เพื่อยืนยันความเป็นลาวเวียงของคนบ้านกลางหมื่น
ผู้เขียนจำเป็นต้องศึกษาประวัติศาสตร์ความเป็นมาของชุมชนแห่งนี้
แต่ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นโดยเฉพาะอีสานส่วนใหญ่จะไม่มีการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร
ดังนั้นกรอบที่ผู้เขียนเลือกใช้ในการศึกษาจึงเริ่มต้นที่การศึกษาจากเอกสารของนักวิชาการและเอกสารราชการ
ควบคู่ไปกับ
การศึกษาประวัติท้องถิ่นด้วยตำนานประวัติศาสตร์ท้องถิ่น
การศึกษาประวัติท้องถิ่นบ้านกลางหมื่นในภาพเอกสาร
ผู้เขียนเลือกศึกษาจากเอกสารและงานวิจัยของนักวิชาการและหน่วยงานของรัฐเป็นสำคัญโดยเฉพาะงานเขียนด้านประวัติศาสตร์ซึ่งอาศัยจิกซอของประวัติเมืองกาฬสินธุ์เป็นฐาน
เติม วิภาคย์พจนกิจ
นักประวัติศาสตร์คนสำคัญที่มีงานเขียนเกี่ยวกับอีสาน ในหนังสือชื่อ
ประวัติศาสตร์อีสาน[1] กล่าวถึงบ้านกลางหมื่นสั้น ๆ
เพียงว่า
“ประวัติเมืองกาสินธุ์เพิ่งปรากฎหลักฐานชัดในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์มานี้ว่าเจ้าผ้าขาวซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับเจ้าพระวอ
เจ้าพระตา(พระวรราชภักดี)เมืองอุบล
เจ้าผ้าขาวเกิดผิดใจกับเจ้าผู้ครองนคร
เวียงจันทน์ด้วยเรื่องโอรสของพระเจ้ากรุงศรีสัตตนาคนหุตเวียงจันทน์ผิดประเวณีในหลานของเจ้าผ้าขาวก็พากันอพยพครอบครัวเข้ามาตั้งหลักแหล่งอยู่บ้านหินโงมพวกหนึ่ง
ที่บ้านหนองบัวลุ่มภูพวกหนึ่งอีกพวกหนึ่งมาตั้งอยู่ทางบ้านกะลึมเมืองพาน
[2] ส่วนเจ้าผ้าขาวและไพร่พล
อพยพมาทางใต้ยึดมั่นในหมู่บ้านที่เรียกกันว่า บ้านพรรณา บ้านผ้าขาว
จนหลานสาวที่มีครรภ์กับโอรสพระเจ้านครเวียงจันทน์มาก่อนนั้นคลอดบุตรเป็นชายชื่อว่า
เจ้าโสมพะมิตร
เมื่อเจ้าผ้าขาวถึงแก่อนิจกรรมลงเจ้าโสมพะมิตรก็ได้ปกครองบ่าวไพร่แทน
แตเห็นว่าต่อไปเบื้องหน้าจะอยู่บ้านผ้าขาวไม่ปลอดภัย
จึงพากันอพยพข้ามภูพานลงมาตั้งในที่แห่งหนึ่งซึ่งเรียกกันต่อมาว่า
บ้านกลางหมื่น แต่เห็นว่ายังไม่เหมาะอยู่อีก
จึงได้ย้ายมาตั้งที่ตำบลแก่งสำโรง
ข้ามดงสงเปือยริมน้ำปาวเดี่ยวนี้ ครั้นจุลสักราช1155
พระบามสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกจึงโปรดเกล้าฯให้ยกบ้านแก่งสำโรงขึ้นเป็นเมื่อง
กาฬสินธุ์ “
งานศึกษาทางประวัติศาสตร์ของสุวิทย์ ธีรศาศวัต
นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์อีสานและลาวก็มีความคล้ายคลึงกับงานเขียนของ
เติม วิภาคย์พจนกิจ ที่กล่าวถึงบ้านกลางหมื่นเพียงสั้น ๆ ว่า
“เจ้าผ้าขาวได้เกิดผิดใจกับพระเจ้ากรุงเวียงจันทน์ด้วยเรื่องโอรสของพระเจ้ากรุงเวีงจันทน์ผิดประเวณีกับหลานสาวของเจ้าผ้าขาว
ก็พากันอพยพครอบครัวมาตั้งถิ่นฐานที่บ้านหินโงม(อยู่ในเขตจังหวัดหนองคาย)พวกหนึ่ง
ที่บ้านหนองบัวบำภู(จังหวัดหนองบัวลำภู)พวกหนึ่ง
ที่บ้านกะลึมเมืองพาน(อำเภอบ้านผือ จังหวัดอุดรธานี)พวกหนึ่งใน
พ.ศ.2311
ถูกกองทัพของพระเจ้าสิริบุญสารตีแตกก็อพยพผู้คนมาตั้งในลุ่มน้ำสงครามซึ่งต่อมาเรียกว่าบ้านพรรณา
บ้านผ้าขาว(อยู่ในอำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร)
เมื่อเจ้าผ้าขาวถึงแก่กรรม
เจ้าโสมพะมิตรซึ่งเป็นหลานของเจ้าผ้าขาวก็เป็นหัวหน้ากลุ่มนี้
ทางกลุ่มเห็นว่าบริเวณบ้านผ้าขาว
บ้านพรรณาไม่ปลอดภัยจากเวียงจันทน์จึงตัดสินใจอพยพข้ามภูพานมาตั้งบ้านใหม่
ซึ่งต่อมาเรียกว่า
บ้านกลางหมื่น
แต่ต่อมาก็เห็นว่ายังไม่เหมาะสมจึงย้ายมาตั้งถิ่นฐานที่ตำบลแก่งสำโรง
ข้ามดงเปือยริมน้ำปาว”
[3]
[1] เติม
วิภาคย์พจนกิจ,ประวัติศาสตร์อีสาน.โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์:กรุงเทพฯ.พิมพ์ครั้งที่
4,2546. น.190
[2]
ปัจจุบันคือตำบลพาน อำเภอผือ จังหวัดอุดรธานี
[3] สุวิทย์
ธีรศาสวัต,ท้องถิ่นลุ่มน้ำโขงสามัยชนคนชื่อชอบคลังนานาวิทยา:ขอนแก่น.2547.น.89