วิสัยทัศน์และแนวทางการพัฒนาโรงเรียนมัธยมศึกษา
การจัดการศึกษาให้กับวัยรุ่นซึ่งเป็นช่วงที่สำคัญของชีวิต มีการเปลี่ยนแปลงได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว ในฐานะที่เป็นนักการศึกษามีหน้าที่หลักในการพัฒนาบุคคลเหล่านั้นให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา มีความรู้คู่คุณธรรม มีความสามารถในการนำเอาความรู้ต่าง ๆ มาบูรณาการเข้าด้วยกันให้เกิดประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต มีความเฉลียวฉลาด เกิดเชาว์ปัญญามีความคิดที่ฉับไว บนพื้นฐานการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในโลกยุคโลกาภิวัฒน์ ซึ่งเป็นยุคของสังคมเศรษฐกิจฐานความรู้ เราต้องเรียนรู้ให้เร็วกว่าคู่แข่ง เรียนรู้ที่มีความสัมพันธ์กับการทำงาน และสามารถปฏิบัติงานได้ดีมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
บทบาทหน้าที่ของสถานศึกษา ต้องพัฒนาความรู้ให้เกิดขึ้น มีลักษณะเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้อย่างถูกต้องสม่ำเสมอ โดยต้องรับรู้ข้อมูลข่าวสารและสามารถประมวลความรู้นำมาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอนได้อย่างถูกต้องรวดเร็วเหมาะสมกับสถานการณ์ รวมทั้งต้องส่งเสริมและพัฒนาความรู้ ความสามารถ สร้างวิสัยทัศน์ และปรับเปลี่ยนทัศนคติของบุคลากรในสังกัดให้มีประสิทธิภาพ มีการเรียนรู้ร่วมกัน ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ต่อผลผลิตที่มีคุณภาพ ซึ่งหมายถึงสถานศึกษาที่มีคุณภาพ มีผลผลิตที่แสดงถึงคุณภาพคือนักเรียนนั้นเอง
ฉะนั้นสิ่งที่สำคัญในการเป็นสถานศึกษาคุณภาพ คือ ต้องทำให้เป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ ที่ประกอบด้วยคนที่มีความมุ่งมั่นที่จะขยายขีดความสามารถของตน ผ่านกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันเป็นทีมอย่างต่อเนื่อง มีบรรยากาศในองค์การที่เอื้อต่อการเรียนรู้ มีการจัดหา สร้างและถ่ายโอนความรู้ ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม อันเป็นผลมาจากการใช้ความรู้ใหม่ มีแนวคิดในการจัดการความรู้และเทคโนโลยีที่ทันสมัย สร้างนวัตกรรมที่มีคุณค่าต่อตนเองและองค์การ โดยมีเป้าหมายสำคัญคือคุณภาพของสถานศึกษาที่สามารถดำรงอยู่ได้ในสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาของสังคมโลกได้อย่างสง่างาม
ยุทธศาสตร์สู่การปฏิบัติ
แนวทางกระบวนการขับเคลื่อนให้โรงเรียนมัธยมเป็นสถานศึกษาที่มีคุณภาพ โดยเป้าหมายสำคัญคือนักเรียนที่มีความเก่งในทุกด้าน ทั้งเก่งในการเรียนรู้ เก่งคิด และเก่งทำ การเก่งในการเรียนรู้ ก็คือ มีปฏิภาณ ไหวพริบ และความเพียรพยายามตั้งแต่เยาว์วัยในการ ใฝ่รู้ จนเข้าสู่โลกอาชีพแล้วก็ยังปฏิบัติอยู่อย่างเสมอต้นเสมอปลาย และการเรียนรู้นี้ก็จะเป็นหนทางหนึ่งที่จะช่วยสนับสนุนให้นักเรียนที่ฝึกปฏิบัติมีความเป็นเลิศ ซึ่งหนทางหรือแนวทางการปฏิบัติในสถานศึกษาได้จากคุณลักษณะต่อไปนี้
· มุมมองในเชิงองค์การ (Organizational Perspective)
1. มีมุมมองเชิงระบบ มองเห็นและเข้าใจถึงกระบวนการและความสัมพันธ์ของระบบต่าง ๆทั่วทั้งองค์การ
2. มีวิสัยทัศน์ เป้าหมายและค่านิยมร่วมกันทั้งองค์การ
3. มีการมองว่าองค์การสามารถเรียนรู้และเติบโตได้
· มุมมองในเชิงกระบวนการ (Process Perspective)
1. เล็งเห็นโอกาสในความไม่แน่นอนเพื่อสร้างความเจริญก้าวหน้า
2. สามารถปรับตัวและสอดรับกับกระแสการเปลี่ยนแปลงได้ดี
3. สร้างวัฒนธรรมการเสริมแรงและการเปิดเผยข้อมูลในองค์การ
4. มีการเพิ่มอำนาจและกระจายการตัดสินใจให้แก่บุคลากร
5. มีการสร้างเครือข่ายทั้งภายในและภายนอกองค์การ
6. สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้เกิดทั่วทั้งองค์การ
· มุมมองเกี่ยวกับคน (Human Perspective)
1. ให้โอกาสบุคลากรระดับล่างอธิบายความคืบหน้าและอุปสรรคในงาน
2. ผู้บริหารเป็นผู้ชี้แนะ พี่เลี้ยง ที่ปรึกษาและเป็นผู้เกื้อหนุนการเรียนรู้
3. มีแม่แบบที่กล้าและปฏิบัติในสิ่งที่คิดดีแล้ว
4. ให้การสนับสนุนและส่งเสริมการจัดตั้งทีมปฏิบัติงานทุกรูปแบบ
5. มีการใช้คณะทำงานที่มีผู้ปฏิบัติมาจากหลาย ๆ ส่วนงาน
ความสำเร็จของสถานศึกษาที่มีคุณภาพ ขึ้นอยู่กับความสำเร็จในการเรียนรู้ สามารถเปลี่ยนแปลงความรู้ใหม่ ๆ ให้กลายเป็นนวัตกรรม สร้างบรรยากาศสภาพแวดล้อมที่น่าตื่นเต้น สนุกสนาน และเต็มไปด้วยความสำเร็จ ความพยายามเปลี่ยนแปลงโรงเรียนให้ประสบความสำเร็จต้องเกิดจากบุคคลในองค์การร่วมกันพิจารณาสถานะต่าง ๆ ทั้งด้านการแข่งขัน ผลผลิต เทคโนโลยี สถานะทางการเงินอย่างจริงจัง และตระหนักถึงวิกฤตและโอกาสที่มีความรู้สึกจำเป็นเร่งด่วน จะช่วยให้เกิดการผนึกกำลัง ทั้งนี้ปัจจัยที่สำคัญคือการมีกลยุทธ์ที่ชัดเจน สามารถนำกลยุทธ์ไปปฏิบัติและดำเนินงานได้ดี มีวัฒนธรรมในองค์การที่มุ่งเน้นการปฏิบัติงาน ลดขั้นตอนด้วยโครงสร้างองค์การที่ไม่ซับซ้อน มีการรักษาและพัฒนาบุคลากรที่มีความสามารถ ส่งเสริมให้มีผู้นำที่มีความมุ่งมั่น สร้างนวัตกรรมที่ก่อให้เกิดการปรับเปลี่ยน สิ่งที่สำคัญคือมีพันธมิตรเครือข่ายในการร่วมมือ “สร้างองค์การแห่งการเรียนรู้”
สิ่งที่ควรนำมาปฏิบัติในโรงเรียนมัธยม
1. สร้างพลวัตแห่งการเรียนรู้ให้บุคลากรและทีมงาน
· การเรียนรู้อย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งที่มีความสำคัญต่อสถานศึกษา
· สนับสนุนให้บุคลากรบริหารการเรียนรู้และการพัฒนาของตนเอง
· ทุกคนมีความกระตือรือร้นในการรับฟังผู้อื่น ให้ข้อมูลป้อนกลับที่มีประสิทธิผล
· ทุกคนได้รับการอบรม และฝึกสอนให้เรียนรู้วิธีที่จะเรียนรู้
· บุคลากรทุกคนสามารถคิดและปฏิบัติงานได้อย่างเป็นระบบ
· ทีมงานเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีการทำงาน และการเรียนรู้ภายในกลุ่ม
2. ปฏิรูปองค์การ วิสัยทัศน์ วัฒนธรรม กลยุทธ์ และโครงสร้าง
· ทุกคนในสถานศึกษาเข้าใจถึงความสำคัญของการเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้
· มีบรรยากาศทีสนับสนุน และตระหนักถึงความสำคัญของการเรียนรู้
· เราเรียนรู้จากความผิดพลาดและจากความสำเร็จ
· มีการให้รางวัลแก่บุคคลและทีมที่มีการเรียนรู้ และช่วยผู้อื่นได้เรียนรู้
· มีการออกแบบวิธีแบ่งปันความรู้ และส่งเสริมการเรียนรู้ทั่วทั้งองค์การ
· แต่ละฝ่ายมีความร่วมมือกัน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน และเพื่อการเรียนรู้ มากกว่าจำกัดตนเองให้อยู่ในของเขตการทำงานในแผนกตนเท่านั้น
3. การเอื้ออำนาจให้แก่บุคลากร
· พัฒนาบุคลากร และให้อำนาจในการตัดสินใจเกี่ยวกับการเรียนรู้และการปฏิบัติงาน
· กระจายอำนาจและมอบอำนาจตามสัดส่วนหน้าที่ความรับผิดชอบและความสามารถ
· ผู้บริหารและบุคลากรทำงานร่วมกัน เพื่อแก้ปัญหาร่วมกัน
· ผู้บริหารควรมีบทบาทเป็นทั้งผู้ฝึกสอน พี่เลี้ยง และเป็นผู้อำนวยความสะดวก ในการเรียนรู้
· รับฟังความคิดเห็นนักเรียนเพื่อจะได้เรียนรู้ รวมถึงปรับปรุงพัฒนาบริการให้ดีขึ้น
· เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อการเรียนรู้กับชุมชน สมาคมวิชาชีพ และสถาบันการศึกษาอื่น
4. มีการจัดการความรู้
· มีการแสวงหาข้อมูลที่จะทำให้การทำงานของโรงเรียนดีขึ้น
· มีระบบการจัดเก็บข้อมูลจากภายใน และภายนอกองค์การ ที่บุคลากรสามารถเข้าสู่ระบบได้โดยง่าย
· มีการเทียบเคียงการปฏิบัติที่เป็นเลิศจากภายนอกสถานศึกษา
· สนับสนุนให้บุคลากรได้รับการฝึกฝนทักษะต่าง ๆเกี่ยวกับการคิดสร้างสรรค์ และการสร้างนวัตกรรม
· สร้างความตระหนักและความจำเป็นในการเก็บรักษาความรู้ของสถานศึกษา และการแบ่งปันความรู้เหล่านั้นกับผู้อื่น
· จัดตั้งทีมปฏิบัติงานข้ามสายงาน เพื่อถ่ายโอนการเรียนรู้ระหว่างกลุ่ม
· มีการพัฒนากลยุทธ์ และกลไกในการแบ่งปันความรู้ทั่วทั้งสถานศึกษาอย่างต่อเนื่อง
5. ประยุกต์ใช้เทคโนโลยี ระบบสารสนเทศความรู้ ผ่านระบบงานอิเล็กทรอนิกส์
· นำระบบฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลมาอำนวยความสะดวก
· ทุกคนสามารถเข้าถึงทางด่วนข้อมูลได้ผ่านทาง LAN และ Internet
· มีการนำสือประสมมัลติมิเดียมาช่วยอำนวยความสะดวกในการเรียนรู้
· นำโปรแกรมการเรียนรู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์ประกอบมาสนับสนุนการเรียนรู้
· มีการออกแบบระบบสนับสนุนการปฏิบัติงานอิเล็กทรอนิกส์ ให้เป็นไปตามความต้องการเรียนรู้ของสถานศึกษา
· ทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ตนต้องการ เพื่อสามารถปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ยุทธศาสตร์สนับสนุน
การบริหารแบบฐานโรงเรียน (School-Based Management : SBM)
- ผู้บริหารมีภาวะผู้นำมีสมรรถนะในการจัดการ
- การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ร่วมสร้างวิสัยทัศน์ กำหนดนโยบาย
- กระจายอำนาจให้กลุ่มบุคคล
- มีส่วนร่วมกับหน่วยงานภายนอกใช้ทรัพยากรธรรมชาติร่วมกัน ทำให้โรงเรียนมีปัจจัยเพื่อจัดการศึกษา
การประกันคุณภาพ (Quality Assurance : QA)
- เป็นกระบวนการวางแผน และกระบวนการจัดการของสถานศึกษาที่สามารถจัดการศึกษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้เรียนที่จบการศึกษามีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษา
- จัดทำมาตรฐานและตัวบ่งชี้ที่ชัดเจน มีทิศทางและเป้าหมายความสำเร็จ
- กระตุ้นให้ครูมีข้อมูลสารสนเทศของตนเองเพื่อพัฒนาวิชาชีพ
- ใช้กระบวนการเรียนรู้ในระบบประกันคุณภาพเป็นเครื่องมือผลักดันให้ครูมี แผนการสอน สรุปผลหลังสอน วัดผลประเมินผล
การพัฒนาระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน (School Advising and Counseling System : SC)
- รู้จักนักเรียนรายบุคคล มีข้อมูล 3 ด้าน คือ ความสามารถ สุขภาพ และครอบครัว
- การคัดกรองนักเรียน
- การส่งเสริมนักเรียน โดยส่งเสริม สนับสนุนนักเรียนทุกกลุ่ม ให้มีคุณภาพที่โรงเรียนและชุมชนคาดหวัง
- การป้องกันและแก้ปัญหา โดยดูแลเอาใจใส่หาวิธีการช่วยเหลือ
- การส่งต่อ โดยส่งต่อไปยังผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน
สวัสดี......แล้วพบกันใหม่
ไม่มีความเห็น