จากการวิเคราะห์และประมวลผลของการศึกษาวิจัยทำให้เห็นว่า ในมุมมองของ “ประชาคมระหว่างประเทศ” สิทธิในสุขภาพเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่มนุษย์ทุกผู้ทุกวัยพึงได้รับอย่างเท่าเทียมกัน ส่วนสิทธิในหลักประกันสุขภาพนั่น เป็นดังเช่นส่วนเติมเต็มที่ทำให้สิทธิในสุขภาพสมบูรณ์และมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น ดังนั้นการที่จะแยกสิทธิทั้งสองส่วนนี้ออกจากกันคงเป็นไปได้ยาก
ส่วนเรื่อง “ความคาดหวังของประชาคมระหว่างประเทศ” นั้น ปรากฏค่อนข้างชัดเจนจากการศึกษาการปฏิบัติหน้าที่ตามพันธกรณีของรัฐภาคีตามกติกาหรืออนุสัญญา พบว่าแม้ประเทศแต่ละประเทศที่เป็นภาคีสมาชิกของกติกาหรืออนุสัญญาดังกล่าวจะมีมาตรฐานในการเคารพ ส่งเสริม และคุ้มครองสิทธิในสุขภาพที่แตกต่างกันออกไป แต่สิ่งหนึ่งที่รัฐแต่ละรัฐไม่อาจปฏิเสธได้นั้น ก็คือ มาตรฐานที่ถูกวางไว้เป็นมาตรวัดความเหมาะสมของการเคารพ ส่งเสริม และคุ้มครองสิทธิในสุขภาพของประชากรภายในอำนาจอนาธิปไตยของรัฐ โดยคณะกรรมการที่กำกับดูแลกติกาและอนุสัญญาแต่ละฉบับ ภายใต้ความดูแลขององค์การสหประชาชาติ นั่นเอง
เพราะฉะนั้นการละเลยหรือไม่ยอมรับรู้สถานการณ์ด้านข้อเท็จจริงที่ว่า “หากรัฐไทยละเมิดสิทธิในสุขภาพก็ย่อมถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน” ของมนุษย์อย่างร้ายแรง รวมทั้งสถานการณ์ของ “ความคาดหวังของประชาคมระหว่างประเทศ” ที่จะเป็นแนวทางในการปฏิบัติของรัฐไทยต่อไป ย่อมเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรง เพราะการไม่รับรู้ย่อมส่งผลไปถึงการไม่ปฏิบัติ ในท้ายที่สุดการละเมิดโดยบริสุทธิ์ใจก็จะเกิดขึ้นทุกหัวระแหงในสังคมไทย หากไม่มีมาตรการใดๆ ในระดับประเทศที่จะค่อยกำกับคู่ขนานไปกับมาตรฐานระหว่างประเทศ ดังเช่นที่ได้กล่าวมา
ไม่มีความเห็น