ผู้เขียนรับราชการต่างจังหวัด แต่จะต้องเดินทางเข้ามาประชุมและติดต่อราชการที่กรุงเทพฯเดือนละครั้งเป็นอย่างน้อย ส่วนใหญ่จะแวะเข้าพักอาศัยกับบุตรชาย เพื่อสร้างความอบอุ่นและถือเป็นการเยี่ยมเยียนไปในตัว
ในครั้งนี้ นับเป็นช่วงจังหวะที่บุตรชายทั้งสองคนครบรอบระยะเวลา 3 เดือน ที่จะต้องไปบริจาคเกล็ดโลหิต (Single Donor Platelets) และโลหิต (Whole blood) ที่สภากาชาดไทย ถนนอังรีดูนังต์ (Henri Dunant) อันที่จริงผู้เขียนเองได้ตั้งใจไว้นานแล้วที่อยากจะบริจาคโลหิต เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันบ้าง แต่ยังไม่โอกาสเสียที ครั้งนี้คงจะได้สมใจปรารถนา จึงขอร่วมเดินทางไปด้วยกัน
วันที่ 28 สิงหาคม 2551 ผู้เขียนและบุตรชายเดินทางไปยังสภากาชาดไทย ถึง เมื่อเวลาประมาณ 10.15 น. ได้กรอกรายละเอียดในเอกสารและกดบัตรคิว โดยบุตรชายคนโตจะบริจาคเกล็ดโลหิตจึงแยกไปดำเนินการต่างหาก สำหรับ
ผู้เขียนและบุตรชายคนที่สอง นั่งรอคิวตามขั้นตอน เพื่อวัดความดันตรวจความเข้มข้นของโลหิต ซึ่งในวันนี้มีผู้คนมาบริจาคโลหิตเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เป็นคนวัยหนุ่ม-สาว ผู้สูงอายุเช่นผู้เขียน (อายุ 56 ปี) แทบจะไม่เห็น
เมื่อถึงคิวการตรวจ บุตรชายผ่านไม่มีปัญหา แต่ผู้เขียนนี่ซิ ! เจ้าหน้าที่อ่านและซักประวัติแล้วบอกว่า ไม่สามารถที่จะบริจาคโลหิตได้ เนื่องจากอายุเกินที่ระเบียบกำหนด กอปรกับเป็นการบริจาคโลหิตครั้งแรก ต่อรองเพื่อขอบริจาคโลหิตอย่างไรก็ไม่เป็นผลสำเร็จ ทั้งที่สุขภาพร่างกายแข็งแรง โรคภัยไข้เจ็บไม่มี การแพ้ยาก็ไม่ปรากฏ ในที่สุดก็ผิดหวังที่ไม่ได้มีโอกาสได้บริจาคโลหิตตามที่ตั้งใจ
ในห้วงระหว่างที่รอบุตรชายทั้งสองดำเนินการตามกรรมวิธีการบริจาคเกล็ดโลหิตและโลหิต ซึ่งต้องใช้เวลานานพอสมควร ผู้เขียนมีเวลาว่างจึงได้นั่งอ่านหนังสือรอไปพลาง ๆ แต่ชั่วขณะนั้นเกิดเอะใจขึ้นมาว่า บัตรคิวที่ได้ หมายเลข 291 ของผู้เขียน และ 290 ของบุตรชาย น่าจะนำไปเสี่ยงโชคซื้อล็อตเตอรี่รัฐบาลเสียหน่อยเป็นไร
วันรุ่งขึ้นที่ 29 สิงหาคม 2551 หลังเสร็จสิ้นการประชุมตอนบ่ายแก่ ๆ ได้แวะห้างสรรพสินค้าย่านถนนรัตนาธิเบศร์ และหาซื้อล็อตเตอรี่ตามบัตรคิวที่ได้รับ คือ 91 หรือ 19 ก็ได้ ปรากฏว่าไม่มี ถ้างั้น 90 ล่ะมีไหม? ผู้ขายบอกว่าไม่มี มีแต่ 09
จะรับหรือไม่ ตกลงผู้เขียนก็เลยซื้อไว้ 1 ใบ ตอนค่ำก็เดินทางกลับต่างจังหวัด และลืมเรื่องนี้ไปเสียสิ้น
ขณะทำงานในห้วงระหว่างเวลา 16.00 น. โดยประมาณ ของวันที่ 1 กันยายน 2551 ได้รับ Message แจ้งผลการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาลงวดประจำวันที่ 1 กันยายน 2551 เลขท้าย 2 ตัวที่ออก คือ 09 เอ๊ะ! ถูกเลขท้าย 2 ตัวนี่ วันรุ่งขึ้นให้ภรรยาไปขอขึ้นเงินรางวัลถูกหัก 3 % คงได้รับเงิน จำนวน 1,940 บาท
ด้วยความตั้งใจจริงที่อยากจะบริจาคโลหิต เพื่อช่วยเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ยังได้รับรางวัล..........ปลอบใจ จากเทพยดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตั้ง 2,000 บาท ถ้าหากได้บริจาคโลหิตจริง ๆ คงจะได้รับรางวัลก้อนใหญ่ ใช่ไหมครับ !
แล้วท่านล่ะ วันนี้คิดที่จะบริจาคโลหิต แล้วหรือยัง !!!!!
ในฐานะที่เป็นบุคคลหนึ่งที่มีความปรารถนาที่จะบริจาคเลือดครับ ดีใจด้วยจริง ๆ ที่ได้ทำอย่างที่ตั้งใจ กระผมตอนนี้ทำงานอยู่ในมหาวิทยาลัยมหาสารคาม และเคยได้รับข่าวการรับบริจาคเลือดจากทางโรงพยาบาลมหาสารคาม ตอนนั้นตั้งใจว่าจะไปบริจาคครับ แต่ มีเหตุขัดข้อง คือ นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ เนื่องจากตัวกระผมเองนั้นทำงานพิเศษในช่วงเวลากลางคืน หลังจากเลิกงานประจำที่ทำแล้วนั้น ซึ่งการทำงานไม่มีลิมิตว่าจะเลิกงานเท่าไร จะต้องอยู่ประจำจนร้านปิด ปาเข้าไปตี 3 พอเดินทางไปบริจาคเลือดหมอตรวจร่างกายแล้ว และได้ซักประวัติ จึงไม่อนุญาตให้บริจาค เสียใจนะครับกับที่ตั้งใจ จึงอยากฝากให้กับคนที่จะบริจาคเลือดนะครับ
1. พักผ่อนให้เพียงพอนะครับ 8 ชั่วโมง
2. ไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอร์นะครับ จะทำให้เลือดมีความดันสูง ซึ่งไม่เป็นผลดีและหมอไม่รับบริจาค
ปล. ข้อ 1. สำคัญที่สุดนะครับ เพราะเรามักเป็นกันบ่อย
ขั้นตอนการบริจาคโลหิต
เตรียมตัวก่อนบริจาคโลหิต
เพื่อที่ผู้บริจาค จะไม่ต้องเสียเวลาโดยไม่จำเป็น ในการรอบริจาค ผู้บริจาคควรสำรวจตนเองว่า มีคุณสมบัติเพรียบพร้อมสำหรับการบริจาคหรือไม่ ซึ่งผู้บริจาค ควรมีคุณสมบัติต่างๆ ดังนี้
1.เป็นผู้มีอายุระหว่าง 17 - 60 ปี
2.มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง น้ำหนักตั้งแต่ 45 กิโลกรัมขึ้นไป
3.ไม่มีประวัติการเป็นโรคมาลาเรีย ในระยะ 3 ปี
4.ไม่มีประวัติเป็นโรคตับอักเสบ หรือดีซ่าน ตัวเหลือง ตาเหลือง
5.ผู้หญิง ไม่อยู่ในระยะประจำเดือน หรือ มีครรภ์
6.ไม่ควรบริจาคหลังทำการผ่าตัด ในระยะ 6 เดือน
7.ผู้เคยรับโลหิตงดบริจาค 1 ปี
8.งดสูบบุหรี่ก่อนบริจาค 12 ชั่วโมง
9.ไม่ทานยาแก้อักเสบก่อนบริจาค 1 สัปดาห์
10.ไม่ได้รับเลือดจากผู้อื่นมาระยะ 6 เดือน
11.ไม่ได้รับวัคซีนมาภายใน 1 ปี
12.ไม่ได้มีสัมพันธ์กับบุคคลอื่นที่มิใช่คู่สมรส
13.มีการนอนหลับสนิท ไม่ต่ำกว่า 6 ชั่วโมง
การบริจาค
เมื่อถึงหน่วยบริจาครับบริจาคโลหิต จะมีผู้เชี่ยวชาญหรือเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน นำใบกรอกเพื่อเขียนประวัติของผู้บริจาคและเซ็นชื่อยินยอม และยอมรับว่าข้อมูลทั้งหมดเป็นความจริง
เมื่อกรอกเรียบร้อยจะถึงขั้นตอนการวัดความดัน และตรวจโลหิตขั้นต้น เพื่อคัดกรองโลหิตในขั้นต้น และเพื่อความปลอดภัยของผู้บริจาคเอง
หลังจากนั้นผู้บริจาคจะถูกพามานอนบนเตียงบริจาคเพื่อเจาะเข็มเข้าเส้นเลือด เพื่อนำโลหิตใส่ยังถุงโลหิต เป็นจำนวน 350 - 450 มิลลิลิตร เจ้าหน้าที่นำเข็มเจาะออก ควรนอนพักเพื่อปรับสภาพสักครู่
เมื่อลุกออกจากเตียง ควรรับอาหารว่าง ที่ทางหน่วยบริการจัดเตรียมไว้ ซึ่งหลักๆ ได้แก่ น้ำหวาน (น้ำแดง) และ ขนมที่ทำมีธาตุเหล็ก พร้อมทั้งรับ ธาตุเหล็กกลับไปรับประทาน
การปฏิบัติตัวหลังการบริจาค
หลังจากการบริจาคโลหิตแล้ว ผู้บริจาคควรปฏิบัติตนหลังการบริจากตามคำแนะนำ เพื่อประโยชน์ของผู้บริจาคเอง ดังนี้
ดื่มน้ำมากกว่าปกติหลังบริจาคเป็นเวลา 2 วัน
งดออกกำลังกายที่ต้องเสียเหงื่อหลังการบริจาค
ผู้บริจาคโลหิตที่ทำงานใช้แรง หรือใช้กำลังมาก ควรหยุดพักหนึ่งวัน
รับประทานยาธาตุเหล็กที่ได้รับวันละ 1 เม็ด เพื่อป้องกันการขาดธาตุเหล็ก
หลีกเลี่ยงการใช้กำลังแขนข้างที่เจาะ เป็นเวลา 12 ชั่วโมง
ประโยชน์ของการบริจาคโลหิต
ได้รับความภาคภูมิใจ ในการบริจาค
ได้รับทราบหมู่โลหิตของตนเองในระบบ ABO และ ระบบ RH
เสมือนได้รับการตรวจสุขภาพร่างกาย เนื่องจาก โลหิตที่ได้รับบริจาค ต้องผ่านกระบวนการในห้องปฏิบัติการ หากเป็นโรคร้ายแรง ทางสภากาชาดจะส่งเอกสารข้อมูลไปยังที่อยู่ที่ลงทะเบียนไว้