ขอบความคิด


การพูดในแง่ร้ายของสิ่ง "ดี" หรือแง่ดีของสิ่ง "ร้าย" เป็นสิ่งที่ผิด จริงหรือ?
คนเราต่างมีความคิดเห็นแตกต่างกันไป ทุกๆ คน ต่างอยากให้คนอื่นๆ รับฟังความคิดเห็นของตัวเอง และหลังจากที่ได้แสดงความคิดเห็นของตัวเองแล้ว คนส่วนใหญ่ ต้องการให้คนที่รับฟังเห็นด้วย ตกลง ยอมรับความคิดเห็นที่ตนได้แสดงไป มีเพียงน้อยคนที่จะเข้าใจว่า คนเรามีประสบการณ์ มีพื้นฐานความคิดไม่เหมือนกัน การที่จะให้เห็นตรงกันหมดทุกเรื่องย่อมเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
ความให้คิดเห็นของคนไทยส่วนใหญ่นั้น ได้รับอิทธิพลมาจากการ "ล้างสมอง" ของคณะปฏิวัติ ซึ่งต้องการให้คนไทยรักชาติ และรักระบอบประชาธิปไตย โดยให้ พ.ต.หลวงวิจิตรวาทการเป็นผู้ที่ดำเนินการ (เนื่องด้วยข้าพเจ้าไม่ได้มีประสบการณ์ หรือค้นคว้าในเรื่องความเป็นไปในสมัยนั้น จึงไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ว่าสิ่งที่ท่านทำไป ถูกหรือผิดแค่ไหน อย่างไร เพียงแต่จะพูดถึงผลที่พาดพิงมาถึงสมัยนี้) ส่วนวิธีดำเนินการนั้น ก็เหมือนกันกับการล้างสมองโดยทั่วไป กล่าวคือ สิ่งใดเป็นสิ่งที่อยากจะให้คนอื่นๆ เห็นว่าดี ก็จะพูดถึงในแง่ที่ดี ยกย่องว่าแง่ที่ดีของสิ่งนั้นเป็นสิ่งสำคัญ ส่วนเวลาอยากจะให้ผู้คนมองว่าสิ่งใดไม่ดีก็จะพูดถึงในแง่ร้าย และเน้นย้ำว่า แง่ร้ายนั้นๆ เป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้ และพยายามทำให้คนจำในแง่ดีของสิ่ง "ดี" แง่ร้ายของสิ่ง "ร้าย" และทำให้คนมองว่า การพูดในแง่ร้ายของสิ่ง "ดี" หรือแง่ดีของสิ่ง "ร้าย" เป็นสิ่งที่ผิด เป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำ
ผลก็คือ คนไทยได้นิสัยการคิดแบบนี้ติดตัวมาจนถึงปัจจุบัน ตัวอย่างง่ายๆ จากหนังสือเรียนสมัยประถม เวลาพูดถึงการเก็บของให้เป็นที่ หนังสือก็จะพูดถึงเพียงแค่ข้อดีของการเก็บของให้เป็นระเบียบ และข้อเสียของการเก็บของไม่เป็นที่ ข้าพเจ้าจำตรงนี้ได้ดีเพราะบิดาของข้าพเจ้า (ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่ข้าพเจ้าและอีกหลายๆ บุคคลยอมรับในความคิด) เคยออกข้อสอบว่า การเก็บของไม่เป็นระเบียบมีผลดีอย่างไร และผลก็คือไม่มีเด็กคนไหนตอบข้อนี้ถูก เพราะทุกคนพยายามจะตอบข้อดีของการเก็บของให้เป็นระเบียบ หรือข้อเสียของการเก็บของไม่เป็นที่ ซึ่งมีเป็นตัวเลือกอยู่ในข้อสอบ
มาถึงตรงนี้ ผู้อ่านหลายๆ ท่านคงจะมีความคิดแย้งในใจว่า ก็ดีแล้วไง ก็ทำให้เด็กรักความเป็นระเบียบ แต่เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่า ความเป็นระเบียบเป็นสิ่งที่ถูก ที่เหมาะสมกับบุคคลนั้นๆ ถ้าเราไม่ได้พิจารณาให้ครบทุกแง่ แล้วถ้าเป็นเรื่องอื่นๆ หล่ะ? แล้วใครจะเป็นผู้ตัดสินว่า สิ่งไหนเป็นสิ่งดี ควรที่จะพูดถึงแต่แง่ดี สิ่งไหนเป็นสิ่งที่ควรพูดถึงในแง่ร้าย? ถ้าเราหัดให้เด็กยอมรับตรงนั้นโดยใช้คำพูดว่า มันเป็นสิ่งที่หนังสือเขียนไว้ หรือเป็นสิ่งที่มี "ผู้รู้" คิดไว้อยู่แล้ว พอโตขึ้นมา เราก็จะติดนิสัย "รับมาใช้" โดยไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง และถ้าเราไม่หัดคิดให้ครบทุกแง่ของทุกสิ่งแล้ว ย่อมเป็นการง่ายต่อการถูกชี้นำ
เนื่องด้วยบุคคลส่วนใหญ่ในสังคมสมัยนี้ได้รับอิทธิพลมาจากการคิดแบบนี้ ผู้ที่มีความคิดแตกต่างออกไปเลยถูกมองว่า เป็นบุคคล "ขวางโลก" ซึ่งข้าพเจ้ายอมรับว่า คนที่ขวางโลกจริงๆ นั้นมีอยู่ แต่ก็ยังพอมีบุคคลอยู่ส่วนหนึ่งที่เพียงแค่อยากจะพิจารณาสิ่งต่างๆ ให้ครบทุกแง่ก่อนตัดสินใจยอมรับว่า สิ่งนั้นเป็นสิ่งดี หรือร้าย และผู้เขียนขออ้างตัวว่าเป็นหนึ่งในบุคคลกลุ่มหลัง ส่วนผู้อ่านทั้งหลายจะเห็นด้วยหรือไม่นั้น ขอให้ท่านทั้งหลายอ่านและ "คิด" ตามด้วยใจเป็นกลาง โดยก่อนจะคิดถึงเรื่องใดๆ นั้น ให้คิดก่อนว่า เรื่องนั้นไม่ได้เป็นเรื่อง "ผิด" หรือ "ถูก" เพียงแต่เป็นเรื่องๆ หนึ่งที่เกิดขึ้นและยังไม่มีใครตัดสินว่าเป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดี ข้าพเจ้าเข้าในว่า การคิดแบบนี้เป็นเรื่องที่ยาก ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่นถ้าข้าพเจ้าอยากจะให้เราวิพากษ์วิจารณ์ "ความกตัญญู" น้อยคนนัก ที่จะคิดให้เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ "เป็นกลาง" ได้ บุคคลส่วนใหญ่ชอบที่จะคิดว่าสิ่งนี้เป็นเรื่องดี และจะส่งผลให้เราอยากจะคิดถึงแต่แง่ดีของเรื่องนี้ และรู้สึกผิดที่คิดถึงแง่ร้ายของความกตัญญู
ด้วยเหตุที่ว่าข้าพเจ้ามีบิดาที่ฉลาด ข้าพเจ้ามีเพื่อนน้อย แต่ได้พูดคุยกับผู้ใหญ่ที่มีความคิดดีมามากในสมัยเด็ก จึงทำให้ข้าพเจ้าได้มีโอกาสพิจารณาสังคม และความคิดของคนในสังคมด้วยมุมมองที่แตกต่างออกไป แม้ว่าบางครั้ง ข้าพเจ้าจะน้อยใจว่า ข้าพเจ้าไม่อาจเป็นส่วนหนึ่งของสังคมได้อย่างเต็มที่ แต่ข้าพเจ้าก็พึงใจว่า ข้าพเจ้าสามารถมองเห็นในสิ่งที่คนส่วนใหญ่มองไม่เห็น เข้าใจในสิ่งที่คนส่วนใหญ่ในสังคมไม่สามารถมองออกได้เนื่องด้วยบุคคลเหล่านั้นอยู่ในกรอบ ย่อมไม่สามารถมองภาพรวมของกรอบได้ถนัดนัก เปรียบได้กับการที่เรามีความเชื่อว่าโลกแบน ต้องใช้เวลานานมาก กว่าที่จะพิสูจน์ได้ว่าโลกมีทรงกลม แต่ถ้าเราสามารถมองจากนอกโลกได้แล้ว ย่อมไม่เป็นการเสียเวลามากนักที่จะพูดว่า "โลกกลม" ส่วนข้าพเจ้าเองนั้น ก็ไม่สามารถพูดได้ว่า อยู่นอกสังคมเต็มตัว เพราะต้องดำเนินชีวิตเช่นเดียวกันกับบุคคลอื่นๆ ข้าพเจ้าจึงขอกล่าวไว้ว่า ข้าพเจ้านั้นอยู่บนขอบของสังคม
การเขียนบันทึกครั้งนี้ ข้าพเจ้าจะเน้นถึงความคิดของข้าพเจ้าเป็นสำคัญ และจะไม่พยายามเอาใจผู้อ่านระดับใดระดับหนึ่งเป็นสำคัญ แต่จะเป็นการ "คิดเป็นตัวอักษร" เพื่อที่จะได้เป็นบันทึกถึงตัวข้าพเจ้าเองในอนาคต ว่าบัดนี้ ขณะนี้ ข้าพเจ้าคิดถึงเรื่องใดไว้อย่างไร แต่ก็หวังว่า การ "คิดเป็นตัวอักษร" ของข้าพเจ้าจะเป็นประโยชน์ให้กับ บุคคลอื่นได้บ้าง จึงได้นำมาวางไว้ในเว็ปนี้
หมายเลขบันทึก: 203486เขียนเมื่อ 26 สิงหาคม 2008 01:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 01:45 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

สวัสดีครับ,

น่าสนใจมากครับ

ขอเป็นกำลังใจในการนำเสนอความคิดครับ .... ผมจะเข้ามาติดตามอย่างสม่ำเสมอแน่นอนครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท