หลังจากได้ ร่วมงานจัดระบบบริการ คัดกรองจอประสาทตาของจังหวัดอุบลราธานี แบบตกกระไดพลอยโจน เมื่อ ปีก่อน ( อ่านได้ที่นี่ ครับ DM Corner : ศักยภาพ เครือข่าย กับการตรวจ จอประสาทตา ผู้ป่วยเบาหวาน ใน รพ.ชุมชน ) ผ่านไป ปีกว่า ๆ ก็เริ่มมองเห็นลู่ทางครับ มีเรื่องหลายเรื่องต้องค่อย ๆ ปรับกันไป
เนื่องจากเป็นโครงการที่ดำเนินการทั้งจังหวัด ( อันนี้ต้องขอบคุณ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ที่หางบมาซื้อเครื่อง ตรวจจอประสาทตา ) ไม่ได้ทำเฉพาะในโรงพยาบาลใด โรงพยาบาลหนึ่ง การจัดการบริการเลยต้องคิดมากขึ้นอีกหน่อย ประกอบกับเจ้าภาพ ตัวจริงไม่ชัดแจ้ง มีแต่พวกเห็นเครื่องตรวจจอประสาทตา วางอยู่ตรงหน้า แล้วเสียดาย อยากให้เดินหน้าต่อ ( ไปเรื่อย ๆ ) เลยลุยกันต่อ ทั้ง ๆ ที่ปีนี้ งบประมาณดำเนินการไม่มีแล้ว ( ต้อง ของบจาก สปสช.เขต มาได้อีก 500,000 บาท เพื่อดำเนินงานต่อ ในปีนี้ )
ประมาณปีกว่า ที่ผ่านมาการคัดกรอง ได้จำนวนมากเลยครับ เรามี เด็กหน่วยถ่ายจอประสาทตา 3 คน คุณหมอ สุดารัตน์ หมอตาเพื่อนผม รับมา ฝึก เอง ให้สามารถถ่ายรูปจอประสาทตาได้ วัด VA วัดความดันลูกตาได้ ผมก็เลยใช้ รพ.วารินชำราบเป็น หน่วยประสานงานกลาง จัดคิวถ่ายภาพจอประสาทตา ตระเวณไปทุกอำเภอ อำเภอละ 2-5 วัน ให้คลินิกเบาหวานแต่ละ รพ. เป็นคนดูแล การถ่ายภาพจอประสาทตา และเก็บภาพไว้ให้ หมอที่ รพ. หรือพยาบาล ที่ผ่านการอบรม อ่าน แล้วค่อยส่ง case ที่ผิดปกติให้ คุณหมอสุดารัตน์ อ่านและ วางแผนว่าจะทำอย่างไรต่อไป
ผ่านไป ปีกว่า ๆ มีผู้ป่วยเบาหวาน ได้รับการถ่ายรูปจอประสาทตา ประมาณ 20,000 ราย ผมมาดูตัวเลขแล้ว โอ้โห มากกว่าที่คิดจริง ๆ แต่ยังมีเรื่องท้าทายอีกมากครับ
1. หมอที่อบรมไว้ ย้าย หรือไปเรียนต่อกันเกือบหมดครับ ที่มีอยู่ก็อ่านไม่ทันเลยครับ ทำให้ภาพจอประสาทตาที่ถ่ายไว้ ค้างการอ่านพอสมควร
2. หมอตาก็ตรวจ + อ่านไม่ทันครับ เพราะมีน้อยมาก แค่ 1 คนเอง คือคุณหมอสุดารัตน์ เพื่อนผมนั่นเอง
3. อ่านมาแล้ว ยังไม่ได้เตรียมการรักษา หรือการดูแลต่อ โดยจักษุแพทย์เลยครับ
ประเมินว่าการถ่ายภาพจอประสาทตาด้วยกล้องดิจิตอล นี่ มีอำนาจการทำงานสูงมากเลยครับ จัดระบบดี ๆ เพียงแค่ ปีกว่า ๆ สามารถถ่ายภาพไว้อ่านได้ ตั้ง 20,000 กว่าราย ถือว่าเป็นอันคุ้มค่ามาก จิง ๆ ครับ แต่อย่าเพิ่งดีใจ เพราะมันมีความสามารถสูงเฉพาะในเรื่องการถ่ายภาพนะครับ ต้องมีระบบการอ่านแปลผล และการดูแลต่อ ที่สามารถรองรับได้ด้วย อันนี้ซิ น่าเป็นห่วง
ช่วงหนึ่ง กำลังมึนเรื่อง จอประสาทตาอยู่พอดี ผม นั่ง ๆ ดูเด็กที่ตรวจ เวลาถ่ายภาพ ภาพจะมาปรากฎที่ จอคอมพิวเตอร์ บางรูปโผล่มา เจ้าพวกนี้ก็ จะชี้ว่า นี่ยิงเลเซอร์มานี่หว่า อันนี้มี exudate อันนี้ NPDR ผมนึกในใจ ทำไมมันเก่งจังวะ สงสัย สุดารัตน์ train มาดี ฉับพลันทันใด ปิ๊งแวบ หมิงป๋าย ได้การละวะ ปรึกษากับคุณหมอสุดารัตน์ ให้เด็ก 3 คน สอบการอ่านภาพจอประสาทตาทาง internet กับอาจารย์ .ไพศาล ร่วมวิบูลย์สุข อาจารย์อยู่ รพ.ราชวิถีครับ แล้วอาจารย์ ไพศาล ก็มาทดสอบเองด้วย ชมว่าพวกนี้อ่านเก่ง จริง ๆ ( ไม่เก่งได้ยังไงครับ ก็เห็นภาพจอประสาทตามาตั้ง 40,000 กว่าภาพ แยกว่าอันไหนปกติ อันไหนผิดปกติไม่ได้ก็ให้มันรู้ไป ) ผมลองทดสอบดู ก็อ่านเก่งจริง ๆ
เริ่มตั้งแต่ เดือน มีนาคม 2551 เป็นต้นมา คุณหมอสุดารัตน์ ก็จะมาตรวจ case ที่คัดไว้จากทุกอำเภอ ทุกวันอังคาร ที่ รพ.วาริน ฯ เป็นอันว่า สามารถต่อจนถึงมือจักษุแพทย์ได้
จาก ผู้ป่วยเบาหวานทั้งหมด ในอุบล ฯ ประมาณ 34,000 คน ถ่ายภาพจอประสาทตาไปแล้ว 20,000 คน ( 63 % ) ตั้งแต่เดือน มีนาคม จักษุแพทย์ตรวจไปแล้ว 793 ราย นัด เลเซอร์ 73 ราย ผ่าตัด 7 ราย ผ่าตัดต้อกระจก 219 ราย |
เดือน มิถุนายน เริ่มให้เด็กที่ไปตรวจ อ่านภ่าพจอประสาทตา ได้ผลทันทีเลย ครับ ผป.ไม่ต้องรอผลหลายเดือนกว่าจะได้รู้ เจ้าหน้าที่ก็นำชื่อและรูปภาพ ที่ผิดปกติ ส่งจักษุแพทย์ได้เลย รอให้จักษุแพทย์นัดมาตรวจ วันอังคาร ที่ รพ.วาริน เริ่มคล่องตัวมากเลยครับ ผมเขียน software บันทึกผลการตรวจจอประสาทตาและสรุปผลไว้ให้เจ้าหน้าที่กรอกทันทีที่อ่านได้ ทำให้ข้อมูลสามารถ update ได้เป็นปัจจุบัน และสรุปผลได้ตลอดเวลา
มิย. ถึง กค 51 ตรวจไป 642 ราย แยกแยะตามรูปที่แสดงไว้ครับ
เป็นอันว่า ปีนี้น่าจะคัดกรอง อ่านผลได้เร็ว สรุปผลได้ทันเป็นปัจจุบัน และ ดูแลต่อเนื่อง จนถึงมือจักษุแพทย์ได้นะครับ ( เฮ้อ ค่อยยังชั่ว เกือบไม่รอดเสียแล้ว ) ลำพังถ้ากล้องใช้เฉพาะที่ รพ.ผม คงไม่ลำบากอย่างนี้ แต่นี่มันทั้งจังหวัด ผมเลย เสนอให้ สสจ. ขอเงิน สปสช มาได้ 500,000 บาท ไว้เป็นค่าตอบแทน หมอตา ค่ารักษา ค่าตอบแทนเด็กเจ้าหน้าที่ ค่าน้ำมัน ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เอาตัวรอดเป็น ปี ๆ ไป ครับ สำหรับค่าใช้จ่าย แต่เพื่อความไม่ประมาท ปีหน้าต้องวางแผนต่อว่าถ้าเงินหมดแล้วจะทำอย่างไร ครั้นจะเก็บกล้องไว้ใช้ที่ รพ.วารินฯเสียเอง ก็ดูจะประโยชน์น้อย อยากให้ดำเนินการต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าทุกโรงพยาบาลจะมีกล้องเป็นของตัวเอง คิดเอาไว้ว่า รพ.ต่างๆ ที่ใช้บริการ คงต้องช่วยกันจ่ายค่าตอบแทนเด็ก ๆ และหาวิธี จ่ายค่ารักษากับจักษุแพทย์ ( 2 ปีที่ผ่านมา ตรวจให้ โดยไม่ใช้งบของโรงพยาบาลทุกโรงพยาบาลเลยครับ คงถึงเวลาที่ต้องมีส่วนร่วมในการรับบริการบ้าง ) เรื่องนี้ยังต้องค่อยๆ แก้ไขกันไป ถ้ามันต่อได้ดี จะเขียนเล่าต่อครับ
ต้องขอบพระคุณ อาจารย์วัลลา ตันตโยทัย จริงๆ เลยครับ ทำให้ได้มาเขียนบันทึกอีกเรื่อง ช่วงนี้งานกระหน่ำ บางวันยังงง เลยครับว่าวันนี้วันอะไร อิอิ แต่ยังสู้ ๆ ครับ
ไม่มีความเห็น