๑๐ . อปัณณกสูตร
สูตรว่าด้วยธรรมะที่ไม่ผิด
พระผู้มีพระภาคเสด็จจาริกไปแคว้นโกศล พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ เสด็จแวะพัก ณ บ้านพราหมณ์ชื่อ “สาลา ” ( ในสาเลยยกสูตรที่ ๔๑ มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ ที่ย่อไว้แล้วที่พระสุตตันตะเล่ม ๔ หน้า ๕ ว่าชื่อ “สาลา”
ณ ที่นั้น ได้ตรัสถามพราหมณ์คฤหบดีชาวบ้านสาลาว่า ท่านมีศาสดาใด ๆ ที่น่าพอใจ ที่ท่านได้ศรัทธามีอาการ ( อันดี ) บ้างหรือไม่.
เมื่อเขาตอบว่า ไม่มี จึงตรัสว่า เมื่อพวกท่านไม่ได้ศาสดาที่น่าพอใจ ก็จงสมาทานประพฤติธรรมะที่ไม่ผิด ธรรมะที่ไม่ผิด ที่สมบูรณ์แล้ว สมาทานแล้ว จักเป็นไปเพื่อประโยชน์และความสุขแก่ท่าน.
-->> ธรรมะที่ไม่ผิดข้อแรก
ครั้นแล้วตรัสขยายความเรื่องธรรมะที่ไม่ผิดต่อไป . ทรงแสดงถึงสมณพราหมณ์ที่เห็นว่า “ ไม่มี ” ( นัตถิกทิฏฐิ ) เช่น ไม่มีผลของกรรมดีกรรมชั่ว กับสมณพราหมณ์ที่เห็นเป็นปฏิปักษ์กัน คือเห็นว่า “ มี ” พวกที่เห็นว่า “ไม่มี ” หวังได้ว่าจะเพิกถอนสุจริตทางกาย วาจา ใจ, สมาทาน ประพฤติทุจจริตทางกาย วาจา ใจ เพราะไม่เห็นของอกุศลธรรม ไม่เห็นอานิสงส์ของกุศลกรรม.
ความเห็น ความดำริ และคำพูดถึงโลกหน้า ซึ่งมีอยู่ว่า “ ไม่มี ” ดังนี้ ย่อมเป็นความเห็นผิด ความดำริผิด และคำพูดผิด เขาย่อมกล่าวเป็นปฏิปักษ์ต่อพระอรหันต์ผู้รู้จักโลกหน้า ย่อมทำให้ผู้อื่นเข้าใจว่าโลกหน้าไม่มี อันเป็นการบัญญัติต่อสัทธรรมและยกตนข่มผู้อื่นเพราะเหตุนั้น เดิมมีศีลดีก็ละเสีย, ตั้งความเป็นผู้ทุศีล, มีความเห็นผิด, ความดำริผิด , คำพูดผิด, มีความเป็นปฏิปักษ์ต่อพระอริยเจ้า มีการบัญญัติอสัทธรรม มีการยกตนข่มผู้อื่น ฉะนี้
อกุศลธรรมจึงชื่อว่าเกิดมีขึ้นเพราะความเห็นผิดเป็นปัจจัย. ในข้อนั้นวิญญูชนพิจารณาเห็นว่า ถ้าโลกหน้าไม่มี คนคนนี้ตายแล้วจักทำตนให้ปลอดภัยได้ แต่ถ้าโลกหน้ามี ก็จักเข้าถึงอบาย ทุคคติ วินิบาต นรก.
แม้แต่สมณพราหมณ์จะกล่าวไว้ว่า โลกหน้ามี ถ้อยคำของสมณพราหมณ์เหล่านั้นจะเป็นจริงหรือไม่ จงยกไว้ แต่คนนั้นก็ถือเอาโทษ . ทั้งสองฝ่าย คือถูกติเตียนในปัจจุบัน และตายไปก็จักเข้าถึงอบาย ทุคคติ วินิบาต นรก.
--> คนคนนั้นชื่อว่าถือผิดสมาทานผิดซึ่งอปัณณกธรรม ( ธรรมะที่ไม่ผิด) แผ่ไปแต่ความเห็นแง่เดียวของตน เว้นฐานะอันเป็นกุศล. ส่วนผู้เห็นว่า “ มี ” ( ซึ่งเป็นทางตรงกันข้าม) ชื่อว่าถือถูก สมาทานถูกซึ่งปัณณกธรรม แผ่ไปซึ่งอปัณณกธรรม แผ่ไปซึ่งส่วนทั้งสอง ( ทั้งวาทะของตนและวาทะของคนอื่น ) เว้นฐานะอันเป็นอกุศล.
-->> ธรรมะที่ไม่ผิดข้อที่ ๒
สมณพราหมณ์บางพวกกล่าวว่า ทำไม่เป็นอันทำ ( อกิริยทิฏฐิ ) เช่น ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ก็ไม่เป็นอันฆ่า ไม่เป็นอันลัก ชื่อว่าเป็นฝ่ายถือผิด ส่วนที่เห็นว่า ทำเป็นอันทำ ชื่อว่าถือถูก สมาทานถูกซึ่งอปัณณกธรรม ฯลฯ.
-->> ธรรมะที่ไม่ผิดข้อที่ ๓
สมณพราหมณ์บางพวกกล่าวว่า ไม่มีเหตุปัจจัยแห่งความเศร้าหมองหรือผ่องแผ้วของสัตว์ทั้งหลาย ( อเหตุทิฏฐิ ) สัตว์ทั้งหลายเศร้าหมองหรือผ่องแผ้ว ( เอง ) โดยไม่มีเหตุปัจจัย ชื่อว่าเป็นฝ่ายถือผิดส่วนที่เห็นว่ามีเหตุปัจจัย ชื่อว่าถือถูก สมาทานถูกซึ่งอปัณณกธรรม ฯ ล ฯ.
-->> ธรรมะที่ไม่ผิดข้อที่ ๔
สมณพราหมณ์บางพวกกล่าวว่า ไม่มีพรหมโลกที่ไม่มีรูปด้วยประการทั้งปวง แต่บางพวกกล่าวว่า มีด้วยประการทั้งปวง พวกที่เห็นว่ามี ย่อมปฎิบัติเพื่อเบื่อหน่ายคลายกำหนัด เพื่อดับรูปทั้งหลาย ( เป็นฝ่ายไม่ผิด ).
-->> ธรรมะที่ไม่ผิดข้อที่ ๕
สมณพราหมณ์บางพวกกล่าวว่า ความดับภพไม่มีด้วยประการทั้งปวง แต่บางพวกกล่าวว่ามีด้วยประการทั้งปวง พวกที่เห็นว่ามี ย่อมปฎิบัติเพื่อเบื่อหน่ายคลายกำหนัด เพื่อดับภพ ( ความมีความเป็น ) ทั้งหลาย.
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๓ ชื่อมัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ เป็นสุตตันตะปิฎกเล่มที่ ๕
ไม่มีความเห็น