จัหงวัด พื้นที่ทำการเกษตรในจังหวัดภูเก็ต ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ปลูกยางพารา รองลงมาเป็นพื้นที่ปลูก ไม้ผลไม้ยืนต้น พืชผัก ไม้ดอกไม้ประดับ และอื่นๆ ปัจจุบันพื้นที่การเกษตรลดลงเนื่องจากการขยายตัวของการท่องเที่ยวและบริการ ดังนั้นการส่งเสริมการเกษตรในภูเก็ต จำเป็นต้องปรับตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงและให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัดฝั่งทะเลอันดามัน
จากการวิเคราะห์ SWOT งานส่งเสริมการเกษตรในภูเก็ต พบว่า
. จุดแข็ง เกษตรกรมีความพร้อมในการพัฒนา สำนักงานเกษตรจังหวัดภูเก็ตมีบุคลากรที่มีความรู้หลากหลาย ทั้งในระดับจังหวัด ซึ่งเป็นหน่วยงานสนับสนุน และในระดับพื้นที่ ทำหน้าที่ประสานงานและปฏิบัติงานตามความรับผิดชอบ มีการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ปรับปรุงการให้บริการแก่เกษตรกร รวมทั้งได้มีการสนับสนุนความรู้และตลาดหรือแหล่งจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง
จุดอ่อน ขาดการบูรณาการในการพัฒนาบุคลากร เกษตรกร ข้อมูลสารสนเทศ เครื่องมือและองค์ความรู้ที่
จำเป็นในการพัฒนางานส่งเสริมการเกษตรในภูเก็ต
โอกาส นโยบายภาครัฐที่ส่งเสริมการผลิตสินค้าเกษตรที่ได้มาตรฐาน เพื่อสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นครัวของโลก และหน่วยงานสามารถขอสนับสนุนงบประมาณเพื่อพัฒนางานส่งเสริมการเกษตรจากภาคส่วนต่างๆ ได้แก่ กลุ่มจังหวัด จังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เอกชน เป็นต้น
ข้อจำกัด มูลค่าที่ดินสูงมาก พื้นที่การเกษตรลดลง เนื่องจากการขยายตัวของการท่องเที่ยวและบริการ นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่มีผลกระทบเกษตรกรและผู้บริโภค เช่น ความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศ ศัตรูพืช ต้นทุนการผลิต และค่าครองชีพสูง เป็นต้น
จากการสำรวจข้อมูล พบว่าพืชเศรษฐกิจที่สำคัญและผู้บริโภคมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ไม้ดอกไม้ประดับ พืชผัก ผักพื้นบ้าน พืชสมุนไพร ไม้ผลและไม้ยืนต้นบางชนิด ซึ่งใช้ในการบริโภคผลผลิต แปรรูปเป็นอาหารและเครื่องดื่ม รวมทั้งนิยมใช้ประโยชน์ในกิจการสปาและสุขภาพ พืชดังกล่าวมีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดภูเก็ต ตอบสนองต่อความต้องการและสร้างรายได้ให้กับผู้ผลิต ผู้บริโภค และผู้ใช้ประโยชน์ที่เชื่อมโยงกันอย่างต่อเนื่อง จากข้อจำกัดด้านพื้นที่ที่ลดลง ดังนั้นควรส่งเสริมให้ผลิตพืชที่ตลาดต้องการมาก สร้างรายได้ให้กับผู้ผลิตและเครือข่ายที่เชื่อมโยงกันอย่างต่อเนื่อง ใช้พื้นที่น้อย และ ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม พืชที่สำคัญคือ ไม้ดอกไม้ประดับ