· การสอนแบบมุ่งประสบการณ์และการเรียนร่วมแรงร่วมใจ
หมายถึง การเรียนการสอนอาศัยหลักการและแนวคิดที่เหมาะสมจากการสอนซึ่งเน้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลและทุกคนมีโอกาสฝึกทางภาษาได้เท่าเทียมกันการใช้สื่อประกอบการเรียนการสอนเป็นการช่วยพัฒนาทักษะทางภาษา
ก. ทฤษฏี/หลักการ/แนวคิดจองรูปแบบ
การเรียนรู้แบบร่วมแรงร่วมใจได้แนวคิดจากทฤษฏีพหุปัญญา( Theory of Multiple Intelligences) ของการ์ดเนอร์กล่าวว่าเชาว์ปัญญาของบุคคลมีอยู่อย่างหลากหลาย 8 ด้านเพียงแต่ความสามารถไม่เท่ากันความสามารถที่แสดงออกมาทำให้คนแต่ละคนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวหากได้รับการส่งเสริมความสามารถให้เต็มศักยภาพได้เชาว์ปัญญา 8 ประการ 1.ด้านภาษา 2.ด้านคณิต 3.ด้านมิติสัมพันธ์ 4.ด้านดนตรี 5.ด้านการเคลื่อนไหวร่างกาย
6.ด้านการสัมพันธ์กับบุคคลอื่น 7.ด้านการเข้าใจตนเอง 8.ความเข้าใจธรรมชาติ
ข.วัตถุประสงค์
เป็นยุทธวิธีการเรียนที่เน้นผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยกันเป็นกลุ่มเล็กๆแต่ละคนในกลุ่มมีความรู้ความสามารถที่แตกต่างกันแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันเคารพความคิดเห็นและยอมรับความรู้ความสามารถของผู้อื่นที่แตกต่างจากตนโดยผู้เรียนจะต้องรับผิดชอบต่อการเรียนรู้ของตนเองและเพื่อนๆในกลุ่มเน้นการร่วมมือกันในกลุ่มโดยให้นักเรียนทุกคนในกลุ่มมีโอกาสช่วยกันให้กลุ่มประสบผลสำเร็จได้เท่าเทียมกัน
ค.กระบวนการเรียนการสอน
ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
1.ขั้นนำเสนอบทเรียน
2.ขั้นตรวจสอบพื้นความรู้ของนักเรียน
3. ขั้นศึกษาเนื้อหา
4.ขั้นฝึกปฏิบัติ
5.ขั้นสรุปและประเมินผล
1.ขั้นนำ เป็นการนำเข้าสู่บทเรียนเพื่อเตรียมความพร้อมและกระตุ้นให้นักเรียนสนใจใฝ่เรียนรู้ยิ่งขึ้นโดยการนำสื่อเช่นเทปเพลง แผนภูมิ การแสดงท่าทางประกอบเพลงรูปภาพของจริง การสนทนาซักถามมาประกอบการนำเขาสู่บทเรียน
2.ขั้นตรวจสอบพื้นความรู้ของนักเรียน
ตรวจสอบให้รู้ว่านักเรียนมีพื้นความรู้บ้างหรือไม่มากน้อยเพียงใดทำได้ไม่ยากสำหรับนักเรียนกลุ่มเล็กสำหรับนักเรียนกลุ่มใหญ่ครูควรเลือกกิจกรรมประเภทที่สามารถตรวจสอบพื้นความรู้ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
3.ขั้นศึกษาเนื้อหา
เป็นการศึกษาเนื้อหาเรื่องที่จะเรียนจากแหล่งความรู้และจากใบความรู้การสนทนาซักถาม การอภิปราย การใช้รูปภาพประกอบการเรียนรู้จากของจริงเพื่อให้เข้าใจเนื้อหาที่เรียนได้ดียิ่งขึ้น
4.ขั้นฝึกปฏิบัติ
เป็นการฝึกปฏิบัติทักษะการฟัง พูด อ่าน เขียน ด้วยวิธีการต่างๆอาจฝึกรวมกันทั้งชั้นหรือฝึกเป็นกลุ่ม เป็นคู่ ฝึกจนชำนาญสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้
5.ขั้นสรุปและประเมินผล
เป็นการตรวจสอบความรู้ความเข้าใจและการนำความรู้ไปใช้ของนักเรียนว่าถูกต้องสอดคล้องกับจุดประสงค์ที่วางไว้หรือไม่ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปบทเรียนประเมินผลการเรียนรู้ร่วมกันรวมทั้งครูผู้สอนอธิบายเพิ่มเติมให้กับผู้เรียนที่ยังไม่เข้าใจเพื่อให้ผู้เรียนเกิดผลการเรียนรู้ที่แท้จริง
ง. แหล่งเรียนรู้
1.หนังสือ ตำรา ใบความรู้ ใบงาน
2.ห้องสมุด
3.เครือข่ายอินเตอร์เน็ต
4.แหล่งเรียนรู้ในชุมชน
จ.การประเมิน
1.ความรู้ความเข้าใจ k
-ทดสอบ
- อภิปราย
2.ทักษะกระบวนการ P
- สังเกต
-สอบถาม
3.เจตคติ A
- คุณค่าและคุณภาพของชิ้นงาน
- ความรู้สึกที่มีต่อการเรียน
ฉ.เครื่องมือประเมิน
- แบบสังเกต
- แบบทดสอบ
- แบบตรวจผลงาน
- แบบสอบถามเจตคติ
ช.เกณฑ์ในการประเมิน
ประเมินโดยถือเกณฑ์ 50 % ผ่าน
ซ.ผลที่ผู้เรียนจะได้รับ
1. ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจ
2.ผู้เรียนมีความสามัคคีทำงานร่วมกันกับผู้อื่นได้
3.ผู้เรียนสามารถนำความรู้สรุปองค์ความรู้ได้ด้วยตนเอง
4. ผู้เรียนสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้
|
|
|
|
|
|
|
· การสอนแบบมุ่งประสบการณ์และการเรียนร่วมแรงร่วมใจ หมายถึง การเรียนการสอนอาศัยหลักการและแนวคิดที่เหมาะสมจากการสอนซึ่งเน้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนรู้โดยคำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคลและทุกคนมีโอกาสฝึกทางภาษาได้เท่าเทียมกันการใช้สื่อประกอบการเรียนการสอนเป็นการช่วยพัฒนาทักษะทางภาษา ก. ทฤษฏี/หลักการ/แนวคิดจองรูปแบบ การเรียนรู้แบบร่วมแรงร่วมใจได้แนวคิดจากทฤษฏีพหุปัญญา( Theory of Multiple Intelligences) ของการ์ดเนอร์กล่าวว่าเชาว์ปัญญาของบุคคลมีอยู่อย่างหลากหลาย 8 ด้านเพียงแต่ความสามารถไม่เท่ากันความสามารถที่แสดงออกมาทำให้คนแต่ละคนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวหากได้รับการส่งเสริมความสามารถให้เต็มศักยภาพได้เชาว์ปัญญา 8 ประการ 1.ด้านภาษา 2.ด้านคณิต 3.ด้านมิติสัมพันธ์ 4.ด้านดนตรี 5.ด้านการเคลื่อนไหวร่างกาย 6.ด้านการสัมพันธ์กับบุคคลอื่น 7.ด้านการเข้าใจตนเอง 8.ความเข้าใจธรรมชาติ ข.วัตถุประสงค์ เป็นยุทธวิธีการเรียนที่เน้นผู้เรียนได้เรียนรู้ด้วยกันเป็นกลุ่มเล็กๆแต่ละคนในกลุ่มมีความรู้ความสามารถที่แตกต่างกันแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันเคารพความคิดเห็นและยอมรับความรู้ความสามารถของผู้อื่นที่แตกต่างจากตนโดยผู้เรียนจะต้องรับผิดชอบต่อการเรียนรู้ของตนเองและเพื่อนๆในกลุ่มเน้นการร่วมมือกันในกลุ่มโดยให้นักเรียนทุกคนในกลุ่มมีโอกาสช่วยกันให้กลุ่มประสบผลสำเร็จได้เท่าเทียมกัน ค.กระบวนการเรียนการสอน ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้ 1.ขั้นนำเสนอบทเรียน 2.ขั้นตรวจสอบพื้นความรู้ของนักเรียน 3. ขั้นศึกษาเนื้อหา 4.ขั้นฝึกปฏิบัติ 5.ขั้นสรุปและประเมินผล 1.ขั้นนำ เป็นการนำเข้าสู่บทเรียนเพื่อเตรียมความพร้อมและกระตุ้นให้นักเรียนสนใจใฝ่เรียนรู้ยิ่งขึ้นโดยการนำสื่อเช่นเทปเพลง แผนภูมิ การแสดงท่าทางประกอบเพลงรูปภาพของจริง การสนทนาซักถามมาประกอบการนำเขาสู่บทเรียน 2.ขั้นตรวจสอบพื้นความรู้ของนักเรียน ตรวจสอบให้รู้ว่านักเรียนมีพื้นความรู้บ้างหรือไม่มากน้อยเพียงใดทำได้ไม่ยากสำหรับนักเรียนกลุ่มเล็กสำหรับนักเรียนกลุ่มใหญ่ครูควรเลือกกิจกรรมประเภทที่สามารถตรวจสอบพื้นความรู้ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว 3.ขั้นศึกษาเนื้อหา เป็นการศึกษาเนื้อหาเรื่องที่จะเรียนจากแหล่งความรู้และจากใบความรู้การสนทนาซักถาม การอภิปราย การใช้รูปภาพประกอบการเรียนรู้จากของจริงเพื่อให้เข้าใจเนื้อหาที่เรียนได้ดียิ่งขึ้น 4.ขั้นฝึกปฏิบัติ เป็นการฝึกปฏิบัติทักษะการฟัง พูด อ่าน เขียน ด้วยวิธีการต่างๆอาจฝึกรวมกันทั้งชั้นหรือฝึกเป็นกลุ่ม เป็นคู่ ฝึกจนชำนาญสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ 5.ขั้นสรุปและประเมินผล เป็นการตรวจสอบความรู้ความเข้าใจและการนำความรู้ไปใช้ของนักเรียนว่าถูกต้องสอดคล้องกับจุดประสงค์ที่วางไว้หรือไม่ ครูและนักเรียนร่วมกันสรุปบทเรียนประเมินผลการเรียนรู้ร่วมกันรวมทั้งครูผู้สอนอธิบายเพิ่มเติมให้กับผู้เรียนที่ยังไม่เข้าใจเพื่อให้ผู้เรียนเกิดผลการเรียนรู้ที่แท้จริง ง. แหล่งเรียนรู้ 1.หนังสือ ตำรา ใบความรู้ ใบงาน 2.ห้องสมุด 3.เครือข่ายอินเตอร์เน็ต 4.แหล่งเรียนรู้ในชุมชน จ.การประเมิน 1.ความรู้ความเข้าใจ k -ทดสอบ - อภิปราย 2.ทักษะกระบวนการ P - สังเกต -สอบถาม 3.เจตคติ A - คุณค่าและคุณภาพของชิ้นงาน - ความรู้สึกที่มีต่อการเรียน ฉ.เครื่องมือประเมิน - แบบสังเกต - แบบทดสอบ - แบบตรวจผลงาน - แบบสอบถามเจตคติ ช.เกณฑ์ในการประเมิน ประเมินโดยถือเกณฑ์ 50 % ผ่าน ซ.ผลที่ผู้เรียนจะได้รับ 1. ผู้เรียนมีความรู้ความเข้าใจ 2.ผู้เรียนมีความสามัคคีทำงานร่วมกันกับผู้อื่นได้ 3.ผู้เรียนสามารถนำความรู้สรุปองค์ความรู้ได้ด้วยตนเอง 4. ผู้เรียนสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้
ไม่มีความเห็น