เมืองไทย เมืองที่ใครๆ ก็ยกมือไหว้

เมืองไทยมีดี

เมืองไทย เมืองที่ใครๆ ก็ยกมือไหว้


ช่วงนี้เราได้ดารง ดารา ศิลปินต่างชาติ ต่างภาษา บินข้ามน้ำข้ามฟ้า ข้ามทะเล มาเมืองไทยบ่อยๆ ทำให้เรารู้สึกว่า แหม! เมืองไทยเรานี่มีเสน่ห์ใครๆ ก็อยากมาเที่ยว มาเยี่ยม มาใช้ชีวิตอยู่...ก็บ้านเรานะ อู่ข้าวอู่น้ำ...แถมคนไทยก็เป็นคนมีน้ำใจ รักใครรักจริง เป็นชาติที่ไม่มีใครเหมือนนะจ๊ะ น่าภูมิใจ มาดูกันสิว่าเรามีดีอะไรบ้าง

วัฒนธรรมการไหว้
การไหว้ของไทยเป็นศิลปะวัฒนธรรมที่น้อบน้อมใช้เคารพ กันแสดงการมีมิตรจิต มิตรใจ ดูสิใครไปใครมาบ้านเรา เราก็จะสอนให้เขาไหว้ แล้วก็สอนคำว่า สวัสดี ค่ะ / ครับ ถ้าบังเอิญเราเห็นชาวต่างชาติไหว้ หรือเขาพูดภาษาของ เราเราก็จะอดอมยิ้มไม่ได้ที่จะชื่นชม เพราะเราคนไทยมีความภูมิใจในวัฒนธรรมของเรามาก ...จนอดที่จะสอนคนอื่นให้ไหว้กันได้ตลอด ถึงแม้เราอาจจะไหว้กันเองวันละ 1-2 หนเป็นอย่างน้อย


เมืองไทยมีผู้หญิงสวย..มีนางงามจักรวาลถึง 3 คน
นับตั้งแต่พี่ปุ๊ก อภัสรา หงสกุล พี่ ปุ๋ย พรทิพย์ นาคหิรัญกนก และ น้องฟ้า นาตาลีเกลโบว่า ที่เธอหันเหมาใช้ชีวิตเป็นว่าที่สะใภ้คนไทย และเราก็สอนให้เธอไหว้เป็นฑูต วัฒนธรรมอยู่พรรคใหญ่ เราชอบความงดงาม ชอบสิ่งสวยๆ งามๆ และก็ชอบผู้หญิงสวย ชอบนางงาม เพราะเป็นหน้าเป็นตาของประเทศ สามารถไปแข่งกับประเทศอื่นได้ ผู้หญิงไทยสวยที่สุด ^_^

เรามีชุดประจำชาติแสนเก๋ไก๋
สืบเนื่องจากเรื่องนางงามอีกนั่นแหละ กับชุด "ธิดาดอย"(Angel) อันแสนลือลั่นเป็น talk Of the town ตลอดการประกวด แหม.....! ก็ชุดนี้เป็นความภูมิใจของชาติที่มีน้องกวาง Miss Thailand Univers 2007 เขาเอาไป ใส่ประกวดที่ Maxico จนทำให้กระทรวงวัฒนธรรมต้องคอยเบรค ในไอเดียบรรเจิดของกองประกวด อาจเกรงว่าสาวไทยยุค 2007 จะอินเทรนด์ ด้วยการใส่ชุดประจำชาติชุดนี้ เข้าพิธีรดน้ำสังข์ และทำบุญเลี้ยงพระกันถ้วนหน้า (เสียดายน้องกวางน่าจะเอาแครอทไปฝาก พร้อมร้องเพลงของน้องมายด์ด้วย เพราะช่วงหนึ่งคนไทยก็ภูมิใจร้องได้ทุกคน)



เมืองไทยเป็นเมืองแห่งความหวัง
ไม่ว่าเราจะมีความเหลื่อมล้ำต่ำสูงสักแค่ไหน..เราก็มีความหวังมีหน้ามีตา มีฐานะทางสังคมทัดเทียมกัน เราก็เลยมี ล็อตเตอรี่ หวยบนดิน หวยใต้ดิน สลากกินแบ่ง ให้เราได้ลุ้นกันทุกเดือน ทุกปี งวดนี้ถูกกิน ไม่เป็นไร งวดหน้าต้องได้ เดี๋ยวเอาใหม่


เรามีสื่อที่ดี ทำให้รูจักดาราเหมือนเป็นญาติสนิท
ไม่ว่าดาราคนดัง คนไหนทำอะไร ยังไงกับใครเราก็สามารถรับรู้และวิพากษ์วิจารณ์ได้อย่างออกรส เหมือนประหนึ่งรู้จักกันมาตั้งแต่หนหลัง ทั้งเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว เรื่องในมุ้ง เรื่องในท้อง ท้อง ไม่ท้อง รับ ไม่รับ แท้ง ไม่แท้ง แล้วเราก็คุยกันเองถึงดราคนนั้นคนนี้กับทุกๆ คนเพราะเหมือนเขาเป็นญาติ ใครดีก็รัก ใครพลาดก็นั่นแหละ..!!! ทั้งนี้ทั้งนั้นเพราะเรามีสื่อที่คอยทำให้เรารู้จักบนแผงหนังสือ ในละคร ในข่าว ในอินเตอร์เน็ต และที่ไหนๆ ก็ตามสื่อเดี๋ยวนี้เข้าถึงหมด ไว และเร็ว จนเรารู้หมดทุกเรื่องของดาราเลย  เจ๋งจริง


เราชอบต้อนรับ เป็นเจ้าบ้านที่ดี
โดยเฉพาะนักเรียนนักศึกษา สังเกตได้ว่าไม่ว่าศิลปินต่างชาติคนไหนมาเมืองไทย เราต้องไปรับไปส่ง ไปกรี๊ด..ถึงสนามบินทุกครั้งไป หอบข้าวของ ชูป้าย ร้องเรียก ส่งเสียงกรี๊ด คอแทบแตก ไม่ว่าจะเป็น เรน ลีจุนกิ ลีดองวุก เค้าเลยประทับใจมาแล้วก็มาอีก พร้อมกับรอยยิ้ม กับถ้อยคำที่ว่า "ผมรักเมืองไทย" "คนไทยใจดี" "ผมรักคุณ" "สวัสดีครับ"

เราทำอะไรได้เหมือนมาก
 เรามีความสามารถ (ที่ไม่รู้ว่าถ่ายทอดมาจากใคร ) แต่ทำกันได้เป็นหลักเป็นฐาน นั่นคือ มีนวัตกรรมการประดิษฐ์โคลนนิ่งมาเหมือนเป๊ะ วันก่อนเพิ่งไปเดินตลาดนัดมา เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องสำอาง ทั้ง Marni ,Chanel ,Bottega Veneta ,Diesel ,Roxy   เรามีเหมือนกัลล์กับในแคทวอล์คซีซั่นนี้ เปี๊ยบเลย  แล้วเราก็อุดหนุนตามสโลแกน ไทยทำ ไทยใช้ ไทยเจริญ

หลายสิ่งหลายอย่างฟังแล้ว อาจรู้สึกแปลก ๆ ถูกใจ แต่เอ๊ะ ถูกต้องรึเปล่า!!!? หรือถูกแล้วหล่ะ ว้า..! ไมไม่ค่อยถูกใจ ก็เอาเถอะเราคนไทย เมืองไทยยังไงก็รัก เหตุการณ์ที่เรารู้สึกว่าประเทศไทยรวมเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกัน คือเหตุการณ์ สึนามิ..จริงไหม ตอนนั้นใครๆ ก็ลงไปช่วยเหลือกันเต็มที่ ส่วนที่ไปไม่ได้ ก็ส่งของไปบริจากเยอะแยะ ไม่ว่าจะคนไทย หรือชาวต่างชาติ เราก็ช่วยเขาทั้งนั้น  โดยที่เราไม่ได้คิดว่าเขาเป็นใคร มาจากไหน เป็นคนดีหรือเปล่า หรือว่าใครจะมากอบโกยอะไรจากบ้านเรา แต่เราก็ช่วยกันอย่างเต็มที่ที่สุด เราอาจจะอิ่มใจที่เมื่อฝรั่งมาบอกว่า ขอบคุณคนไทยที่ช่วยเขาไว้ในคราวนั้น แต่สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดกว่าความภาคภูมิใจ คือเราได้เห็นหัวใจที่เต็มไปด้วยน้ำใจของคนไทยด้วยกันเอง  เนอะคนไทยเนอะ..

[กวิน]

ครับเมืองไทยนี่ดีเนอะ โดยเฉพาะสาวไทย น่ารัก..ซะ