เมื่อวันที่26 ส.ค.ที่ผ่านมาทางสถาบันได้จัดการประชุมวิชาการและการนำเสนอผลงานวิชาการของสถาบัน โดยในช่วงเช้าได้เชิญศาสตราจารย์นพ.สมบูรณ์ เทียนทอง จากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น
มาบรรยายและให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ของสถาบันและผู้สนใจในหัวข้อ R2Rซึ่งอาจารย์ได้มีการเตรียมเอกสารประกอบการบรรยายมาอย่างดี มีทั้งเนื้อหาที่เป็นตัวอักษรและวิดีโอทัศน์คัดย่อการแสดงความคิดเห็นที่เด่นๆจากผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการความรู้ อาทิเช่น ท่านอาจารย์วิจารณ์ พานิช หรือ อาจารย์แพทย์จากที่ศิริราช และอาจารย์มหาวิทยาลัยที่ได้นำเอาR2Rมาใช้ควบคู่กับการปฏิบัติงาน หรือแม้กระทั่งการยกตัวอย่างของงานR2Rของหน่วยบริการปฐมภูมิที่ได้รับรางวัลนำเสริมให้เห็นภาพของประโยชน์และแนวทางที่หน่วยบริการสามารถริเริ่ม/กระทำให้เกิดขึ้น..เนื่องจากว่าฉันได้มาเข้าร่วมฟังการบรรยายช้าในตอนเกริ่นนำถึงความหมาย/คำจำกัดความของR2Rตามสไตล์ของอาจารย์จึงไม่ได้ฟังทั้งหมด แต่จากที่มีอยู่ในเอกสารประกอบการบรรยาย.อาจารย์ได้สรุป/คัดย่อเอาไว้ว่า
R2Rคืออะไร...
-การวิจัยที่ดำเนินการโดยผู้ปฏิบัติที่ต้องการพัฒนางานประจำ
-โจทย์ของงานวิจัยได้มาจากปัญหาในการทำงานประจำ
-ผลของงานวิจัย เน้นที่ผู้รับบริการ
-สามารถนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในการพัฒนางานประจำ
เราอาจแบ่งกลุ่มคนในองค์กรเป็น4กลุ่มด้วยกัน คือ
1.ได้ทำR2Rไปแล้ว
2.ทำไปแล้วบางส่วน
3.อยากทำแต่ยังไม่ได้เริ่มต้น ไม่รู้จะทำอย่างไร
4.ไม่รู้ไม่สนใจ และกลุ่มนี้มักมีคำถามในใจว่าทำแล้วได้อะไรอยู่เสมอ
ซึ่งอาจารย์ก็เฉลยในสไลด์ถัดไปว่าการทำR2Rได้ประโยชน์ต่อผู้ทำ หน่วยงานและสังคมวงกว้าง
อีกสไลด์ที่น่าสนใจคือ..จะเริ่มต้นทำR2Rอย่างไร
1.เริ่มต้นที่ตัวบุคคลก่อน...
มีความกล้าคิด กล้าทำ มีฝัน ท้าทาย หรือเป็นลักษณะเสรีนิยมมากกว่าอนุรักษ์นิยมก็มักจะสนใจหรือเปิดรับการทำR2Rได้ง่าย
2.ความใส่ใจต่อการทบทวน/ค้นหาว่าอะไรคือปัญหาในการทำงาน
-การทำงานนั้นมีปัญหาหรือไม่ หรือหากว่ามีหลายปัญหา จัดลำดับความสำคัญของปัญหา หรือ ไม่มีปัญหาเลยจริงการทำR2Rก็ยังคงได้ประโยชน์ในการที่จะทำอย่างไรให้ดียิ่งๆขึ้นไป
3.บางที่อยากทำแต่ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร...อาจารย์แนะนำให้หาผู้ช่วย ผู้รู้ ผู้สนับสนุน
4.ที่สำคัญอาจารย์แนะนำให้เริ่มจากงานเล็กๆที่เราสามารถจัดการได้ หรืออาจใช้ทีมงานที่ไม่ใหญ่มากเก็บสะสมผลงานและต่อยอดความรู้/ความลึกของข้อมูลต่อไปเรื่อยๆ...
อาจารย์อธิบายถึง3Dที่ใช้ในการขับเคลื่อนR2Rทั้งในระดับบุคคลและองค์กรให้มีการหมุนเกลียวและต่อเนื่องไปเรื่อยๆ เจ้า3Dที่ว่านี้คือ
หลังจากสไสด์นี้ก็เป็นรูปภาพกิจกรรมและบทสัมภาษณ์ของคน/ทีมที่ได้ทำR2Rไปแล้วซึ่งมีทั้งในระบบโรงเรียนแพทย์เช่นที่ศิริราช หรือ ม.อ. โรงพยาบาลภูมิภาค เช่นที่ขอนแก่นและที่รพ.ยโสธร มาเป็นตัวอย่าง หรือ ออร์เดิฟ ก่อนที่จะเสริฟต่อไปถึงเนื้อหาความรู้ในเรื่องการสื่อสารการเปลี่ยนแปลงซึ่งแน่นอนหัวใจหลักก็ยังคงอยู่ที่คน หรือ บุคลากร ว่ามีความพร้อมมากหรือน้อยแค่ไหนที่จะเปลี่ยนแปลง อาจารย์ก็จัดแบ่งคนออกเป็น 4 กลุ่ม คือ
ถัดจากนั้นก็เป็นการอธิบายถึงรูปแบบและกระบวนการทำงานวิจัย ซึ่งรูปแบบงานวิจัยในR2Rไม่มีลักษณะตายตัว ขึ้นอยู่กับบริบทและสภาพปัญหา ขนาดของกลุ่มตัวอย่างไม่มาก กระบวนการอาจไม่ยุ่งยากซับซ้อนแต่เน้นผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางในการกำหนดประเด็นปัญหา หรือการเป็นผลรับผลประโยชน์ที่ได้จากงานวิจัย อาจารย์ได้ยกตัวอย่างงานวิจัยผู้ป่วยโรคไตที่รพ.ท้องถิ่นแห่งหนึ่งจัดทำขึ้นซึ่งนอกเหนือไปจากการได้ทำความเข้าใจต่อสภาพการบริการที่เป็นอยู่จริงของหน่วยงานผู้ทำวิจัยแล้วเขาได้นำผลการวิจัยมาใช้ประโยชน์ต่อกับคนไข้,มีการเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานของหน่วยงานให้ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ป่วยและชุมชนได้ดียิ่งขึ้น ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้นจึงเป็นเหตุให้งานวิจัยชิ้นนี้มีคุณค่าและได้รับรางวัล...
อาจารย์ยังได้แนะนำแหล่งความรู้ทั้งบล็อกและหนังสือให้พวกเราผู้เริ่มจะสนใจR2Rได้ไปค้นหาเพิ่มเติม อาทิเช่น
หลังจากฟังอาจารย์บรรยายจบแล้วในที่ประชุมก็ยังมีการนำเสนอผลงานวิชาการต่อเนื่องอีก...แต่สำหรับตัวฉันการได้มีโอกาสมาฟังอาจารย์ศจ.นพ.สมบูรณ์บรรยายครั้งนี้ให้ข้อคิดและความรู้สึกที่ดีมาก..เพราะก่อนหน้านี้ฉันมีความรู้สึกว่าการทำงานวิจัยควบคู่กับการทำงานประจำเป็นสิ่งที่ยุ่งยากมากกว่าท้าทาย และในขณะเดียวกันก็มีมุมมองแคบๆว่าในโรงพยาบาลR2Rน่าจะเป็นการทำงานวิจัยเชิงคลินิกมากกว่า แต่เมื่อได้มาฟังและเห็นตัวอย่างที่อาจารย์นำเสนอขึ้นมาทำให้เร้สึกง่าย(สามารถเป็นไปได้)และเกิดความเข้าใจมากขึ้นว่าหน่วยงานในทุกส่วนงานสามารถที่จะใช้R2Rเป็นอีกเครื่องมือหนึ่งในการพัฒนาคนที่ทำงานหรืองานที่ทำ..คล้ายกันกับที่เราทำCQIแต่ว่าเพิ่มความเข้าใจถึงธรรมชาติและกระบวนการในการทำวิจัย โดยเริ่มต้นที่การค้นหาโจทย์/คำถามการวิจัย/กรอบการวิจัยที่ตอบสนองต่องานและผู้รับบริการ มีการสืบค้นหาข้อมูลที่น่าเชื่อถือ/อ้างอิงได้ หรือ สร้างแนวทางการทำงาน/วิธีคิดการทำงานใหม่และทดสอบผลการเปลี่ยนแปลงของมัน มีกระบวนการคิดวิเคราะห์ จัดทำข้อสรุปและรายงานผล
ไม่มีความเห็น