แม่ชาวไทย แม่เรา


แม่เราคนดีที่หนึ่ง

                วันที่  ๑๒  สิงหาคมของทุกปี   คือวันสำคัญของชาวไทย  และครอบครัวไทย เนื่องจากเป็นวันแม่  วันที่ชาวไทยทุกคนจะได้แสดงออกซึ่งความจงรักภักดิ์ดี ต่อสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตต์  บรมราชินีนารถ  พระแม่ของแผ่นดินไทย  จะเห็นได้ว่า พสกนิกรชาวไทยต่างประกอบกิจกรรมต่างๆ  ถวายต่อพระองค์ท่าน เพื่อถวายเป็นราชกุศล

ในวาระสำคัญแช่นนี้  คนไทยก็ไม่อานิสงค์จากพระมหากรุณาจากเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน โดยการทำความดีและรำลึกนึกถึงพระในบ้าน คือแม่เรา  แม่ที่เป็นเสียยิ่งกว่าทุกสิ่ง มากถึงมีการเปรียบเทียบกับสิ่งที่มีคุณาประการมากมาย 

พจนานุกรมฉบับบัณฑิตยสถานปีพุทธศักราช๒๕๒๕ได้ความยิ่งใหญ่ของแม่ไว้ว่า แม่ หมายถึง หญิงในฐานะที่เป็นผู้ให้กำเนิดแก่ลูก คำที่ลูกเรียกหญิงผู้ให้กำเนิดตน ในพระพุทธศาสนา ได้แสดงถึงคุณลักษณ์ของแม่เอาไว้ว่า

แม่คือปุพพจารย์   คือเป็นครูคนแรกของลูก  ที่สอนให้ลูกเป็น ได้แก่พูด กิน เดิน หัวเราะ ร้องไห้ อดทน เป็นต้น  สอนให้ลูกรู้  คือ รู้ทำที่ควร รู้ไม่ควรทำ  รู้ละ เลิก รู้หนี รู้สู้  เป็นครูที่ไม่มีเงินเดือน  มีเพียงเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของลูกเป็นแรงใจตอบแทน มีความเข้มแข็งและความเป็นคนดีมีคุณภาพเป็นผลกำไร   เท่านั้น

แม่คือครูพรหม  คือเป็นผู้มีคุณธรรมเทียมเท่ากับพรหม  ได้แก่  เป็นผู้ประกอบด้วย ความเมตตา มีจิตใจที่ปรารถนาต่อลูกไม่ว่าลูกนั้นจะดีจะร้าย  จะประสบกับความโชคดีหรือวิบากรรม แม่มีตักที่อบอุ่น น้ำใจที่พร้อมจะมอบให้กับลูกเสมอ ไม่ว่าลูกนั้นจะอยู่ในภาวะใด สถานการณ์ใด   ความกรุณา มีจิตถวิลหาต่อลูกมิเคยเหือดหาย ที่จะให้พ้นจากความทุกข์ ความยาก ความเดือดร้อนตลอดเวลา มุทิตา แม่เป็นผู้มี่น้ำใจเมื่อลูกประสบกับความสำเร็จ ประสบกับความรุ่งเรือง  อุเบกขา  แม่จะเป็นผู้ที่พร้อมจะอดทนวางเฉยเมื่อลูกต้องฝ่าฝัน หรือต้องเรียนรู้ภาวะของความเข้มแข็งและต่อสู้ เป็นผู้เฉยเพื่อสร้างความพร้อมให้กับลูก  บางครั้งสิ่งที่แม่ทำอาจขัดกับความรู้สึกของลูก  ในบางกรณี คุณธรรมอุเบกขาของแม่  ถึงกับทำให้ลูกมองตนว่าแม่เป็นผู้ร้ายในสายตาของตน กว่าจะรู้ว่าแม่คิดอย่างไร บางทีต้องรอจนกว่าตนเองมีลูกเอง  จึงเข้าใจว่า ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ   

แม่ มีชื่อเรียกว่า มารดา บ้าง  มารดร บ้าง  ซึ่งมีความหมายถึง ความ เป็นใหญ่ของบทบาทหน้าที่   เช่น แม่ทัพ แม่น้ำ แม่กอง แม่ครัว แม่บ้าน  แม่แรง  เป็นต้น อันแสดงถึงความยิ่งใหญ่ที่แม่นั้นๆ ปฏิบัติต่อภาระหน้าที่ตามบทบาท

วันแม่ ชาวอเมริกันเป็นผู้กำหนดให้มีขึ้นเป็นครั้งแรก  และผู้ที่พยายามเรียกร้องให้มีวันแม่ในอเมริกา คือ แอนนา เอ็ม. จาร์วิส คุณครูแห่งรัฐฟิลาเดลเฟีย แต่กว่าเธอจะประสบความสำเร็จก็ครบ 2 ปีพอดีในปี ค.ศ.1914 (พ.ศ. 2457) โดยประธานาธิบดี วูดโรว์ วิลสัน ได้มีคำสั่งให้ถือวันอาทิตย์ที่ 2 ของเดือนพฤษภาคมเป็นวันแม่แห่งชาติ และดอกไม้สำหรับวันแม่ของชาวอเมริกันก็คือดอกคาร์เนชั่น ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือถ้าแม่ยังมีชีวิตอยู่ให้ประดับตกแต่งบ้านหรือประตูด้วยดอกคาร์เนชั่นสีชมพู แต่ถ้าแม่ถึงแก่กรรมไปแล้วให้ประดับด้วยดอกคาร์เนชั่นสีขาว
สำหรับในประเทศไทยนั้นมีการจัดงานวันแม่ขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2486 ณ.สวนอัมพร โดยมีกระทรวงสาธารณสุขเป็นผู้จัดงาน แต่เนื่องจากช่วงนั้นเป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 งานวันแม่ในปีต่อมาจึงต้องงดไปโดยปริยาย หลังจากผ่านพ้นวิกฤติสงครามไปแล้ว หลายหน่วยงานได้พยายามรื้อฟื้นให้มีวันแม่ขึ้นมาอีก แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร และมีการเปลี่ยนกำหนดวันแม่ไปหลายครั้ง แต่กำหนดวันแม่ที่ประชาชนนิยม และเป็นที่รับรองของรัฐบาล คือวันที่ 15 เมษายน โดยเริ่มจัดมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2493 กำหนดงานวันแม่ในวันนี้ยังดำเนินต่อมาอีกหลายปี ก็ต้องมาหยุดชะงักลงอีก ด้วยเหตุผลที่ว่าสภาวัฒนธรรมแห่งชาติผู้จัดงานวันแม่ขาดผู้สนับสนุนซึ่งก็คือกระทรวงวัฒนธรรมที่ถูกยุบไปนั่นเอง

ต่อมาสมาคมครูคาทอลิกแห่งประเทศไทยเห็นว่าควรมีการจัดงานวันแม่ต่อไป จึงได้รื้อฟื้นงานวันแม่ขึ้นมาอีก และได้กำหนดให้จัดงานวันแม่ คือวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2515 แต่จัดได้เพียงปีเดียวก็เลิกไป จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2519 คณะกรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์เห็นว่าควรกำหนดวันแม่ให้แน่นอนเสียที จึงได้กำหนดวันแม่ใหม่โดยให้ถือว่าวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ วันที่ 12 สิงหาคม เป็นวันแม่แห่งชาติ และ กำหนดให้ดอกมะลิเป็นดอกไม้สัญลักษณ์ของวันแม่ตั้งแต่นั้นมา เนื่องจาก ดอกมะลิเป็นดอกไม้ที่มีสีขาวบริสุทธิ์ ส่งกลิ่นหอมไปไกลและหอมได้นาน อีกทั้งยังออกดอกได้ตลอดทั้งปีเปรียบได้กับความรักอันบริสุทธิ์ของแม่ที่มีต่อลูกไม่มีวันเสื่อมคลาย ดังคำประพันธ์แม่จ๋า ของท่านผู้หญิงสมโรจน์ สวัสดิกุล ณ อยุธยา ที่ว่า

ดอกเอ๋ยดอกมะลิ
ถึงยามผลิกลิ่นพราวสกาวต้น
สดสะอาดปราศสีราคีระคน
เหมือนกมลใสสดหมดระคาย
กลิ่นมะลิหอมกระไรไม่รู้สร่าง
เปรียบได้อย่างรักแท้ไม่แปรหาย
อันรักแท้แลหัวใจได้บรรยาย
ขอเชิญทาย ณ ที่ไหนจากใครเอย

ในโอกาสอันเป็นมหามงคลเช่นนี้ เรากลับไปกราบแม่กัน หรือถ้าไม่ว่างจริงๆ  โทรศัพท์ไปหาได้พูดได้คุยบ่งบอกถึงความรู้สึกที่มีต่อท่านก็ได้  หรือว่ามีเหตุอันเป็นอุปสรรคที่ขัดข้องจริงๆ  ก็ทำบุญสวดมนต์นึกถึงพระคุณท่าน ก็เป็นบุญแก่แม่เราแล้ว ในวโรกาสอันประเสริฐนี้ ขอเอาบทความนี้ต่างดอกมะลิเป็นเครื่องสักการะต่อพระคุณของแม่พระของแผ่นดิน ขออำนาจสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประทานพรให้พระองค์ทรงพระเกษมสำราญ มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน เป็นฉัตรแก้วของชาวไทยตลอดไทย รวมทั้งเป็นเครื่องบูชาคุณของแม่ที่ท่านได้ให้ชีวิต ให้ความรู้ ให้ความดีแก่ข้าพเจ้า   ขออำนาจของคุณพระคุณเจ้าอวยพรให้ท่านมีสุขภาพแข็งแรง อยู่เย็นเป็นสุขตราบนานเท่านาน  ด้วยรักและเคารพยิ่ง.......

คำสำคัญ (Tags): #วันแม่
หมายเลขบันทึก: 200246เขียนเมื่อ 11 สิงหาคม 2008 18:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 01:31 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท