วิเคราะห์ข่าวทางอุดมศึกษาเรื่อง
เปิดใจ “จีรเดช อู่สวัสดิ์” นายกสถาบันอุดมศึกษาเอกชน วิกฤต ม.เอกชน วิกฤตอุดมศึกษา
สรุปข่าว
รศ.ดร.จีรเดช อู่สวัสดิ์ นายกสถาบันอุดมศึกษาเอกชน ได้กล่าวถึงสถานการณ์ของการอุดมศึกษาในปัจจุบันว่าจำนวนนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเอกชนมีจำนวนลดลงอย่างต่อเนื่องทุกปี สาเหตุมาจากมีจำนวนนักเรียนที่ต้องการเข้าศึกษาในระดับอุดมศึกษาลดลง และที่สำคัญคือมีสถาบันอุดมศึกษาของรัฐบาลเปิดสอนในหลักสูตรพิเศษจำนวนมาก ทำให้อัตราส่วนการรับนักศึกษาระหว่างมหาวิทยาลัยรัฐบาลและมหาวิทยาลัยเอกชนที่จากเดิมกำหนดไว้คือ 70 : 30 นั้นเปลี่ยนแปลงไป โดยในปัจจุบันสัดส่วนของการรับนักศึกษามหาวิทยาลัยเอกชนเหลือเพียง 16 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น ซึ่งหลักสูตรพิเศษที่รัฐบาลเปิดสอนมักจะเปิดขึ้นเพื่อผลประโยชน์ของผู้บริหารที่คิดหลักสูตรและอาจารย์ผู้สอนในหลักสูตรที่จะได้รับเงินจากค่าสอนหลักสูตรดังกล่าว ส่วนผลประโยชน์ที่มหาวิทยาลัยจะได้รับนั้นมีน้อยมาก ด้วยเหตุนี้อาจารย์ผู้สอนจึงมีภาระงานสอนมากขึ้นทั้งหลักสูตรปกติและหลักสูตรพิเศษ ทำให้อาจารย์ไม่มีเวลาที่จะผลิตงานวิจัย เพื่อนำความรู้ใหม่ๆ มาพัฒนาและปรับปรุงการเรียนการสอน จึงส่งผลกระทบให้คุณภาพการเรียนการสอนไม่ดีเท่าที่ควร และนอกจากนี้มหาวิทยาลัยราชภัฏยังมีการเปิดหลักสูตรที่เน้นค่าหน่วยกิตไม่แพงและสามารถเรียนจบได้ง่ายอีกด้วย หากว่าปล่อยให้มีการเปิดหลักสูตรพิเศษหลากหลายเพื่อการแข่งขันกันโดยไม่คำนึงถึงคุณภาพเช่นนี้แล้ว จะทำให้การเรียนการสอนไม่มีคุณภาพ มาตรฐานการศึกษาไทยลดต่ำลง นักศึกษาที่สำเร็จการศึกษาก็ไม่มีประสิทธิภาพในการทำงาน
จากสาเหตุดังกล่าวมีผลกระทบต่อมหาวิทยาลัยเอกชน เนื่องจากมหาวิทยาลัยเอกชนไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาล ต้องบริหารจัดการงบประมาณภายในมหาวิทยาลัยเอง จึงจำเป็นต้องเก็บค่าหน่วยกิตในราคาที่สูงเมื่อเทียบกับมหาวิทยาลัยรัฐบาล เพื่อนำเงินที่ได้มาพัฒนาคุณภาพการเรียนการสอนให้ทัดเทียมกับมหาวิทยาลัยรัฐบาล ให้เกิดการแข่งขันในเชิงสร้างสรรค์ทางด้านคุณภาพ ซึ่งในหลายประเทศจะเห็นได้ว่ามหาวิทยาลัยที่ติดอันดับในระดับโลกครึ่งหนึ่งจะเป็นมหาวิทยาลัยของรัฐบาลและอีกครึ่งหนึ่งจะเป็นมหาวิทยาลัยเอกชน ดังนั้นหากสัดส่วนการรับนักศึกษาระหว่างมหาวิทยาลัยรัฐบาลและมหาวิทยาลัยเอกชน ที่เคยเป็นระบบ 70 : 30 ไม่เป็นไปตามนี้จะทำให้มหาวิทยาลัยเอกชนไม่สามารถบริหารงานได้และจำเป็นต้องปิด
ตัวลง ซึ่งจะมีผลกระทบต่อระบบอุดมศึกษาทั้งประเทศ เพราะมหาวิทยาลัยของรัฐบาลขาดกลไกการแข่งขัน ทำให้ไม่เกิดการพัฒนาขึ้น
สำหรับแนวทางแก้ไขนั้น รศ.ดร.จีรเดช อู่สวัสดิ์ ได้แสดงความคิดเห็นว่าทางสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษาจึงควรมีการควบคุมการเปิดหลักสูตรพิเศษดังกล่าวเพื่อให้แต่ละหลักสูตรมีมาตรฐานและไม่เกินความต้องการของประเทศ
วิเคราะห์ข่าว
จากข่าวจะเห็นได้ว่าปัญหาของมหาวิทยาลัยเอกชนคือ จำนวนนักศึกษาที่จะเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษานั้นลดลงอย่างต่อเนื่อง สาเหตุหนึ่งมาจากการที่มหาวิทยาลัยเก็บค่าหน่วยกิตในอัตราที่สูงมากเมื่อเทียบกับรัฐบาล และคุณภาพของบัณฑิตที่จบมานั้นก็มักไม่แตกต่างกับมหาวิทยาลัยรัฐบาล ประกอบกับในปัจจุบันมีมหาวิทยาลัยเอกชนที่ก่อตั้งขึ้นใหม่เป็นจำนวนมากยังไม่เป็นที่รู้จักและไม่มีการแสดงผลงานทางวิชาการออกสู่สายตาประชาชนให้เห็นอย่างชัดเจน ทำให้มหาวิทยาลัยเอกชนขาดความน่าเชื่อถือ เมื่อเทียบกับมหาวิทยาลัยของรัฐบาลที่มีระยะเวลาในการก่อตั้งเป็นเวลานาน จนทำให้เป็นที่รู้จักของบุคคลทั่วไป ทำให้ผู้ปกครองและนักเรียนเกิดความไม่มั่นในประสิทธิภาพของมหาวิทยาลัยเอกชน ดังนั้นมหาวิทยาลัยเอกชนควรจะพัฒนาคุณภาพทางวิชาการเพื่อให้บัณฑิตที่จบมามีคุณภาพและเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน เป็นที่ยอมรับของสังคม ก็จะช่วยทำให้ความต้องการศึกษาในมหาวิทยาลัยเอกชนมีเพิ่มขึ้น สำหรับในส่วนค่าใช้จ่ายที่มหาวิทยาลัยเอกชนนำมาใช้เพื่อพัฒนาการเรียนการสอน รัฐบาลควรสนับสนุนงบประมาณให้กับมหาวิทยาลัยเอกชนด้วยเพื่อเอกชนจะได้นำไปใช้ในการพัฒนาตนเองโดยที่ไม่จำเป็นต้องเก็บอัตราค่าเล่าเรียนจากนักศึกษาสูงจนเกินไป ซึ่งจะทำให้มหาวิทยาลัยเอกชนสามารถอยู่ได้และเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการศึกษาระดับอุดมศึกษาด้วย
นอกจากนี้ยังทำให้ว่าในปัจจุบันมหาวิทยาลัยของรัฐบาลมีการเปิดหลักสูตรพิเศษขึ้นมามากมายเพื่อรับนักศึกษาอย่างไม่จำกัดจำนวน โดยบางแห่งเน้นที่เสียค่าเล่าเรียนไม่แพง และสามารถจบได้เร็วเพื่อเป็นแรงดึงดูดใจให้กับนักศึกษาเข้ามาเรียน ซึ่งการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบดังกล่าวอาจจะไม่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากไม่มีการวัดความสามารถของผู้เรียนก่อนว่าพื้นฐานอยู่ในระดับใด อาจารย์ผู้สอนนั้นมีความรู้ความสามารถหรือไม่ หรือการเรียนในชั้นที่มีผู้เรียนมากเกินไปจะเป็นอุปสรรคต่อการเรียนการสอน ดังนั้นมหาวิทยาลัยของรัฐบาลจึงควรคำนึงถึงปัญหาดังกล่าวนี้ด้วย และควรมีหน่วยงานเข้ามาควบคุมเพื่อไม่ให้มีการเปิดหลักสูตร
พิเศษมากจนไม่สามารถที่จะควบคุมมาตรฐานได้ เพราะบัณฑิตจะจบมาอย่างไม่มีคุณภาพ ไม่เป็นที่ยอมรับของตลาดแรงงาน และยังส่งผลเสียกับสถาบันการศึกษาของรัฐบาลที่เคยได้รับการยอมรับมาตั้งแต่อดีตทำให้ขาดความน่าเชื่อถือจากคนในสังคมด้วย ซึ่งหากเป็นเช่นนี้จะทำให้การศึกษาระดับอุดมศึกษาขาดการพัฒนา มีคุณภาพทางวิชาการต่ำ ไม่เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ อันจะส่งผลให้ประเทศไทยยังเป็นประเทศที่ด้อยพัฒนาเช่นเดิม เนื่องจากการศึกษาไม่สามารถพัฒนาศักยภาพของมนุษย์ได้อย่างแท้จริง
ร่วมปฎิวัติการศึกษาเพื่อความเป็นไท