อ.สุภัชฌาน์ ศรีเอี่ยม
อาจารย์ประจำสถาบันภาษา มหาวิทยาลัยอีสเทิร์นเอเชีย
ภาพสะท้อนสังคมจีนที่ปรากฏในวรรณกรรมแปลเรื่อง แม่ผมเก็บขยะขาย
บทคัดย่อ
บทความนี้นำเสนอภาพสะท้อนสังคมชาวจีนที่ได้พบจากการศึกษาวรรณกรรมแปลเรื่อง แม่ผมเก็บขยะขาย ซึ่งเป็นวรรณกรรมของจีนที่แต่งโดยจางไห่เซิง, หลี่เหวย และแปลมาเป็นภาษาไทยโดย สุดารัตน์ ปริญญาวุฒิชัย วรรณกรรมแปลเรื่องนี้ได้รับการยกย่องให้เป็นวรรณกรรมที่เยาวชนควรอ่าน จากการศึกษาภาพสะท้อนของสังคมจีนที่ปรากฏในวรรณกรรมแปล เรื่อง แม่ผมเก็บขยะขาย พบว่า ในด้านครอบครัว การศึกษา วิถีชีวิต ค่านิยม และประเพณีตามเทศกาลต่างๆ ของจีน มีส่วนช่วยพัฒนาความคิดและเป็นแนวทางในการประพฤติปฏิบัติให้กับคนในสังคมจีนได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญอย่างยิ่งคือ การศึกษาภาพสะท้อนสังคมจีนจากวรรณกรรม จะมีส่วนช่วยให้เกิดการเรียนรู้และเข้าใจวัฒนธรรมของจีนมากขึ้น อันนำไปสู่ความเข้าใจอันดีระหว่างประเทศไทยกับจีน
บทนำ
การศึกษาวรรณกรรมมีส่วนช่วยทำให้เกิดความเข้าใจสภาพของสังคมนั้นๆ มากขึ้น ดังที่ดังที่ ตรีศิลป์ บุญขจร (2542 : 5-6) ได้กล่าวถึงความสัมพันธ์ของวรรณกรรมกับสังคมไว้ว่า ความสัมพันธ์ของวรรณกรรมกับสังคมแบ่งเป็น 3 ลักษณะคือ ลักษณะแรก วรรณกรรมเป็นภาพสะท้อนของสังคม การสะท้อนสังคมของวรรณกรรมไม่ใช่บันทึกเหตุการณ์ในเอกสารประวัติศาสตร์ แต่เป็นภาพสะท้อนประสบการณ์ของผู้เขียนและเหตุการณ์ส่วนหนึ่งของสังคม วรรณกรรมจึงมีความเป็นจริงทางสังคมสอดแทรกอยู่ ลักษณะที่สอง สังคมมีอิทธิพลต่อวรรณกรรมหรือต่อนักเขียน นักเขียนอยู่ในสังคมย่อมได้รับอิทธิพลจากสังคมทั้งในด้านวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี ศาสนา ปรัชญา และการเมือง ลักษณะที่สาม วรรณกรรมหรือนักเขียนมีอิทธิพลต่อสังคม สามารถโน้มน้าวจิตใจผู้อ่านและยังมีทัศนะกว้างไกลด้วย ซึ่งสอดคล้องกับ ดวงมน จิตจำนง (2523 : 56) ที่ได้กล่าวถึงภาพสะท้อนวิถีชีวิตจากวรรณกรรมว่า วรรณกรรมนั้นย่อมสะท้อนให้เห็นภาพของสังคม เนื่องจากสังคมมีส่วนสร้างจินตนาการและความรู้สึกของนักประพันธ์ วรรณกรรมและสังคมย่อมมีอิทธิพลต่อกัน กวีอาจเป็นตัวแทนความคิดของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งหรือของสังคมทั้งหมด อาจเป็นความคิดที่คล้อยตามหรือรักษาความคิดของสังคม หรือเป็นความคิดที่คัดค้านสังคมก็ได้ และอาจสร้างความคิดใหม่ขึ้นจากการคิดและประสบการณ์ของเขาเอง หรือได้รับกระแสความคิดจากสังคมหรือวัฒนธรรมอื่น
ดังนั้นการศึกษาภาพสะท้อนที่ปรากฏในวรรณกรรมแปลเรื่อง แม่ผมเก็บขยะขาย จึงเป็นสิ่งที่ช่วยให้เราเข้าใจถึงวัฒนธรรมของชาวจีน ตลอดจนแนวคิดและแนวปฏิบัติต่างๆ อันเป็นสิ่งที่สังคมจีนได้สั่งสมและสืบทอดมาจากอดีตและยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน
เนื้อเรื่องย่อของวรรณกรรมเรื่องแม่ผมเก็บขยะขาย
อาหนานอาศัยอยู่บ้านหลังเล็กๆ ของสลัมแห่งหนึ่ง กับแม่และพี่ชายอีกหนึ่งคนชื่อว่าอาตง ส่วนพ่อของเขาได้เสียชีวิตไปแล้วเนื่องจากถูกรถชนในขณะที่ไปทำงานในโรงงานที่กรุงไทเป เมื่อตอน อาหนานยังเด็กเขารู้สึกอับอายมากที่ครอบครัวของเขายากจน และมีแม่ที่ประกอบอาชีพเก็บของเก่าขาย แต่เมื่อเขาอายุมากขึ้นเขาก็ได้พบว่าแม่ของเขายอมลำบากและทำทุกอย่างให้เขาได้เรียนหนังสือ เพื่อที่จะได้มีอนาคตที่ดี จึงทำให้เขารู้สึกภูมิใจในตัวแม่มาก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เขาและพี่ชายพยายามตั้งใจเรียนหนังสือ และช่วยแม่ทำงานทุกอย่างเพื่อแบ่งเบาภาระในครอบครัว และในไม่ช้าทั้งสองพี่น้องก็ประสบความสำเร็จในการศึกษาเล่าเรียนและมีอาชีพการงานที่ดี แต่โอกาสที่เด็กทั้งสองจะได้ตอบแทนพระคุณแม่ของก็ไม่มีแล้ว เนื่องจากร่างกายของแม่ทรุดโทรมมาก เพราะทำงานหนัก โดยที่แม่ไม่ได้เป็นห่วงสุขภาพของตนเองเลย เพื่อหาเงินมาให้ลูกๆ ทั้งสองคนได้ศึกษาเล่าเรียน จนทำให้แม่เสียชีวิตในที่สุด
จากวรรณกรรมแปลเรื่อง แม่ผมเก็บขยะขาย ได้สะท้อนภาพสังคมของจีนในด้านต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. ภาพสะท้อนด้านครอบครัว
สถาบันครอบครัวเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยในการอบรมสั่งสอนสมาชิกในครอบครัวให้เป็นคนดี จากเรื่องสะท้อนให้เห็นถึงความรักของแม่ ความกตัญญูของลูก และความอดทนของคนในครอบครัว ดังนี้
1.1 ภาพสะท้อนด้านความรักของแม่
จากเรื่องนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงความรักของแม่ที่เห็นความสำคัญของการศึกษาของลูก เป็นผู้คอยสนับสนุนให้ลูกได้ศึกษาเล่าเรียน ดังเช่นแม่ของอาหนานที่แม้จะยากจนแต่ก็ส่งเสริมให้ลูกซื้อหนังสือเพื่อนำมาใช้อ่านประกอบในการเรียนหนังสือ ดังตัวอย่างนี้
…วันนี้ครูบอกว่าสามารถสั่งจองหนังสืออ่านประกอบการเรียนได้แล้ว... ผม...อยากจะสั่งจองหนังสืออ่านประกอบวิชาภาษาจีนสักหน่อย มันมีประโยชน์มากในการเขียนเรียงความ....
แม่นิ่วหน้าเล็กน้อย แต่ยังคงมีรอยยิ้มปรากฏออกมาทันทีแล้วบอกว่า “อืม ควรสั่งจองอย่างยิ่ง แม่จะเอาเงินให้ลูกภายในสองวันนี้” (หน้า 15)
นอกจากแม่จะคอยสนับสนุนในด้านอุปกรณ์ที่ใช้ในการศึกษาเล่าเรียนแล้ว ในด้านชีวิตความเป็นอยู่แม่ก็คอยดูแลเป็นอย่างดีเช่นกัน ดังตัวอย่างนี้
“ทำไมยังไม่กินข้าว รอแม่ทำไมกัน?” แม่ตำหนิพวกเราแต่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มมองเห็นรอยตีนกาที่หางตา “นักเรียนอย่างพวกลูกไม่ควรปล่อยให้ท้องหิว ร่างกายของลูกกำลังเติบโต การเรียนก็หนักเช่นนี้” พูดพลางตักข้าวให้พวกเราอีก (หน้า 14)
สาเหตุสำคัญที่ทำให้แม่ของอาหนานและอาตงสนับสนุนให้ลูกเรียนหนังสือเนื่องจากไม่อยากให้ลูกโตขึ้นไปมีชีวิตที่ลำบาก เพราะผู้ที่ได้รับการศึกษาย่อมมีโอกาสในการประกอบอาชีพได้มากกว่าผู้ที่ไม่ได้รับการศึกษา ดังเช่นพ่อของอาหนานที่ต้องอยู่อย่างยากลำบาก เพราะมีความรู้น้อย ดังตัวอย่างนี้
พ่อของลูกเสียดายที่สุดที่ตัวเองร่ำเรียนมาน้อย จะทำอะไรก็ยากลำบากกว่าคนอื่นหลายเท่า ดังนั้นเขาสาบานว่าไม่ว่าตัวเองจะลำบากขนาดไหนก็ต้องให้ลูกๆสำเร็จการศึกษา ส่งเสียให้ลูกๆได้เรียนมหาวิทยาลัย อย่าได้ซ้ำรอยเขาอีก (หน้า104)
1.2 ด้านความกตัญญูของลูก
จากเรื่องนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงคุณธรรมในการแสดงความกตัญญูรู้คุณของลูก โดยการหารายได้พิเศษเพื่อนำเงินที่ได้มาซื้อสิ่งของที่จำเป็นให้แม่ เพื่อให้แม่มีความสุขสบายมากขึ้น ดังตัวอย่างนี้
… พี่พลิกลงจากเตียง ล้วงเอารายได้ของวันนี้ออกมาจากระเป๋าเสื้อหยอดใส่กระปุกหมูน้อยแล้วถามขึ้นว่า
“นายว่ารอจนพวกเราหาเงินได้พอ จะซื้ออะไรให้แม่ดีนะ?”
“ซื้อถุงมือไง” ผมตอบไปอย่างไม่ต้องคิด แต่คิดดูแล้วก็รู้สึกว่าไม่ดี “ซื้อเสื้อผ้าเถอะ อากาศหนาวเย็นอย่างนี้ พวกเราควรซื้อเสื้อกันหนาวให้แม่สักตัว” (หน้า32)
หรือในตอนที่อาตงและอาหนานคิดไว้ว่าเมื่อตนเองสำเร็จการศึกษาและมีงานทำแล้วจะดูแลแม่ไม่ให้ต้องลำบากทำงานหนักอีกต่อไป ดังตัวอย่างนี้
รอพวกเราโตขึ้น หาเงินได้แล้ว จะซื้อเสื้อใหม่ให้แม่ ให้แม่อยู่บ้านที่ดีที่สุด ถึงเวลานั้นจะไม่ให้แม่ต้องลำบากอีกต่อไป อยู่บ้านสบายๆ อย่างมีความสุข (หน้า45)
1.3 ด้านความอดทน
จากเรื่องนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของความอดทนในการทำงานของแม่ผู้ซึ่งเก็บของเก่าไปขาย แม้จะได้เงินจำนวนไม่มาก แต่แม่ก็พยายาม เพื่อนำเงินที่ได้มาเลี้ยงลูกๆ ทั้งสอง ดังตัวอย่างนี้
ที่หัวมุมถนนพวกเราเจอกับแม่ที่กำลังเดินออกมาจากสถานที่รับซื้อของเก่า แม่ใช้แขนเสื้อเช็ดหน้าผาก ในมือถือแบงค์ย่อยกำหนึ่ง วันนี้เงินปึกนี้ดูแล้วบางมาก แต่แม่ก็ยังคงมีท่าทางดีใจ (หน้า93)
และนอกจากนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงความอดทนในการศึกษาเล่าเรียนของอาตงและอาหนานที่แม้จะพบกับอุปสรรคต่างๆ มากมายแต่ก็สามารถผ่านไปได้ จนทั้งสองคนสามารถสอบเข้าในสถานศึกษาที่มีชื่อเสียงได้ ดังตัวอย่างนี้
ผ่านไปสิบกว่าวันแล้วอย่างเชื่องช้า แม่หัวเราะออกแล้ว รอยยิ้มของแม่เบิกบานยิ่งกว่าครั้งใดๆ ผมอาศัยผลการสอบที่ดีเป็นพิเศษได้เข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมซินจู๋ที่มีชื่อเสียงมาก และผ่านไปไม่นานพี่ก็ได้รับใบแจ้งรับเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยไต้หวัน (หน้า124)
จากภาพสะท้อนด้านครอบครัวทำให้เห็นว่าพ่อและแม่เป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมลูกให้เป็นผู้ที่มีการศึกษาและใฝ่การเรียนรู้ โดยการอบรมสั่งสอนและปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก
2. ภาพสะท้อนทางด้านการศึกษา
2.1 ลักษณะของครู
ครูที่ดีนั้นควรเป็นผู้ที่มีความรู้ความชำนาญในสาขาวิชานั้นๆ เป็นอย่างดี ควรให้กำลังใจนักเรียนเมื่อทำสิ่งที่ผิดพลาด และที่สำคัญควรอบรมสั่งสอนศิษย์เป็นคนดี
จากเรื่องนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงลักษณะของครูหลี่ผู้ที่มีความรู้ มีความเมตตา และมีบุคลิกที่ น่าเคารพนับถือนับเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับศิษย์ ดังตัวอย่างนี้
ครูผู้ชายท่านนี้แซ่หลี่ เป็นครูประจำชั้นของพวกเราด้วย ครูอายุประมาณสี่สิบกว่าสวมแว่นกรอบทอง ท่าทางสุภาพ ทุกครั้งที่พูดถึงตัวอักษรใหม่ คำศัพท์ใหม่ หรือสอนพวกเราท่องโคลงกลอนโบราณนั้น ดวงตาที่อยู่ภายใต้กระจกแว่นตาจะเปล่งประกายนานชั่วระยะหนึ่ง คล้ายกับมองเห็นสิ่งล้ำค่าที่หายากในโลกกระนั้น ผมเข้าใจว่าความรู้อันลึกล้ำกว้างขวางของครูหลี่นั้นคงพอๆ กับความหนาของกระจกแว่นตา จึงมักจินตนาการไปว่า สักวันหนึ่งตัวผมเองก็สามารถยืนอยู่บนเวที มีดวงตาเหมือนผู้รอบรู้ พูดสอนชี้แนะได้เช่นกัน (หน้า 11)
นอกจากนี้ยังสะท้อนให้เห็นว่าควรให้กำลังใจนักเรียนเมื่อกระทำความผิดมากกว่าที่จะลงโทษด้วยวิธีรุนแรง ดังที่ครูหลี่ไม่แสดงอาการโกรธเคืองอาหนานที่นั่งเหม่อไม่สนใจเนื้อหาที่ครูสอน แต่ครูหลี่พยายามหาสาเหตุที่ทำให้นักเรียนของของตนไม่สนใจในเนื้อหาในบทเรียน ดังตัวอย่างต่อไปนี้
ขณะที่ผมกำลังมองเพลินๆ
“ครูเรียกเธอขึ้นอ่านบทกลอนน่ะ” หนีหนีกระซิบเสียงเบา
อ่านได้ประโยคเดียวเสียงหัวเราะก็ดังก้องห้องเรียน ...
“เรียนถึงบทต่อไปแล้ว” หนีหนีบอก
ผมเงยหน้าขึ้น มองเห็นสายตาให้กำลังใจของครูหลี่พอดี จึงรวบรวมสมาธิอ่านใหม่อีกครั้ง “ดีมาก นั่งลง” ใบหน้าของครูหลี่ยังคงยิ้มแย้มอ่อนโยน ครูจ้องมองผมครู่หนึ่ง ภายใต้กระจกแว่นหนาๆ มีแววสงสัยอยู่บ้าง (หน้า 16-17)
และเมื่ออาหนานเรียนจบ เขาจึงได้เลือกประกอบอาชีพครู และคอยดูแลเอาใจใส่นักเรียนที่เขาประจำชั้นอยู่ทุกคน เหมือนกับที่ครูได้เคยดูแลในตอนที่เขายังเป็นนักเรียน
2.2 การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
จากเรื่องนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงกิจกรรมที่นำมาใช้ประกอบการเรียนการสอนในชั้นเรียน เพื่อให้ผู้เรียนสนใจและเข้าใจเนื้อหามากยิ่งขึ้น ดังที่ครูอู๋ซึ่งเป็นครูประจำชั้นของอาหนานในระดับมัธยมศึกษาได้มีการจัดกิจกรรมการแสดงละคร เพื่อให้นักเรียนได้เข้าใจถึงตัวละครในบทประพันธ์มากขึ้น และให้นักเรียนได้มีโอกาสแสดงความสามารถในด้านอื่นๆ ออกมาด้วย ดังตัวอย่างนี้
เพื่อทำให้จิตใจที่ตึงเครียดของนทุกคนผ่อนคลายลงบ้าง พรุ่งนี้คาบวิชาภาษาจีนเปลี่ยนเป็นคาบวิชาการแสดง ให้แบ่งกลุ่ม แต่ละกลุ่มใช้เวลาการแสดง 5-10 นาที ทุกคนจับกลุ่มได้ตามใจ เนื้อเรื่องที่แสดงสามารถเอาเนื้อหาในบทเรียนหรือเรื่องสนุกที่อ่านพบนอกบทเรียนก็ได้ (หน้า112)
หรือในขณะที่นักเรียนในชั้นมีการโดดเรียนไปเล่นเกมที่ร้านอินเทอร์เนตข้างโรงเรียน ครูอู๋ก็ได้ตักเตือนนักเรียน และได้มีการจัดกิจกรรมโต้วาทีขึ้นในหัวข้อ “นักเรียนมัธยมเล่นเกมได้หรือไม่” เพื่อให้นักเรียนมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน
จากภาพสะท้อนด้านการศึกษาทำให้เห็นว่า ครูเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาผู้เรียนอย่างมาก ครูควรทำตนให้เป็นแบบอย่างที่ดีของนักเรียนและต้องเข้าใจถึงความแตกต่างของผู้เรียนแต่ละคน นอกจากนี้ครูควรมีการจัดหากิจกรรมที่สอดคล้องกับเนื้อหาหรือเหตุการณ์ปัจจุบัน เพื่อให้นักเรียนนำความรู้ที่ได้ไปพัฒนาตนเองและสังคมต่อไป
3. ภาพสะท้อนด้านวิถีชีวิต
3.1 ภาพสะท้อนด้านที่อยู่อาศัย
จากเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำของคนในสังคม บ้านของคนยากจนจะอยู่ห้องแถว ดังตัวอย่างนี้
จากปากทางทะลุซอยเข้าไปก็คือตรอกเล็กๆ ซึ่งเป็นที่อยู่ของพวกเรา ในชุมชนเล็กๆ นี้มีผู้คนอาศัยอยู่ 6-7 ครอบครัว หลายปีมานี้ พวกเราเห็นบ้านสองหลังต่อเติมชั้นบนอีกหนึ่งชั้น ตกแต่งอย่างงดงาม บ้านที่ไม่ได้ต่อเติมก็ทาสีใหม่ ซ่อมแซมพื้นกระดาน มีเพียงบ้านหลังน้อยของพวกเราที่ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง (หน้า26)
ส่วนบ้านของคนที่มีฐานะดีมักจะมีขนาดใหญ่โตและมีพื้นที่บริเวณบ้านกว้างขวางและตกแต่งอย่างสวยงาม ดังตัวอย่างนี้
ผมมาถึงยังบ้านหลังนี้ ตัวบ้านกว้างมากมีพื้นที่ใช้สอยร้อยกว่าตารางกิโลเมตร ภายในตกแต่งจัดวางอย่างมีรสนิยม บันไดที่งดงามเรียบหรูแสดงออกถึงความสวยงามประณีตพุ่งตรงขึ้นชั้นบน (หน้า158 )
แต่เป็นที่น่าสังเกตคือ คนที่อาศัยอยู่ในบ้านแม้ว่าจะมีสิทธิในการปรับปรุงและต่อเติมบ้าน แต่ผู้ที่มีสิทธิ์ในบ้านทุกหลังคือผู้ที่ปกครองบ้านเมือง ที่จะสามารถรื้อถอนและสร้างขึ้นมาใหม่ได้ เหมือนกับบ้านของอาหนานที่กำลังจะถูกรื้อทิ้ง โดยคนที่อาศัยอยู่บริเวณดังกล่าว ก็จะต้องย้ายออกไปอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียม ตามที่ผู้ปกครองเมืองได้สร้างไว้ให้แล้ว ดังตัวอย่างนี้
“ต่อไป บ้านพวกนี้จะถูกรื้อทิ้ง เปลี่ยนเป็นตึกคอนโดมิเนียมสมัยใหม่” …
“ถอนหายใจอะไรกันเล่า มีบ้านใหม่ให้อยู่”
“รื้อแล้วกลับจะดีซะกว่า มีโอกาสได้อยู่ตึกใหญ่”
“ใช่ ! ใช่ ! ฉันเห็นบ้านใหม่ของพวกอาหลันที่ย้ายไปดีกว่าที่นี่มากเลย”
“พวกเธอก็พูดไป อยู่ที่นี่มาก็หลายสิบปีแล้ว ไม่รู้สึกอาลัยอาวรณ์เลยสักนิดหรือ ? ในชุมชนแห่งนี้ เพื่อนบ้านอยู่กันใกล้ชิดสามารถดูแลซึ่งกันและกันได้ ย้ายไปอยู่ตึกสูงอย่างนั้น ต่างคนต่างเข้าบ้านปิดประตูอยู่แต่ในห้องของตน ต้องเซ็งแย่”
3.2 ภาพสะท้อนด้านภูมิปัญญา
จากเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงความรอบรู้ของคนจีนเกี่ยวกับพืชชนิดต่างๆ ที่สามารถนำมาบำรุงสุขภาพและรักษาโรคต่างๆ ได้
“เป็นอย่างไรบ้าง ? ยาคราวก่อนได้ผลใช่มั้ย ? ครั้งนี้นะยังเพิ่มโสม ตังกุย และไป๋จื่อเป็นพิเศษ มีประสิทธิภาพบำรุงเลือดลมอย่างมาก
อ่านแล้วให้ข้อคิดดีมากอยากให้เด็กไทยมีความมุมานะเหมือนอาหนาน
ในขณะที่นักเรียนในชั้นมีการโดดเรียนไปเล่นเกมที่ร้านอินเทอร์เนตข้างโรงเรียน ครูอู๋ก็ได้ตักเตือนนักเรียน และได้มีการจัดกิจกรรมโต้วาทีขึ้นในหัวข้อ “นักเรียนมัธยมเล่นเกมได้หรือไม่” เพื่อให้นักเรียนมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน
“พวกเธอก็พูดไป อยู่ที่นี่มาก็หลายสิบปีแล้ว ไม่รู้สึกอาลัยอาวรณ์เลยสักนิดหรือ ? ในชุมชนแห่งนี้ เพื่อนบ้านอยู่กันใกล้ชิดสามารถดูแลซึ่งกันและกันได้ ย้ายไปอยู่ตึกสูงอย่างนั้น ต่างคนต่างเข้าบ้านปิดประตูอยู่แต่ในห้องของตน ต้องเซ็งแย่”
สวัสดีครับแวะมาอ่านและลงชื่อไว้ครับ
อ่านแล้วให้ข้อคิดดีมาก อยากให้เด็กไทยมีความมุมานะเหมือนอาหนาน
ทําอย่างไรให้เด็กรุ่นใหม่สนใจที่จะอ่านหนังสือแนวนี้บ้างเพื่อขัดเกลาจิตใจ