การสอนโดยเพื่อนช่วยสอน (
Peer Tutoring)
|
|
|
ความหมาย
การสอนโดยเพื่อนช่วยสอน หมายถึง
วิธีการสอนที่ให้เพื่อนักเรียนช่วยสอนให้เกิดการเรียนรู้ในเรื่องต่าง
ๆ แบบตัวต่อตัวหรือ 1 :1
โดยเพื่อนช่วยสอนอาจเป็นนักเรียนชั้นสูงกว่าหรือนักเรียนขั้นเดียวกัน
อายุเท่ากัน แต่มีความสามารถสูงกว่ามาช่วยสอน
ประโยชน์ของการสอนโดยเพื่อนช่วยสอน
ประโยชน์สำหรับครู
ทำให้มีครูเพิ่มขึ้นจากเดิมมี 1 คน ใน 1 ห้องเรียน
เมื่อมีเพื่อนนักเรียนช่วยสอนจึงเท่ากับว่ามีครูมากกว่า 1 คน
ในห้องเรียน ครูมีคนช่วยดูแลเด็กอย่างใกล้ชิดและทั่วถึงยิ่งขึ้น
ประโยชน์สำหรับนักเรียน
นักเรียนจะได้รับผลประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่าย คือ
นักเรียนผู้ช่วยสอน
จะเกิดทักษะในการเรียนรู้และทักษะทางสังคมมากขึ้น
นักเรียนผู้ถูกสอน
จะเรียนรู้ได้ดีขึ้นจาการใช้ภาษาของเพื่อนในวัยเดียวกัน
|
|
ข้อแนะนำสำหรับครูู
ในการสอนโดยเพื่อนช่วยสอนเป็นวิธีการที่ดีวิธีหนึ่ง
ครูควรคำนึงถึงเรื่องต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
1.
การเลือกงานที่เหมาะสม
เพราะกิจกรรมบางอย่างอาจไม่เหมาะสมสำหรับการใช้วิธีการสอนแบบเพื่อนช่วยสอน
2.
การประเมินความต้องการของผู้เรียนก่อนการสอน
เพื่อทราบว่านักเรียนยังขาดความรู้ความสามารถในเรื่องใดบ้าง
3.
การจัดเตรียมกิจกรรมและสื่อการสอนไว้ให้พร้อม
4.
การเตรียมขั้นตอนการสอนให้ง่าย
เพื่อให้นักเรียนผู้ช่วยสอนปฏิบัติตาม
5.
การจับคู่ผู้ช่วยสอนกับผู้เรียนให้เหมาะสม
6.
การฝึกนักเรียนผู้ช่วยสอนให้มีความเข้าใจในบทบาทก่อน
7.
การจัดรายการปฏิบัติแต่ละวันให้แน่นอน
เพื่อให้ผู้ช่วยสอนแน่ใจและปฏิบัติตามตารางที่กำหนด
8.
การจัดสภาพแวดล้อมในการทำงานที่เหมาะสมสำหรับเด็ก
9.
การตรวจสอบความก้าวหน้าทั้งผู้ช่วยสอนและผู้ถูกสอน
อาจตรวจสอบได้ทุกสัปดาห์
เพื่อดูความก้าวหน้าและสร้างความมั่นใจในการปฏิบัติงาน
10.
การให้กำลังใจผู้ช่วยสอน เช่น ประกาศเกียรติคุณให้เขาเป็นที่ยอมรับ
ให้เกียรติบัตรให้รางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ อาจเป็นเสื้อยืดทีม สมุดบันทึก
ฯลฯ เป็นต้น
|
|
การสอนให้เด็กเป็นผู้ช่วยสอนที่ดี
ก่อนจะให้เด็กช่วยสอน
ครูต้องอธิบายหรือสอนเทคนิคการเป็นผู้ช่วยสอนให้เด็กเข้าใจเป็นอย่างดีในเรื่องต่าง
ๆ ที่เกี่ยวข้องโดย
1.
อธิบายให้เข้าใจถึงแนวทางการสอน
2.
บอกลักษณะงานประจำให้เด็กเข้าใจอย่างชัดเจน
3.
อธิบายให้เด็กเข้าใจถึงงานที่ต้องทำ
4. บอกวิธีทาง
"ทำอย่างไรจึงจะผูกมิตรกับผู้ถูกสอน"
5. สอนขั้นตอนง่าย ๆ
ในการสอนให้เด็กผู้ช่วยสอนเข้าใจวิธีการ ดังนี้
ขั้นที่
1 แสดง สาธิต อธิบาย ให้ผู้ถูกสอนเข้าใจเนื้อเรื่องที่ต้องการสอน
ขั้นที่
2 สอบถามความเข้าใจที่แสดง สาธิต หรืออธิบายให้ฟังแล้ว
ขั้นที่
3 ให้เด็กผู้ถูกสอนปฏิบัติพร้อม ๆ กับผู้ช่วยสอน
ขั้นที่
4 ให้เด็กผู้ถูกสอนปฏิบัติเอง โดยผู้ช่วยสอนไม่ต้องช่วยเหลือ
ขั้นที่
5 ตรวจสอบผลการปฏิบัติงาน และอาจผลัดกันเป็นผู้ถาม-ตอบด้วยก็ได้
6. สอนทักษะในการทำงานกับผู้อื่น
พัฒนาทักษะทางสังคมให้ผู้ช่วยสอน
7.
สอนวิธีการวัด/การตรวจสอบผู้เรียน ให้เด็กผู้ช่วยสอนเข้าใจ
8.
สอนให้เด็กผู้สอนจดบันทึกความก้าวหน้าของผู้เรียน
9. สอนเคล็ดลับในการเป็นผู้สอน
เช่น ใจเย็น ไม่เร่งเร้าผู้เรียน
การติว
(Tutoring)
การติว
เป็นกระบวนการที่ใช้ในการสอนตัวต่อตัว นักเรียนเฉพาะบุคคล
โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะพัฒนาทักษะและเอื้ออำนวยให้เกิดความคิดรวบยอดทางบวกเกี่ยวกับตนเอง
(Koskined & Wilson : 1980 อ้างถึงใน Cole & Chan : 1990)
ผู้ติว (tutor)
คือบุคคลที่ทำการสอน
ผู้รับการติว
(Turee) คือ บุคคลที่ได้รับการสอน
ผู้ติว จะช่วยครูในชั้นเรียน
โดยการจัดดำเนินกิจกรรมที่ช่วยเสริม หรือช่วยสอนแก้ไขหรือสอนเสริม
ในการติวส่วนใหญ่
จะต้องมีการวินิจฉัยระดับความก้าวหน้าทักษะทางการเรียนของบุคคลนั้น
ก่อนที่จะเริ่มดำเนินโปรแกรมติว
ซึ่งจะทำโดยครูประจำชั้นและนำเอาข้อมูลเหล่านี้ไปบอกให้กับผู้ติว
ผู้ติวก็จะใช้ประโยชน์ข้อมูลในการดำเนินการติว
ในบางครั้งอาจมีผู้ติวหลายคนช่วยเด็กคนเดียว
การติวโดยเพื่อนต่างอายุหรือต่างชั้นกัน
หมายถึง สถานการณ์การสอนที่นักเรียนที่เป็นผู้ติว
สอนนักเรียนที่มีอายุน้อยกว่าหรือเรียนอยู่ในชั้นต่ำกว่า
การติวโดยเพื่อนที่อายุเท่ากันหรืออยู่ในชั้นเดียวกัน
เป็นการสอนที่นักเรียนเป็นผู้ติวสอนนักเรียนที่มีอายุเท่ากันหรือเรียนอยู่ในชั้นเดียวกัน
การติวโดยเพื่อนทั้งชั้น
(Classwide peer tutoring)
เกิดขึ้นเมื่อนักเรียนทุกคนในชั้นมีส่วนร่วมในกิจกรรมการติว
(ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะผู้ติวหรือผู้รับการติว) ในช่วงระยะเวลาเฉพาะตอน
ในระหว่างวัน
หน้าที่ของผู้ติว
ในกระบวนการติว
ผู้ติวจะทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุมติดตามในสิ่งเสริมแรง สาธิต
และอธิบาย
1.
การควบคุมการคิว
2.
การให้สิ่งเสริมแรง
3.
การสาธิต
4.
การอธิบาย
|
|
การสร้างโปรแกรมการติว
ประสบผลสำเร็จให้ใช้แนวทางต่อไปนี้
1.
วินิจฉัยจุดอ่อนของนักเรียนและกำหนดจุดมุ่งหมายที่ชัดเจน
2.
จับคู่ผู้ติวกับผู้ที่จะบริการติว
3.
พัฒนาโปรแกรมและสิ่งที่สอดคล้องกับหลักสูตรที่เหมาะสม
4.
จัดอบรมสั้นๆ ให้กับผู้ติว
5.
จัดให้มีกระบวนการสอนง่าย ๆ ที่ผู้ติวสามารถใช้ได้
6.
การจัดระบบปฏิบัติงานประจำวัน
7.
จัดสภาพแวดล้อมในการทำงานสำหรับการติวให้เหมาะสม
8.
ให้สิ่งเสริมแรงทางบวกแก่ผู้ติวและผู้ได้รับการติว
9.
ควบคุมติดตามความก้าวหน้าของการติว
9.1
นิเทศกระบวนการติวเพื่อให้ผู้ติวสอนในระดับที่เหมาะสมและสอนครอบคลุมเนื้อหา
9.2
ประเมินคุณภาพของสัมพันธภาพของผู้ติวและคู่ติว
ครูควรควบคุมติดตามระดับความก้าวหน้า การสื่อสารระหว่างคู่ติว
9.3
ควบคุมติดตามความถี่ในการเข้าปฏิบัติการติวหรือรับการติว
เพราะการมาถือว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญส่วนหนึ่งที่จะทำนายความสำเร็จของการติว
10.
เปลี่ยนผู้ติวหากจำเป็น
สรุป
- ในการติว
ผู้ติวควรตั้งเกณฑ์ไว้อย่างน้อย 80 %
- ผู้ติวควรได้รับทราบหน้าที่อย่างชัดเจน
ส่วนการสนับสนุนและความรับผิดชอบต่อเด็ก
ส่วนใหญ่เป็นหน้าที่ของครู
สิ่งที่จะเสริมการติว
1.
จดบันทึกความก้าวหน้าของนักเรียน ให้ทำให้ง่ายที่สุด ได้แก่
จดบันทึกจำนวนข้อที่เด็กทำได้สำเร็จ จำนวนหน้าที่อ่านได้
จำนวนเวลาที่ทำงานกับเด็ก ความสามารถในการทำกิจกรรม
2.
อภิปรายร่วมกันถึงผลของโปรแกรมการติว ต้องพบกันสม่ำเสมอ
โดยครูฟังรายงานจากผู้ติวทั้งหลายถึงความก้าวหน้า
และผู้ติวจะได้สนับสนุนและแลกเปลี่ยนประสบการณ์และปัญหาที่พบขณะปฏิบัติงาน
|
|
|
|
|
|