อัจฉรา ไทยเจริญ
สพท. นครศรีธรรมราช เขต 1
“ การเรียนรู้แบบ 4 MAT เป็นรูปแบบการเรียนรู้ที่ช่วยให้นักเรียนเรียนรู้โดยใช้สมองซีกซ้ายและซีกขวาอย่างสมดุลย์ รู้จักคิด วิเคราะห์ ปฏิบัติจริง นักเรียนจึงเรียนรู้อย่างมีความสุข”
เราทุกคนเกิดมาพร้อมกับ "สมอง" เปรียบเสมือนเป็นเครื่องมือที่ดีเยี่ยมชิ้นหนึ่ง
ประสิทธิภาพนั้นพูดได้ว่ามหัศจรรย์ทีเดียว มนุษย์ให้ความสนใจเรื่องสมองมานานแล้ว ย้อนกลับไปประมาณสี่ร้อยปีก่อนคริสตกาล ท่านไฮโปรเครดิส (Hipprocrates) ปราชญ์ชาวกรีกได้สังเกตว่าทหารที่ได้รับบาดเจ็บตรงศีรษะซีกขวาจะมีปัญหาในการควบคุมอวัยวะซีกซ้ายของร่างกาย และกลับกันสำหรับผู้ที่ศีรษะซีกซ้ายได้รับบาดเจ็บ จะมีปัญหาในการควบคุมอวัยวะซีกขวา นั่นคือเราต้องเข้าใจถึงการทำงานของสมองส่วนบนทั้งซีกซ้ายและซีกขวาแล้วทำกิจกรรมให้สอดคล้องกับการทำงานของสมองทั้งสองซีก ทำให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาเต็มศักยภาพในที่สุด
สมอง….. เป็นเช่นนั้นจริงหรือ
ในปี ค.ศ.1972 นายแพทย์โรเจอร์ สเปอร์ (Dr. Roger Sperry) ศัลยแพทย์ทางประสาท จากสถาบันเทคโนโลยีแห่งแคลิฟอร์เนีย ได้รับรางวัลโนเบลจากการศึกษาทดลองเกี่ยวกับการทำงานของสมองทั้งสองซีก ได้ข้อสรุปที่น่าสนใจว่า สมองสองซีกจะมีความถนัดในเรื่องต่าง ๆ ที่แตกต่างกัน โดยอธิบายว่าสมองซีกซ้ายจะมีศักยภาพเกี่ยวกับภาษา การฟัง ความจำ การวิเคราะห์ เหตุผล การจัดลำดับ การคิดคำนวณ สัญลักษณ์ เหตุผลเชิงตรรกและวิทยาศาสตร์ ส่วนสมองซีกขวาจะมีศักยภาพเกี่ยวกับจินตนาการ ความคิดสร้างสรรค์ อารมณ์ ความรู้สึกรับรู้ภาพรวม การรับรู้ทางประสาทสัมผัส ศิลปะ สุนทรี รูปทรง รูปแบบสี ดนตรี มิติสัมพันธ์และการเคลื่อนไหว
เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจมีการเปรียบเทียบการทำงานของสมองซีกซ้ายเหมือนกับการมองต้นไม้ต้นเดียว ส่วนการทำงานของสมองซีกขวาเหมือนกับการมองป่าทั้งป่าเห็นเป็นภาพรวม
ดังนั้นถึงแม้ว่าบุคคลแต่ละคนจะมีความถนัดในการใช้สมองซีกใดซีกหนึ่งต่างกัน แต่ศักยภาพในการเรียนรู้ของมนุษย์นั้น ขึ้นอยู่กับการทำงานของสมองทั้งสองซีกอย่างสอดประสาน และการทำงานของสมองจะเปลี่ยนทุก ๆ 60 - 90 นาที ถ้าซีกหนึ่งทำงานดีอีกด้านหนึ่งจะจาง จึงต้องมีการกระตุ้นให้เกิดความสมดุลย์ของสมองทั้งสองซีก เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการเรียนรู้
ดังนั้นในการเรียนการสอน ครูต้องเข้าใจถึงการทำงานของสมองส่วนบนทั้งซีกซ้ายและซีกขวาแล้วจัดกิจกรรมให้สอดคล้องกับการทำงานของสมองทั้งสองซีก ทำให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันจะส่งผลให้เกิดการพัฒนาเต็มตามศักยภาพของผู้เรียนในที่สุด หากผู้สอนละเลยหรือใช้วิธีการซ้ำซาก ผู้เรียนจะเกิดความเบื่อหน่ายกับการเรียนและพยายามแยกตัวออกจากกลุ่ม เพื่อไปแสวงหาสิ่งที่ตื่นเต้นภายนอกมาทดแทน
วิธีการที่จะทำให้การทำงานของสมองทั้งสองซีกมีความสอดประสานกันอย่างสมดุลย์ มีการยอมรับแล้วว่ามีอยู่จริง หนึ่งในนั้นคือการจัดการเรียนรู้ แบบ 4 MAT
4 MAT กับ การทำงานของสมอง
ส่วนใหญ่เวลาที่เราเห็นตัวอักษรภาษาอังกฤษในงานวิชาการต่างๆ เรามักคิดว่าเป็นตัวย่อ จึงสืบหาคำเต็มว่าคืออะไร แต่ไม่ใช่ในที่นี้ คำว่า “ MAT ” อ่านว่า แมท แปลเป็นไทยได้หลายอย่าง แต่ที่ตรงกับเรื่องนี้แปลว่า ด้าน หรือแบบ คำว่า 4 MAT ก็คือ สี่ด้าน หรือ สี่แบบ ซึ่งมีที่มาจากนักการศึกษาชาวตะวันตก เริ่มด้วยเดวิด คอล์บ ( David Kolb ) เชื่อว่าการเรียนรู้เกิดขึ้นจากความสัมพันธ์ 2 มิติ คือการรับรู้ และกระบวนการ ต่อมา Kolb ยังพบว่ากระบวนการเรียนรู้ของบางคนเป็นกระบวนการที่เกิดจากการลงมือปฎิบัติ ในขณะที่บางคนเรียนรู้ผ่านกระบวนการสังเกต หรือการรับรู้ข้อมูลพร้อม ๆ กับนำมาคิดไตร่ตรอง และจากจุดตัดของหนทางการรับรู้สองแบบกับช่องทางของกระบวนการทำให้ Kolb มองเห็นความแตกต่างของการเรียนรู้ถึง 4 แบบตามพื้นที่ที่ถูกแบ่งด้วยเส้นตรง แห่งการเรียนรู้และเส้นตรงแทนกระบวนการของการรับรู้ จึงได้เรียกชื่อวิธีการเรียนรู้นี้ว่า 4 MAT ซึ่งต่อมา เบอรนีส แมคคาร์ธี (Bernice Mccarthy) ได้ประยุกต์ความคิดของ Kolb โดยนำความคิดเรื่องบทบาทของสมองซีกซ้ายและซีกขวามาพัฒนาเป็นแนวการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ให้เหมาะสมกับผู้เรียน 4 แบบ ดังนี้
ผู้เรียนแบบที่ 1 คือผู้เรียนที่ถนัดจินตนาการ (Imaginative learners) มี 2 ขั้นตอนย่อย คือขั้นสร้างประสบการณ์ (สมองซีกขวา) และขั้นวิเคราะห์ประสบการณ์(สมองซีกซ้าย)
ผู้เรียนแบบที่ 2 คือผู้เรียนที่ถนัดการวิเคราะห์ (Analytic Learners) มี 2 ขั้นตอนย่อย คือขั้นปรับประสบการณ์เดิมเข้าสู่ความคิดรวบยอด (สมองซีกขวา) และขั้นทฤษฎีความคิดรวบยอด(สมองซีกซ้าย)
ผู้เรียนแบบที่ 3 คือผู้เรียนที่ถนัดใช้สามัญสำนึก (Common Sense Learners) มี 2 ขั้นตอนย่อย คือขั้นทบทวนฝึกปฏิบัติ (สมองซีกซ้าย) และขั้นวางแผนและสร้างผลงาน (สมอง
ซีกขวา)
ผู้เรียนแบบที่ 4 คือผู้เรียนที่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง (Dynamic Learners) มี 2 ขั้นตอนย่อย คือขั้นวิเคราะห์ชิ้นงาน (สมองซีกซ้าย) และขั้นนำเสนอและแลกเปลี่ยน (สมองซีกขวา)
จะเห็นว่ากระบวนการเรียนรู้ แบบ 4 MAT จะเริ่มต้นจากการใช้ความรู้สึกรับรู้ประสบการณ์เกี่ยวกับสิ่งที่จะเรียนและมีจินตนาการเกี่ยวกับสิ่งนั้น ซึ่งเป็นการใช้สมองซีกขวาและในขั้นสุดท้ายก็จบลงด้วยความรู้สึกอันเป็นกิจกรรมของสมองซีกขวาเช่นกัน แต่เป็นความรู้สึกที่แตกต่างกันมากเนื่องจากตั้งแต่ขั้นเริ่มต้นจนถึงขั้นสุดท้าย ผู้เรียนได้ผ่านกระบวนการแสวงหาความรู้ ทักษะ ความคิดและการลงมือทำเพื่อสร้างผลงานแห่งการเรียนรู้ของตนเองอย่างหลากหลาย วงกลมแห่งการเรียนรู้นี้จึงสามารถเคลื่อนต่อไปได้อย่างไม่รู้จบด้วยตนเองของผู้เรียนเองภายใต้จังหวะ ขวา - ซ้าย - ขวา - ซ้าย - ซ้าย - ขวา - ซ้าย – ขวา หมุนเวียนเป็นวัฎจักร ดังนั้นเมื่อนำมาใช้ในประเทศไทย บางคนจึงใช้ชื่อว่าการเรียนรู้แบบวัฎจักรการเรียนรู้
เมื่อ 4 MAT เดินทางถึง….. นครศรีธรรมราช
ระยะเริ่มต้น
ผู้บริหาร ผู้สอน และผู้ที่เกี่ยวข้อง หลายต่อหลายคนในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครศรีธรรมราช เขต 1 ได้ให้ความสำคัญในเรื่องการพัฒนารูปแบบการเรียนรู้แบบใหม่ ๆ มีความเห็นว่า ศึกษานิเทศก์น่าจะช่วยได้ ผู้เขียนซึ่งเป็นศึกษานิเทศก์ที่รับผิดชอบกลุ่มหลักสูตรและการพัฒนากระบวนการเรียนรู้ มีความสนใจรูปแบบการเรียนรู้ แบบวัฎจักรการเรียนรู้ (4 MAT) เป็นพื้นฐานอยู่ก่อนแล้ว จึงรับหน้าที่ทำการศึกษาว่า การเรียนรู้ แบบ4 MAT จะบังเกิดขึ้นในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครศรีธรรมราช เขต 1 หรือไม่ โดยตั้งวัตถุประสงค์ ว่าเพื่อศึกษาและพัฒนารูปแบบการจัดกระบวนการเรียนรู้ แบบวัฎจักรการเรียนรู้ (4 MAT) และเพื่อศึกษาผลที่เกิดจากการจัดการเรียนรู้รูปแบบนี้
การศึกษาเริ่มต้นจากการเขียนโครงการเพื่อวางแผนการทำงานให้กระชับ รัดกุม และมีทิศทางการปฏิบัติงานที่ชัดเจน แล้วรับสมัครครูกลุ่มเป้าหมาย โดยจัดทำเป็นหนังสือราชการแจ้งให้โรงเรียนทุกโรงทราบ หากมีครูคนใดสนใจสมัครเข้ารับการพัฒนาตามโครงการนี้ให้กรอกใบสมัครตามแบบที่กำหนด ส่งได้ไม่จำกัดจำนวนหลังจากนั้นจึงคัดเลือกครูกลุ่มเป้าหมายเข้าโครงการ แล้วประชุมชี้แจงวิธีการทำงานตั้งแต่เริ่มต้นจนเสร็จสิ้นโครงการจนเข้าใจอย่างชัดเจน จึงให้ครูทำข้อตกลงในการปฏิบัติงานตามปฏิทินที่กำหนดไว้โดยไม่ละทิ้งงานกลางคัน ถัดจากนั้นได้จัดอบรมเชิงปฏิบัติการเขียนแผนการเรียนรู้แบบ 4 MAT โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญมาเป็นวิทยากรให้ความรู้ แก่ครูกลุ่มเป้าหมาย จำนวน 12 คน ซึ่งหลักสูตรในการอบรมเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้ มีเนื้อหาสาระในเรื่องสมองกับการเรียนรู้ และการเรียนรู้แบบ 4 MAT โดยมีการฝึกปฏิบัติการเขียนแผนการเรียนรู้จนเข้าใจอย่างถ่องแท้ทุกคน
ระยะปฏิบัติการ
ต่อจากนั้นครูกลุ่มเป้าหมายนำความรู้ที่ได้รับไปปฏิบัติการเขียนแผนการเรียนรู้ แบบ
4 MAT และทดลองใช้กับนักเรียนในชั้นเรียนของตน ในระยะเวลา 1 ภาคเรียน ในระหว่างนี้มีกิจกรรมนอกแผนคือจัดศึกษาดูงาน โดยไปศึกษาดูงานการจัดการเรียนรู้แบบ 4 MAT ณ โรงเรียนสมถวิล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ส่วนกิจกรรมปกติก็มีการนิเทศติดตามผล เป็นระยะๆ โดยผู้เขียนซึ่งรับผิดชอบโครงการนี้อยู่ ทำการนิเทศแบบตัวต่อตัว เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของแผนการสอน และตรวจสอบรายงานผลการสอน นอกจากนั้นยังมีการพบปะอย่างไม่เป็นทางการ ตามความสะดวก และความต้องการของครูผู้เข้าโครงการแต่ละคน และหลังจากเสร็จสิ้นโครงการแล้วยังมีกิจกรรมเสริมคือไปสรุปผลอย่างไม่เป็นทางการนอกสถานที่อีก 1 วัน
ระยะประเมินงาน
ในช่วงระยะใกล้จะเสร็จสิ้นโครงการ ผู้เขียนได้ออกไปเก็บข้อมูลความพึงพอใจในการจัดการเรียนรู้ แบบ4 MAT ณ โรงเรียนทดลอง ซึ่งผู้ที่ให้ข้อมูลได้แก่ผู้บริหารโรงเรียน ครูผู้สอน เพื่อนครูในโรงเรียน นักเรียน และผู้ปกครองนักเรียน (บางคน)ในชั้นเรียนนั้นๆ สิ่งที่พบและประทับใจมาก คือ นักเรียนในชั้นเรียนอื่นๆ ชอบมามุงดู และอยากเรียนแบบนั้นบ้าง ทำให้คิดได้ว่าการใช้กระบวนการเรียนรู้แบบใหม่นี้ โดยการทดลองใช้เพียงชั้นเรียนเดียว ของครูผู้สอนเพียงคนเดียวในโรงเรียน ทำให้ไม่สามารถบ่งบอกผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนในภาพรวมของชั้นหรือของโรงเรียนได้ว่าเพิ่มขึ้นเพราะการใช้รูปแบบการเรียนรู้นี้
ระยะเก็บเกี่ยวผล
สิ่งเกิดขึ้นเป็นรูปธรรม คือครูกลุ่มเป้าหมาย เขียนแผนการเรียนรู้แบบ 4 MAT ได้ถูกต้อง ทุกคน และรายงานผลการสอนอย่างเป็นทางการในรูปเล่มตามแบบรายงานการวิจัยทั่วไป จำนวน 8 คน จากทั้งหมด 12 คน คนที่ไม่ได้ส่งเล่มรายงานผลอีก 4 คน เนื่องจากไม่สันทัดในการเขียนรายงานผลแบบงานวิจัย แต่สามารถเขียนบันทึกผลหลังสอน บอกปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งข้อเสนอแนะได้ ส่วนสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานครศรีธรรมราช เขต 1 ได้รวบรวมแผนการเรียนรู้แบบ 4 MAT ของครูผู้สอนที่เข้าโครงการทุกคน นำมาจัดพิมพ์รวมเล่ม และแจกจ่ายเพื่อเผยแพร่แก่โรงเรียนอื่น ๆ ในสังกัดทุกโรง และยังได้เผยแพร่ไปยังสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาใกล้เคียงอีกด้วย
ผลงานที่สามารถจับต้องได้อีกชิ้นหนึ่ง คือรายงานผลการวิจัยการพัฒนารูปแบบการเรียนรู้แบบ 4 MATในระดับเขตพื้นที่การศึกษา ซึ่งได้ตอบคำถามผลการศึกษาในครั้งนี้ว่า ครูสามารถจัดทำแผนการเรียนรู้แบบ 4 MAT ได้อย่างมีคุณภาพในระดับมากร้อยละ 100 และความพึงพอใจของผู้บริหาร ครูผู้สอน นักเรียน และผู้ปกครองนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้แบบ 4 MAT อยู่ในระดับมากเช่นเดียวกัน
ในการทำงานต่อไปข้างหน้า สำหรับผู้เขียนแล้วคิดว่าหากมีครูท่านใดที่ทำงานไม่สำเร็จตามเวลาที่กำหนด เราต้องช่วยเหลือให้ครูบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายของงานให้จนได้ และอีกประการหนึ่งคือ ควรดำเนินงานโครงการนี้โดยให้ครูทุกคนเข้าร่วมโครงการทั้งโรงเรียน เพราะเมื่อประเมินผลการเรียนแล้ว จะสามารถบอกได้ว่าผลสัมฤทธิ์ที่สูงขึ้นเกิดจากการจัดการเรียนรู้รูปแบบ 4 MAT นี้ และที่สำคัญที่สุดนักเรียนทุกคนในโรงเรียนมีโอกาสใช้สมองซีกซ้ายและ
ซีกขวาอย่างสมดุลย์ รู้จักคิด วิเคราะห์ ได้ฝึกปฏิบัติจริงอย่างสนุกสนาน ได้นำเสนอผลงานด้วยความชื่นชม คาดว่าพวกเขาคงมีความสุขกับการเรียนมากขึ้นอย่างแน่นอน……..สพท.นศ.เขต 1
ฤดูฝน ผ่านไป ผ่านไป แล้วก็ผ่านไป....
คิด คิด คิด คิด...
ฤดูฝน ปีนี้ จะทำอะไร ดี...