Future simple tense


Future simple tense

ศึกษารายละเอียดได้จากบทเรียนออนไลน์ http://www.sirada.net
Future simple tense

          ผลการเรียนรู้ที่คาดหวัง

เมื่อศึกษาแบบฝึกเสริมทักษะนี้จบแล้วน้องๆ สามารถ

       1 .บอกความหมายของ Future simple tense ได้ถูกต้อง

       2. บอกคำที่แสดงเวลาในอนาคตของประโยค Future simple tense ได้ถูกต้อง

        3. บอกหรือเขียนรูปแบบประโยคบอกเล่า, ปฏิเสธ, คำถาม ของ  Future simple tense ได้ถูกต้อง

แบบประเมินผลตนเองก่อนเรียน

 

วัตถุประสงค์  เพื่อประเมินความรู้พื้นฐานของนักเรียนเกี่ยวกับเรื่อง  Future Simple Tense.

คำชี้แจง  จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุด

1.  I am……………….practice the piano this afternoon .

     a. go  to                             b. will  be

     c. going  to                       d. will

2.  Tom ……………………….to watch a movie tonight.

     a. is  going                        b. are going

     c. go                                  d.  was go

3.  We……………..visit our aunt tomorrow.              

     a. is                                    b. am

     c. are                                 d. will

4. Tomorrow is a holiday. They …………………………go to school.

     a. will have                       b. will not

     c. are going  to                d. can

5.  He ………………meet you at the coffee – shop tonight.

     a. will                                 b. is

     c. go                                  d. went

6. Wichuta ___________ be a doctor when she grows up.

     a. is go to                          b. is go to      

     c. is going to                    d. are going to

7. You are _________ buy a new book next week.

     a. will                 b. will be

     c. go to                              d. going to

8. My  mother _________ clean the floor tomorrow.

     a. will                 b. go to

     c. can                 d. to do

9. Today is Sunday. Tomorrow  ________ Monday.

     a. will                 b. will be

     c. will go                           d. will have

10. This year I am in pratom 6. Next year I__________ in Mathatom 1.

     a. study                             b. studies

     c. studied                          d. will study

 

Future Simple Tense.

-          ใช้ แสดงเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต  หรือคาดการณ์ถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น  มักจะมีคำบอกเวลาในอนาคตอยู่ในประโยคเหล่านั้น เช่น

-  tomorrow                  -              พรุ่งนี้                                    

       -  next                             -              ต่อไป

       -  next week                   -              สัปดาห์หน้า

       -  next month                -              เดือนหน้า

       -  next year                    -              ปีหน้า

       - soon                              -              เร็ว ๆนี้ ,  ในไม่ช้า

       -  tonight                        -              คืนนี้

       - this afternoon             -              ตอนเย็นนี้

       -  this evening                -              ตอนบ่ายนี้

                   ………………………………..

1.       รูปแบบประโยคบอกเล่า  เขียน ได้  2  วิธี  คือ

วิธีที่  1

-          ประธาน + verb to  be (is,  am,  are)  +  going to  +  คำกริยาช่อง 1 +  ส่วนขยาย...

-          รูปแบบนี้ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ โดยที่ผู้พูดนั้นมีความตั้งใจหรือวางแผนไว้ล่วงหน้าว่าจะต้องทำสิ่งนั้น  เช่น

-          We are going to play football tomorrow.  พวกเราจะเล่นฟุตบอลพรุ่งนี้.

-          I am going to do my homework tonight.  ฉันทำการบ้านของฉันคืนนี้

-          He is going to read a book tonight.

หมายเหตุ  คำว่า  is going to  =   จะ

                                am going to  =  จะ

                                are going to  =   จะ

วิธีที่  2

-           ประธาน + will  +  คำกริยาช่อง 1 +  ส่วนขยาย...

-          รูปแบบนี้ใช้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่จะเป็นไปเช่นนั้นในอนาคตหรือ เพื่อใช้แสดงความ

เป็นอนาคตที่แท้จริง หลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น

-          I  will be 13 years old  next  year.  ฉันจะมีอายุครบ  13 ปี  ในปีหน้า

-          She will give me the gift next month .  หล่อนจะให้ของขวัญแก่ฉันเดือนหน้า

                                --------------------------- 

แบบฝึกหัดที่ 1

จงเลือกคำบอกเวลาในอนาคตจากประโยคต่อไปนี้

1.       He will read Harry Potter tomorrow.

a. will                              b. read                    c. tomorrow

2.       We will go to the party tonight.

a. party                          b. tonight                               c. go

3.       She will clean her room next week.

a. next week                 b. will clean                           c. her room

4.       Henry will come here soon.

a. will                              b. come here                         c. soon

5.       My mother will be home this afternoon.

a. this afternoon                           b. be home                            c. will be

6.       Mark will come back from Canada next month. 

a. come back                                b. will come          c. next month

7.       I am going to be twelve years old next year.

a. going to                     b. next year                           c. to be

8.       They will go to watch a movie next Sunday.

a. will go                        b. next Sunday                     c. to watch

9.       Kate and Kim going to play tennis this evening.

a.     this evening          b. play tennis                        c. going to

10.    The students will do their home work next weekend.

a. will do                        b. home work                       c. next weekend

แบบฝึกหัดที่  2

จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุดในรูปประโยคของ  Future SimpleTense.

 

 

1.       We……………wash our dishes after meal.

a. will                                 b. going to                         c. are

2.       I am……………play football this afternoon.

a. will                                 b. going to         c. go to

3.       He …………….. drive his car to the office next week.

a. will                                 b. going to         c. is go to

4.       You are………. travel to America next month.

a.  go to                         b. will                     c. going to

5.       She is…………….. sing the songs tonight.

a. will                                 b. are go to        c. going to     

2. การเขียนประโยคปฏิเสธ ในรูปของ  Future Simple Tense

ซึ่งทำได้โดยการเติม  not  หลัง  is,  am,  are  และ  will   ดังรูปแบบดังต่อไปนี้

                                  is  +   not  +  going to  +  คำกริยาช่อง 1  +  ส่วนขยาย...

-      ประธาน  +  am  +   not  +  going to  +  คำกริยาช่อง 1  +   ส่วนขยาย...

                                            are  +  not  +  going to  +  คำกริยาช่อง 1  +   ส่วนขยาย...

                -              ประธาน  +  will  +  not  +  คำกริยาช่อง 1  +   ส่วนขยาย...

                ***         will not  รูปย่อ  คือ  won’ t

                ตัวอย่าง เช่น

                                -  Jim  will  not study  Mathayom 1 next  year .

                                - We will  not clean the classroom  next  week.

                                - She is  not going to wash the clothes this evening.

3. การเขียนประโยคคำถาม ในรูปของ  Future Simple Tense

คำสำคัญ (Tags): #บทเรียนออนไลน์
หมายเลขบันทึก: 209868เขียนเมื่อ 19 กันยายน 2008 10:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 มิถุนายน 2012 03:10 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (22)

เรื่องนี้ประโยชน์กับผมมากเลยครับ เพราะผมจะได้นำเอาข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้ไปทำรายงานนะครับ และอีกอย่างผมขอขอบคุณมากนะครับ....

ขอบคุณค่ะ ที่เข้ามาทักทาย โอกาสต่อไปมาอีกนะคะ

มีประโยชน์มากกับหนูเลยคะ

มีความรู้มากขึ้น มากขึ้นกว่าเดิม

ขอบคุณมากค่ะ น้องกนิษฐา คล้ำประเสริฐ ที่เข้ามาศึกษา โฮกาสหน้ามาอีกนะค่ะ

เข้ามาศึกษาได้ประโยชน์มากคะ สำหรับครูที่ไม่มีความชำนาญในวิชานี้ ขอบคุณจากใจ

ขอบคุนค่ะ

อาจานที่โรงเรียนจะออกสอบ

ฉันไม่เข้าใจเลยอ้ะ

แร้วอาจานก้ไม่สอนด้วย

เข้ามาสอนก้แต่สั่งงานๆๆๆๆๆๆ

ฉันเลยไม่เข้าใจค่ะ

แต่พอมาอ่านแร้ว

มันง่ายกว่าที่คิดนะค่ะ

มันทำให้ดิฉันมั่นใจว่า

จะต้องทำข้อสอบได้

เพราะฉันไม่เก่งอังกิดเลยสักนิด

ขอบคุนมากค่ะ

^ ^

ขอบคุณมากมากค่ะที่แบ่งปันความรู้ที่มีประโยชน์

ขอบคุณมากนะค่ะ

พอดีหนูต้องการทำรายงาน

ดีมากเลยค่ะที่มีเว็บแบบนี้

ขอให้ทำต่อไปนะค่ะ

ขอบคุณมากเลยครับ

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาเยี่ยมชมค่ะ

ทำไมไม่มีประโยคคำถามอะ่

เข้าไปดูรายละเอียด ที่นี่ซิคะ http://www.sirada.net/

ขอบคุณมากเลยนะคะ

ขอบคุณมากครับ ที่มีสื่อการสอนที่ดีมากสำหรับเด็กไทย

ดีมากเลย ขอบคุณมากๆๆๆๆ

ประโยคขอกเล่าและประโยคคำถามในภาษาอังกฤษ

ประโยคบอกเล่า (Affirmative)

เป็นประโยคที่ใช้พูดเพื่อบอกเรื่องราว เป็นการให้ข้อมูล หรือเล่าเรื่องต่าง ๆ รวมทั้งประโยคคำสั่ง ประโยคขอร้องด้วย

รูปแบบประโยค จะประกอบไปด้วย สองส่วน คือ ภาคประธาน และ ภาคกริยา เรียงกันตามลำดับ เช่น

ประธาน (Subject) กริยา (Verb)

Suda smiles.

สำหรับประโยคคำสั่ง จะละประธานไว้ในฐานะที่เข้าใจกัน เพราะ การสั่ง คือการพูดให้ผู้ฟังปฏิบัติตาม ดังนั้น ประธานจึงเป็นคำว่า YOU เช่น

Give me a glass of water. (เอาน้ำมาให้แก้วนึง)

สำหรับประโยคขอร้อง REQUEST เป็นคำพูดที่ควรใช้บ่อย ๆ เพราะเป็นคำพูดสุภาพที่ขอให้ผู้อื่นช่วย หรือทำอะไรบางอย่าง รูปประโยคก็จะเหมือนประโยคคำสั่ง เพียงแต่มีส่วนที่เป็นคำพูดเพราะ ๆ เพิ่มเข้ามา เช่น

Give me a glass of water, please. (ขอน้ำแก้วนึงครับ)

หรืออาจจะเป็นประโยคคำถามที่เพราะ ๆ ก็ได้ เช่น

Can you give me a glass of water, please? (ช่วยเอาน้ำให้ผมแก้วนึงนะครับ)

รูปแบบประโยคบอกเล่า

ประโยค อาจจะประกอบด้วย ประธาน และ กริยาเพียงสองตัวก็ได้ เช่น

Suda sleeps. (สุดานอน)

ประโยคอาจจะมีคำมาต่อท้ายจากริยาได้อีก เช่น

กรรมตรง (Direct Object) หรือ กรรมรอง (Indirect Object) เช่น

Suda likes Narumon. (Narumon = Director Object) สุดาชอบนฤมล

Suda asked Narumon some questions. (Narumon = Indirect Object, some questions = Direct Object) สุดาถามนฤมล 2-3 คำถาม

คำที่บอกลักษณะ หรือ คำคุณศัพท์ (adjective) หรือ คำนามที่ต่อจาก verb to be เช่น

Suda looks tired. (สุดาดูท่าทางเหนื่อย)

You are the boss. (คุณเป็นหัวหน้า)

คำขยายกริยา (adverb) หรือ กลุ่มของคำขยายของกริยา (adverb เช่น

Suda sings beautifully. (สุดาร้องเพลงเพราะมาก)

He took a taxi to the station. (เขานั่งรถแท็กซี่ไปที่สถานี)

ประโยคคำถาม (Interrogative)

ในภาษาอังกฤษ คำถามสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ

คำถามที่ต้องการคำตอบว่า ใช่ หรือ ไม่ใช่ เราเรียกว่าเป็น Yes/No question

ส่วนอีกลักษณะ จะขึ้นต้นประโยคด้วย คำว่า Who, What, Where, When, Why และ How (ใคร อะไร ที่ไหน ทำไม และอย่างไร) ซึ่งเรียกว่าเป็น WH-Question

Yes/No Question

ประโยคคำถามประเภทนี้ ถ้าเปรียบเทียบกับภาษาไทย ก็คือคำถามที่ถามว่า ใช่หรือไม่ ใช่ไหม เป็นอย่างนั้นหรือเปล่า ฯลฯ การถามคำถามประเภท Yes/No Question นี้ มักจะลงท้ายประโยคด้วยเสียงสูง ตัวอย่างคำถามประเภทนี้ เช่น ถามว่า เมื่อวานไปได้ไปถอนเงินให้ผมหรือเปล่า เป็นต้น คำถามประเภทนี้ ในภาษาอังกฤษ จะมีรูปแบบการถามหลายอย่าง คือ

ขึ้นต้นคำถามด้วย Verb to be เช่น ถามว่า

ผู้หญิงคนนี้สวยไหม? เราถามว่า

Is this woman beautiful?

ถ้าถามว่า รถคันใหม่ของคุณสีแดงใช่ไหม? เราถามว่า

Is your new car red?

ถ้าถามว่า บ้านคุณอยู่ไกลหรือเปล่า (ถามคำถามนี้ รู้นะว่าคิดอะไรอยู่) เราถามว่า

Is your house far from here?

ถ้าภามว่า เด็ก ๆ พวกนั้น เป็นลูกคุณหรือเปล่า เราถามว่า

Are they your children?

จะเห็นว่า ประโยคภาษาอังกฤษเหล่านี้ ถ้าพูดเป็นประโยคบอกเล่า Verb to be จะอยู่หลังประธาน เช่น

ประโยคบอกเล่า ประโยคคำถาม

This woman is beautiful. Is this woman beautiful?

Your new car is red. Is your new car red?

Your house is far from here. Is your house far from here?

They are your children. Are they your children?

ขึ้นต้นคำถามด้วย Verb to do เช่น ถามว่า

คุณต้องการให้ผมช่วยเหลือไหม เราถามว่า

Do you need my help?

หรือ ถามว่า เธอเป็นคนตื่นนอนเช้าใช่ไหม? เราถามว่า

Does she get up early?

จะเห็นว่า ประโยคคำถามที่ขึ้นต้นด้วย Do หรือ Does มาจากประโยคบอกเล่าธรรมดา ที่ไม่มีกริยาช่วยตัวอื่นอยุ่ด้วย ดังนี้

ประโยคบอกเล่า ประโยคคำถาม

You need my help. Do you need my help?

She gets up early. Does she get up early?

ข้อสังเกต

เราใช้ Do กับประธานพหูพจน์ และใช้กับ I, You, We, They

ส่วน Does เราใช้กับประธานเอกพจน์ และใช้กับ He, She และ It.

เมื่อมี does มาอยู่หน้าประโยค คำกริยาจะไม่เติม s

ขึ้นต้นคำถามด้วยกริยาช่วยตัวอื่น ๆ

ในกรณีที่ประโยคมีกริยาช่วย เช่น can, may, will, could เป็นต้น เราจะเอากริยาช่วย เหล่านี้ มาวางไว้หน้าประโยค เช่น ถ้าต้องการพูดว่า

กรุณาพูดช้าสักหน่อยได้ไหมครับ

Can you speak slowly, please?

จะกลับมาที่นี่อีกหรือไม่ครับ

Will you come back?

คุณจะลองใส่ไหมครับ

Would you like to try it on?

ข้อสังเกต

เรานำคำกริยาช่วย วางไว้หน้าประธาน จากนั้นจึงเรียงประโยคไปตามปกติ

WH Question

เป็นการถามรายละเอียด ว่า ใคร(who) ทำอะไร(what) ที่ไหน(where) เมื่อไร(when) ทำไม(why) และอย่างไร(how) โดยมีการเรียงรูปประโยค ดังนี้

คำถาม กริยาช่วย/Verb to be ประธาน (กริยา)+ส่วนอื่น ๆ

ถ้ากริยาในประโยคเป็น Verb to be หรือมีกริยาช่วยตัวอื่น ๆ เราเพียงแต่สลับ Verb to be หรือ กริยาช่วยมาไว้หน้าประธาน ส่วนอื่น ๆ ยังคงอยู่ในตำแหน่งเดิม แต่ถ้าประโยคเดิม ไม่มี verb to be หรือ กริยาช่วยตัวอื่น ๆ เราต้องใช้ do หรือ does มาวางไว้หน้าประธาน

ตัวอย่างประโยค

ถ้าต้องการถามว่า.....

คุณมาจากที่ไหน?

Where are you from?

รถบัสของคุณจอดที่ไหน

Where is your bus?

คุณจะอยู่ที่นี่นานเท่าไร

How long will you stay here?

เมื่อวานนี้คุณอยู่ที่ไหน

Where were you yesterday?

คุณต้องการชมอะไร

What would you like to see, sir?

คุณจะกลับมาอีกเมื่อไร

When will you be back?

ประโยคปฎิเสธ (Negative)

ประโยคปฏิเสธในภาษาไทยมีคำว่า "ไม่" แต่ในภาษาอังกฤษ จะมีคำว่า "not" อยู่ในประโยค ตำแหน่งในประโยค จะเป็นดังนี้

ประธาน กริยาช่วย/Verb to be not (กริยา)+ส่วนอื่น ๆ

ถ้าประโยคเดิม มี Verb to be หรือ กริยาช่วยตัวอื่น เช่น can, will ฯลฯ อยู่แล้ว คำว่า not จะอยู่หลัง verb to be หรือกริยาช่วยเหล่านั้น แต่ถ้าไม่มี verb to be หรือ กริยาช่วยตัวอื่นใด จะต้องนำ do หรือ does มาช่วยทำให้เป็นประโยคปฏิเสธ

ตัวอย่าง

ถ้าจะพูดว่า .....

ราคาไม่แพง

It is not expensive.

เราไม่มีสินค้าสีน้ำเงิน

We don't have the blue one.

ผมไม่ชอบมาสาย

I don't like being late.

ราคาจะไม่ลงอีก

The price won't come down.

ข้อสังเกต

ในภาษาพูด จะพูดแบบย่อคำ เช่น will not จะพูดว่า won't และ do not จะพูดย่อว่า don't

แบบฝึก

ขอบคุณทุกท่านค่ะที่แวะมาแสดงความคิดเห็น และให้ความรู้เพิ่มเติมค่ะ ขอบคุมากค่ะ

มีเฉลยของแบบฝึกหัดหรืเปล่าคะ ?

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท