สรุปจากการบรรยายของ อ.ศิริพร ขัมภลิขิต 7 ต.ค. 51 อมารีแอร์พอร์ต
benchmarking มี 4 ขั้นตอน
1. รู้เรา เราอยู่ที่ไหน (Where are we) วิเคราะห์องค์กรเปรียบเทียบสมรรถนะให้รู้ตัวเองว่า ในเรื่องนั้น ๆ องค์กรตนเองมีการดำเนินการอย่างไร ผลเป็นอย่างไร,อาจเปรียบเทียบทั้งองค์กร/เปรียบเทียบเฉพาะเรื่องก็ได้
-ตัวชี้วัดความสำเร็จ?
-ปัจจัยเอื้อ ?
-ปัญหาอุปสรรค ?
-จุดอ่อน/จุดแข็ง?
การเลือกหัวข้อมาพัฒนา
1. สิ่งที่จะทำให้เกิดความสูญเสีย ต่อองค์กร,ลูกค้า,ชื่อเสียงสถาบัน
2. ความพร้อมของสถาบัน งบประมาณ ระยะเวลา ความยากง่ายในการเปรียบเทียบ,ทีมงาน
2. รู้เขา ใครเก่งที่สุด (Who is the best) ใครมีระบบการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
- ไม่จำเป็นต้องอยู่ในกลุ่มสายงานเดียวกัน หาจากนอกสายงานที่เขามีจุดแข็งดีเด่น
- กำหนดวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูล และเก็บข้อมูล โดย
2.1 เตรียมคำถามที่ชัดเจน จากการวิเคราะห์จุดอ่อนของเรา
2.2 กำหนดวิธีเก็บข้อมูล อาจใช้หลายวิธี,หลายขั้นตอน เพื่อให้ได้ข้อมูลเบื้องต้นและเชิงลึก ควรใช้วิธีเยี่ยมชม (Size vitsit) จะช่วยให้เห็น"กลวิธี" ไม่เน้นเยี่ยมชมอาคารสถานที่ แต่ให้ดูจุดต่าง ในด้านปัจจัยเอื้อ
- เตรียมส่งคำถามให้เจ้าภาพก่อนวันเยี่ยม เพื่อให้เขาเตรียมผู้ตอบที่ตรงงานมาตอบ
- คำถามที่จำเป็นคือ " เขามีปัจจัยเอื้ออะไรที่ทำให้เขาเป็นอย่างนั้นได้"
2.3 วิเคราะห์ข้อมูล
2.4 นำเสนอข้อมูล ต่อผู้เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ/ทำงาน
2.5 กำหนดเป้าหมายใหม่ร่วมกัน และทำแผนปฏิบัติการ (Benchmarking action plan)
2.6 ปฏิบัติตามแผน และกำบดูแล
2.7ทบทวน ประเมินผลเปรียบเทียบกับเป้าหมายที่กำหนด ว่า บรรลุเป้าหมายหรือไม่ , ทบทวนเป้าหมายใหม่หรือไม่, อะไรคือจุดอ่อนในการดำเนินงานที่ผ่านมา
3. เขาทำได้อย่างไร ( How do they do it) คนเก่ง เก่งอย่างไร มีปัจจัยเอื้อ(Enables) ใดบ้างที่ทำให้เก่งขึ้น
4. เราจะทำอย่างไรให้เก่งขึ้น/เก่งกว่าเขา(how do re do it/ Adapt ) เรากับองค์กรที่เก่งที่สุดต่างกันตรงจุดไหน, มีปัจจัยเอื้ออะไรบ้างที่เอื้อให้เขาbetter ที่เขาทำได้แล้ว,พิจารณานำวิธีการมาใช้,สร้างปัจจัยเอื้อให้เกิดขึ้นบ้าง
KM สรุป จาก วิทยากรคณะสหสวิทยาการ มหาวิทยาลัยนเรศวร
ต้องใช้ KM ไม่ใช่ ทำ KM
โดยการพัฒนาบุคลากรระดับปัจเจก ให้ คิด เขียน ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเป็น
ร่วมกับใช้ปัจจัยเอื้อ ได้แก่ ผู้บริหารระดับสูงต้องทำตัวเป็นแบบอย่าง,ใช้เพลนเน็ตและบล็อกในเว็บ
ไม่มีความเห็น