยอมรับกันในอุตสาหกรรมซอฟแวร์ และเพื่อให้แนวคิดนี้เป็นไปได้จริง องค์กรทางธุรกิจต่างๆจะต้องปรับเปลี่ยนสถาปัตยกรรมของระบบซอฟแวร์ของตนเองให้เป็นเชิงบริการเอสโอเอ
แนวคิดการใช้ SOA (Service-Oriented Architecture ) เกิดขึ้น เพราะการใช้ไอทีในองค์กรไม่ได้จำกัดอยู่เพียงการใช้ซอฟต์แวร์สำเร็จรูป ที่ไม่เพียงพอต่อการทำงานที่เพิ่มขึ้น อีกต่อไป SOA (Service Oriented Architecture) เป็นรูปแบบในการออกแบบระบบ (system) หรือ โปรแกรมประยุกต์ (application) SOA จะมองระบบประกอบด้วยการทำงานหรือบริการ (service) ต่างๆ เพราะการใช้งานด้านไอที ไม่ได้จำกัดอยู่แต่เพียงการใช้ซอฟต์แวร์สำเร็จรูปเพื่อบันทึกข้อมูลของบุคลากรอีกต่อไป แต่ยังจำเป็นต้องวิเคราะห์และบริการจัดการข้อมูล และสร้างบริการในเชิงลึกอีกมาก
Service-Oriented Architecture: SOA
สถาปัตยกรรมเชิงบริการหรือเอสโอเอ (Service-Oriented Architecture : SOA) หมายถึง สถาปัตยกรรมด้านซอฟท์แวร์ ที่รวมเอาบริการหรือเซอร์วิซ (Service) หลายๆ ด้าน มาเชื่อมโยงกัน เป็นระบบที่ใหญ่ขึ้นเพื่อการติดต่อสื่อสารข้อมูล สารสนเทศต่างๆ ซึ่งจะก่อให้เกิดระบบการทำงานแบบอัตโนมัติในหลายด้าน เช่น การติดต่อสื่อสาร การบันทึกข้อมูลต่างๆ ระบบการซื้อ – ขาย ระบบการจองบริการต่างๆ ระบบการเช่า การตรวจสอบเครดิตเป็นต้น ซึ่งขั้นตอนต่างๆ ดำเนินการภายใต้การควบคุมของเซอร์วิซแต่ละด้าน โดยมีมาตรฐานการติดต่อสื่อสารเช่น Web Service
แผนภาพที่ 1 สถาปัตยกรรมเชิงบริการ
องค์ประกอบที่สำคัญของ SOA
องค์ประกอบต่อไปนี้เป็นองค์ประกอบที่จำเป็น เพื่อให้สามารถเรียกใช้บริการอื่นๆ ได้ ดังนี้
1. เซอร์วิส (Service) กลุ่มของอินเตอร์เฟสที่ระบุฟังก์ชันต่างๆ ที่สามารถให้ระบบอื่นสามารถเรียกใช้บริการได้
2. ผู้ให้บริการ (Service Provider) กลุ่มของคอมโพเนนต์ที่สามารถทำฟังก์ชันที่เป็นบริการตามที่กำหนดไว้เป็น เซอร์วิส (Service Specification)
3. ผู้รับบริการ (Service Consumer or Requestor) ระบบอื่นๆ ที่เรียกใช้เซอร์วิสซึ่งระบบอื่นๆ อาจจะเป็นเซอร์วิสที่เรียกใช้เซอร์วิสด้วยกันก็ได้
4. ผู้ให้บริการข้อมูลรายละเอียดของเซอร์วิสและค้นหาสถานที่ตั้งของผู้ให้ บริการ (Service Locator) เป็นผู้ให้บริการประเภทหนึ่ง ซึ่งมีหน้าที่ลงทะเบียนรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ให้บริการ (Service Registry) และคอยให้บริการข้อมูลรายละเอียดที่จำเป็นสำหรับการเรียกใช้บริการ
5. ตัวแทนติดต่อระหว่างผู้รับบริการและผู้ให้บริการ (Service Broker) ทำหน้าที่ช่วยติดต่อส่งคำร้องขอบริการจากผู้รับบริการไปยังกลุ่มของผู้ให้ บริการ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการติดต่อเรียกใช้บริการ
การนำ SOA มาใช้ในองค์กร
การนำ SOA มาประยุกต์ใช้งานในองค์กรจำเป็นจะต้องวิเคราะห์และศึกษาความเป็นไปได้ ดังนี้
1. ความเป็นไปได้ทางด้านเทคนิค (Technical Feasibility)
ศักยภาพของโครงสร้างทางด้านเทคโนโลยีขององค์กรทั้งทางด้าน ฮาร์ดแวร์
ซอฟต์แวร์ และความพร้อมของระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ทั้งภายในและภายนอก
องค์กร
2. ความเป็นไปได้ทางด้านการปฏิบัติงาน(Operational Feasibility)
การตรวจสอบความพร้อมของบุคลากรในองค์กร ทางด้านความรู้เกี่ยวกับ การพัฒนา การใช้งาน การดูแลบำรุงรักษา และการนำเอา SOA มาใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งาน
3. ความเป็นไปได้ทางด้านเศรษฐศาสตร์ (Economic Feasibility)
การศึกษาถึงผลตอบแทนทางการเงินและต้นทุนที่เกิดขึ้นจากการนำเอา SOA มาใช้ในองค์กร
แผนภาพที่ 2 การศึกษาความเป็นไปได้
ประโยชน์ SOA ที่มีต่อธุรกิจ
1. ทำให้เกิดการบูรณาการข้อมูลระหว่างองค์กร
เราสามารถเชื่อมโยงข้อมูลภายในขององค์กรกับองค์กรภายนอกได้ โดยที่แต่ละองค์กรที่ทำการเชื่อมโยงกันนั้นมีรูปแบบหรือเทคโนโลยีที่ต่างกันหรือจะเหมือนกันก็ได้
2. ลดค่าใช้จ่าย
การนำ SOA มาใช้สามารถลดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และการจัดการทางด้านข้อมูลภายในองค์กร
3. ความเข้ากันของฝ่ายพัฒนาระบบกับฝ่ายธุรกิจ
เนื่องจากการทำงานส่วนใหญ่แล้วจะต้องทำงานกับกระบวนการทางธุรกิจเป็นหลักจึงทำให้ฝ่ายธุรกิจสามารถมองระบบออกได้ง่ายยิ่งขึ้นจึงทำให้การพัฒนาระบบสอดคล้องกันได้อย่างลงตัว และทำให้งานที่ได้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
4. ลดความซับซ้อนและลดเวลาในการพัฒนาและดูแลรักษาระบบ
กานดา สายแก้ว. SOA มีประโยชน์อย่างไร. (ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก
http://gotoknow.org/blog/krunapon/88322 ( 1 พฤศจิกายน 2551).
. เว็บไซต์ที่น่าใจในการเรียนรู้เรื่องเอสโอเอ (SOA). (ออนไลน์). เข้าถึงได้จาก
http://gotoknow.org/blog/krunapon/115885 ( 1 พฤศจิกายน 2551).
ณัฐวุฒิ หนูไพโรจน์และคณะ. (2550). “การเชื่อมโยงการทำงานข้าม
องค์กรในกลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจประกันภัยโดยใช้เอสโอเอ” ศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์ ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ทวิตีย์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยาและยรรยง เต็งอำนวย. (2549). “ปรากฏการณ์เอสโอเอ” ศูนย์เชี่ยวชาญ
เฉพาะทางด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์ ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
มปป. สถาปัตยกรรมบริการเชิงรุก (Service Oriented Architecture: SOA). (ออนไลน์).
เข้าถึงได้จาก http://soa-service-oriented-architecture.blogspot.com/2007/09/service-
oriented-architecture-soa.html ( 1 พฤศจิกายน 2551).
วิวัฒน์ วัฒนาวุฒิและสมใจ บุญศิริ. (2550). “Web Services Orchestration using BPEL” ศูนย์
เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์ ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์
คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย.
ไม่มีความเห็น