1. เหตุผลและความจำเป็น
การจัดการศึกษาให้แก่ประชาชนของประเทศ เป็นการวางรากฐานการพัฒนาอย่างยั่งยืน การจัดการศึกษาดังกล่าวครูเป็นผู้มีบทบาทสำคัญยิ่งกล่าวคือ เป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ แนะวิธีการ เสาะแสวงหาความรู้ปลูกฝังวิญญาณ คุณงามความดี และถ่ายทอดวัฒนธรรมอันดีงางมของชาติสืบต่อกันตลอดไป สังคมโดยทั่วไปได้ยกย่องครูเป็นบิดามารดาคนที่สองหรือปูชนียบุคคล ซึ่งถือเป็นเกียรติอย่างสูงต่อบุคคลที่ประกอบอาชีพเหล่านั้นจะเห็นว่า ครูคือบุคคลสำคัญในการพัฒนาการศึกษา ครูเป็นหัวใจในการพัฒนาคน การจัดการศึกษาอย่างแท้จริง คือ ผลผลิตจากครูอาจารย์นั่นเอง ถ้าครูมีคุณภาพ ผลผลิตย่อมมีคุณภาพตามไปด้วย คุณภาพของครูขึ้นอยู่กับคุณภาพการสอน ซึ่งคณะกรรมการข้าราชการครูควรกำหนดไว้เป็นมาตรฐานของชาติ
พฤติกรรมกสนสอนที่มีมาตรฐานของชาติ พฤติกรรมการสอนที่มีมาตรฐานย่อมประกัยคุณภาพแห่งผลผลิต ฉะนั้นมาตรฐานการสอน (พฤติกรรมการสอนของครู) จึงเป็นเกณฑ์เพื่อประเมินผลของครูเป็นรายบุคคลที่จะใช้เป็นแนวทางการประกันคุณภาพการสอนนของครูได้ ตามประกาศของกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2539 กล่าวว่า ครูเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการเสริมสร้างและพัฒนานักเรียนนักศึกษาโดยรอบด้านทั้งงด้านสติปัญญา ร่างกายอารมณ์และสังคม ซึ่งจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติโดยส่วนร่วม ดังนันครูนอกจากจะมีความรู้ ความสามารถและทักษะในวิชีพครู ยังจะต้องมีความรัก ความหวังดี มีน้ำใจ มีความเมตตา กรุณา เป็นที่พึ่งและประพฤติตนเป็นแบบอย่างที่ดีต่อศิษย์ ตลอดจนพัฒนาตนเองอย่างส่ำเสมอ จากเหตุผลที่กล่าวมาแล้ว ครูจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่จะต้องได้รับจากสังคมและจะต้องหาแนวทางพิสูจน์ และรับประกันคุณภาพของครูอาจารย์ต่อสังคม
การสรรหาบุคคลเข้าสู่ตำแหน่งครู อาจารย์นั้น อาศัยควาวมเชื่อมั่นว่าบุคคลที่ผ่านหลักสูตรการเรียนในมหาวิทยาลัยหรือจากสถาบันราชภัฏหรือเทคโนโลยีราชมงคล มีการเรียนวิชาการสอน (วิชาครู) มาไม่น้อยกว่า 18 หน่วยกิจ ก็สามารถจะเป็ครูที่ดี ในเรื่องนี้ถ้าได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ก็หวังว่าจะเป็นครูที่ดีได้ ในอดีตจากการฝึกหัดครูได้คนดี คนเก่งเข้ามาศึกษาวิชาชีพครู ครูจึงเป็นที่ยอมรับของสังคม แต่ในปัจจุบันเป็นที่เชื่อมั่นว่าการเรียนจากมหาวิทยาลัยหรือสถาบันอื่น ๆ คงจะไม่เพียงพอต่อควาวมเชื่อมั่นของสังคม จำเป็นต้องหามาตรการอื่นๆ ที่จะให้สังคมเชื่อถือและไว้วางใจ ก.ค.จึงสมควรหาทางประเมินคววามเชื่อมั่นในการสอนของครูดังต่อไปนี้
(1) สร้างความเป็นสากลให้เกิดกระบวนการเรียนการสอนเป็นที่ยอมรับของสังคมโดยทั่วไป
(2) ผลักดันให้เกิดการแข่งขันเทคนิควิธีการสอน
(3) สร้างความเชื่อมั่นต่อสังคมในพฤติกรรมการสอนของครู อาจารย์
(4) เร่งรัดการพัฒนาครูให้เข้าสู่มาตรฐานการสอน
2. คุณภาพการสอนของครู
พฤติกรรมการสอนของครูในทุกระดับการศึกษาและทุกวิชาที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบ จะต้องส่งผลให้ผู้เรียนได้บรรลุสัมฤทธิ์ตามวัตถุประสงค์ของหลักสูตรโดยสมบูรณ์ครบถ้วน สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องวิเคาระห์บทบาทที่แท้จริงของครูว่า เป็นบทบาทและหน้าที่จะต้องวัดและประเมินผลได้อย่างเป็นรูปธรรมในช่วงระยะเวลาหนึ่ง พฤติกรรมการสอนหรือวัฒนธรรมการสอนของครู ที่ครู-อาจารย์ส่วนใหญ่ของประเทศประพฤติปฏิบัติและเกิดผลดีต่อผู้เรียนได้อย่างแท้จริงนั้น จึงจะยอมรับ ได้ว่าครูผู้นั้นมีคุณภาพการสอน
คุณภาพการสอนที่แท้จริงไม่แตกต่างไปจากการบริการที่ประทับใจโดยทั่วไปของอาชีพอื่น ๆ ส่วนที่ทำให้เกิดคุรภาพการสอนก็คือ มาตรฐานการทำงานของครูดดยทั่วไปนั่นเอง เมื่อเปรียบเทียบการทำงานของครู-อาจารย์ต่อการผลิตทางอุตสาหกรรมที่มุ่งเน้นผลผลิตที่มีคุณภาพ เป็นที่ยอมรับของลูกค้า ส่วนหนึ่งมาจากการประกันกระบวนการผลิต ซึ่งถือว่าเมื่อมีกระบวนการผลิตที่ดี มีการตรวจสอบกระบวนการผลิตทุกขั้นตอนก็จะทำให้ผลผลิตนั้นออกมาสู่ตลาดอย่างมีคุณภาพที่ ISO ได้ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน สำหรับครู-อาจารย์นั้น จะมีความสลับซับซ้อนในพฤติกรรมการผลิตต่างจากโรงงานอุตสาหกรรม เป็นอย่างมาก เพราะครูเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้คุมกระบวนการผลิตมีเอกสิทธิ์ในห้องเรียนแต่ผู้เดียว จึงเป็นบุคคลที่มีคุณภาพเหมาะสมกับงานที่ได้รับมอบหมายโดยไม่อาศัยปัจจัยภายนอกมาเป็นเครื่องชี้วัด คือ
W(in) = W(ouy) (โดยไม่ต้องคำนึงถึงการ Loss ใด ๆ)
3. แนวทางการปรพกันคุณาพการสอนของครู
ครูที่มีคุณภาพจะตอ้งเชื่อว่า
W(in) = W(ouy) (โดยไม่ต้องคำนึงถึงการ Loss ใด ๆ)
W(in) คือ งานที่ครู-อาจารย์ปฏิบัติเต็มที่ตามที่ได้รับมอบหมายเท่ากับคุณภาพการสอน
W(ouy) คือ การบรรลุจุดประสงค์ของหลักสูตร (โดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ)
คุณภาพของครู = คุณลักษณะของครู + คุณภาพการสอน
1) คุณลักษณะของครู หมายถึง ความรับผิดชอบต่อหน้าที่ การรักษา มีความวิริยะอุตสาหะ มีจริยธรรม และความประพฤติ สามารถประเมินพฤติกรรมได้ มีตัวชี้วัด และสามารถประเมินพฤติกรรมได้
2) คุณภาพการสอน หมายถึง ความรู้ ทักษะการสอน เทคนิคการสอน การใช้สื่อเทคนิค การประเมินผล แนวทางปฏิบัติต่างๆ ที่จะส่งผลให้ผู้เรียนมีสัมฤทธิ์ทางการเรียนตามจุดมุ่งหมายของหลักสูตร
กล่าวโดยสรุป การประกันคุณภาพครู คือ การวางแผนและดำเนินการอย่างเป็นระบบขององค์กรบริหารงานบุคคลของราชการครู (ก.ค.) เพื่อให้เกิดความมั่นใจในการเรียนการสอน อีกนับหนึ่งหมานยถึง กิจกรรม หรือวิธีปฏิบัติใด ๆ ที่ครู-อาจาย์ปฏิบัติและดำเนินการและใช้เทคนิควิธีการสอนที่ได้วางแผนไว้ดีแล้ว จะทำให้เกดความเชื่อมั่นในผลผลิต อันได้แก่นักเรียน นักศึกษาที่สำเร็จการเรียนจากครู-อาจารย์ ผู้สอนราวิชานั้น ๆ จะมีคุณภาพและสัมฤทธิ์
4. แนวคิดและยุทธวิธีในการประกันคุณภาพครู-อาจารย์
ผู้ที่จะประกอบอาชีพครูสังกัดกระทรวงศึกษาธิการจะต้องได้มาตรฐานสากล การเข้าสู่มาตรฐานสากล จะต้องมีการประเมินทั้งภายนอกและภายในองค์กร อย่างมีระบบ เป็นที่เชื่อถือและตรวจสอบได้ทั้งระบบการสอน และตรวจสอบผลของการดำเนินการอย่างน้อยผู้เข้าสู่การประกอบอาชีพ จะต้องเข้าสู่มาตรฐานขั้นต่ำ (MRT) ของครูจัดให้มีกระบวนการตวรจสอบและประกันคุณภาพอย่างมีขั้นตอน เพื่อกระตุ้นให้ครู-อาจารย์ทั่วประเทศเร่งรัดพัฒนาคุณภาพ สามารถตรวจสอบได ้สร้างความเชื่อมั่นให้สังคมตลอดไป
ยุทธวิธีในการดำเนินการประกันคุณภาพการสอนของครูอย่างมีระบบและต่อเนื่อง
1) จัดตั้ง อ.ก.ค. วิสามัญเฉพาะกิจเพื่อศึกษาแนวทางการประกันคุณภาพการสอน
2) ขยายผลการศึกษา ให้มีเครือข่ายนำร่อง การประกันคุณภาพ
3) ขยายเครือข่ายการยอมรับทั้งภาครัฐและภาคเอกชน
4) สร้างระบบการประกันให้เป็นที่ยอมรับจากสังคม
5) ขยายผลการประกันไปในทุกระดับของครู-อาจารย์
6) สร้างองค์กรในระดับชาติ เพื่อควบคุมมาตรฐานการประกอบของครูได้เป็นองค์กรอิสระ
เพื่อให้เกิดผลตามแนวคิดดังกล่าว สำนักงาน ก.ค. ต้องเร่งรัดสนับสนุนให้ อ.ก.ค. เฉพาะกิจ เร่งรัดการดำเนินการและทดลองมาตรฐานขั้นต่ำของอาชีพ เพื่อครูรุ่นใหม่จะได้เป็นหลักประกันของสังคมต่อไป
5. บทสรุป การประกันคุณภาพขอวครูควรมี 2 ระดับ คือ
ระดับที่ 1 ควบคุมโดยองค์กรบังคับบัญชาโดยตรง ให้มีความเชื่อมั่นได้ว่า การควบคุม การกำกับดูแล การสนับสนุน กระบวนการสอนเป็นไปอย่างไรผลตรงตามมาตรฐานกำหนด
ระดับที่ 2 เป็นการควบคุมคุณภาพการสอน โดยองค์กรกลางหรือองค์กรภายนอก เพื่อตรวจสอบและควบคุมคุณภาพภายในอีกชั้นหนึ่ง
ในการประกันคุณภาพทั้งสองระดับ ต้องมีแผนงานและการปฏิบัติที่เป็นระบบ เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น และต้องทำทั้งสามขั้นตอน คือ
1) พัฒนาคุณภาพ
2) ตรวจสอบคุณภาพ
3) ประเมินคุณภาพ
และเมื่อทำให้ครบทั้งสามขั้นตอนแล้ว จึงถือว่าเป็นการประกันคุณภาพของครูการประกันคุณภาพนั้น ควรแยกพฤติกรรมการสอนออกตามวัย หลักสูตร และพฤติกรรมของผู้เรียน ควรจะแบ่งการประกันคุณภาพประเภท
- ครูผู้สอนระดับอนุบาล
- ครูผู้สอนระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน
- ครูผู้สอนอาชีพ
- ครูผู้สอนระดับอุดมศึกษา
เพื่อผู้ใช้บริการไม่สับสนต่อความรู้ความสามารถของครู และให้เหมาะสมกับงานที่จ้างให้ดำเนินการสอนอยู่ และพื่อการตรวจสอบคุณภาพอย่างมีประสิทธิภาพ ควรจะมีการประกันครูชั้นหนึ่งและชั้นสอง ครูชั้นหนึ่ง เมื่อมีการประเมินผลงานการสอนแล้ว ไม่ควรมีการสูยเสียใด (ค่า Loss = 0) ส่วนครูประกันคุณภาพชั้นที่สอง นั้น ให้มีค่าของการสูญเสียได้บ้างตามสมควร อ.ก.ค. เฉพาะกิจว่าด้วยการประกันคุณภาพครูนั้นควรจะดำเนินการทำประชาพิจารณ์ เพื่อหาข้อยุติ เพื่อเป็นภาพรวมของสังคม ผลจึงจะเกิดแก่ผู้เรียนโดยสมบูรณ์
ที่มา:http://www.aksorn.com
ไม่มีความเห็น