การศึกษาปัญหาและความต้องการการจัดสวัสดิการผู้สูงอายุ
ในจังหวัดกำแพงเพชร
ผศ.มัณฑนา จริยรัตน์ไพศาล และ ผศ.อรอนงค์ แจ่มผล
ปีที่ทำการวิจัย 2551
การวิจัยครั้งนี้มุ่งศึกษาปัญหาและความต้องการการจัดสวัสดิการผู้สูงอายุในจังหวัดกำแพงเพชร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาปัญหาและความต้องการการจัดสวัสดิการผู้สูงอายุในจังหวัดกำแพงเพชร กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้จำนวน 445 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบหลายขั้นตอน (Multiple-stage sampling) ดังรายละเอียดจำแนกได้ดังนี้ หัวหน้าฝ่ายเวชกรรมสังคมในโรงพยาบาลจังหวัดกำแพงเพชรจำนวน 1 คน หัวหน้าฝ่ายเวชกรรมสังคมในโรงพยาบาลชุมชนจังหวัดกำแพงเพชรจำนวน 10 คน เจ้าหน้าที่ดูแลงานสวัสดิการสังคม สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคง จำนวน 5 คน ตัวแทนองค์การบริหารส่วนจังหวัด จำนวน 10 คน หัวหน้าสถานีอนามัยในจังหวัดกำแพงเพชร จำนวน 18 คน อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน จำนวน 242 คน ตัวแทนองค์การบริหารส่วนตำบล จำนวน 159 คน ตัวแปรที่ศึกษาในครั้งนี้ คือ สภาพปัญหา
การจัดสวัสดิการผู้สูงอายุในจังหวัดกำแพงเพชร จำแนกออกเป็น1) สภาพปัญหาการจัดสวัสดิการผู้สูงอายุในจังหวัดกำแพงเพชรในด้าน 1.1) การบริหารการดำเนินงานด้านผู้สูงอายุ 1.2)การเตรียมความพร้อมของประชากรเพื่อวัยสูงอายุที่มีคุณภาพ 1.3) การส่งเสริมผู้สูงอายุ 1.4)การคุ้มครองทางสังคมสำหรับผู้สูงอายุ 1.5) การบริการผู้สูงอายุ 1.6) การประมวลและพัฒนาองค์ความรู้ด้านสูงอายุ 2) ความต้องการการจัดสวัสดิการผู้สูงอายุในจังหวัดกำแพงเพชรในด้าน 2.1) การบริหาร
การดำเนินงานด้านผู้สูงอายุ 2.2) สุขภาพอนามัยและสิ่งแวดล้อม 2.3) เศรษฐกิจ สังคมและวัฒนธรรม 2.4) การประมวลและพัฒนาองค์ความรู้ด้านผู้สูงอายุ
ผลการวิจัยพบว่า
1. ปัญหาการจัดสวัสดิการผู้สูงอายุในจังหวัดกำแพงเพชรในภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ด้านการคุ้มครองทางสังคมสำหรับผู้สูงอายุ รองลงมา คือ ด้านการบริการผู้สูงอายุ อันดับสาม คือ ด้านการประมวลและพัฒนาองค์ความรู้ด้านผู้สูงอายุ ส่วนด้านที่ค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ ด้านการบริหารการดำเนินงาน
ด้านผู้สูงอายุ เมื่อจำแนกเป็นรายด้านพบว่า
1.1 ด้านการบริหารการดำเนินงานด้านผู้สูงอายุในภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า ไม่มีการดำเนินกิจกรรมอย่างต่อเนื่องทุกปี รองลงมา คือ นโยบายดำเนินงานด้านผู้สูงอายุไม่ชัดเจน อันดับสาม คือ งบประมาณในการดำเนินงานตามแผนงาน / โครงการมีน้อย ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุดคือ ไม่มีหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงในการดำเนินงาน
1.2 ด้านการเตรียมความพร้อมของประชากรเพื่อวัยสูงอายุที่มีคุณภาพในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า การให้ความรู้ด้านการดูแลสุขภาพและพฤติกรรมอนามัยสำหรับผู้สูงอายุมีน้อย และการส่งเสริมให้ประชาชนทุกวัย เรียนรู้และมีส่วนร่วมในการดูแลรับผิดชอบผู้สูงอายุมีไม่เพียงพอ รองลงมาคือ ไม่มีบริการการศึกษาต่อเนื่องตลอดชีวิตทั้งในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย และไม่มีการรณรงค์ให้สังคมตระหนักถึงความจำเป็นของการเตรียมตัวเข้าสู่ผู้สูงอายุที่มีคุณภาพ ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ ไม่มีการจัดการศึกษาเกี่ยวกับผู้สูงอายุทั้งการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย
1.3 ด้านการส่งเสริมผู้สูงอายุในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า การรวมกลุ่มของชุมชนเพื่อจัดทำกิจกรรมเสริมรายได้โดยผู้สูงอายุมีส่วนร่วมมีน้อย รองลงมา คือ ไม่มีการปรับสภาพแวดล้อม สถานที่สาธารณะให้เหมาะสมและปลอดภัยแก่ผู้สูงอายุ เช่น ถนน ทางเดิน อาคาร ห้องสุขา อันดับสาม คือ การสนับสนุนกิจกรรมของชมรมผู้สูงอายุมีไม่เพียงพอ ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ ไม่มีการบริการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพแก่ผู้สูงอายุ
1.4 ด้านการคุ้มครองทางสังคมสำหรับผู้สูงอายุในภาพรวมอยู่ในระดับ
ปานกลางเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ไม่มีสวนสาธารณะและสนามกีฬาที่เหมาะสมและปลอดภัยสำหรับผู้สูงอายุ รองลงมา คือ ไม่มีการปรับสภาพที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมและปลอดภัยให้แก่บ้านที่มีผู้สูงอายุอาศัยอยู่ และอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้สูงอายุให้สามารถช่วยเหลือตนเองได้ เช่น แว่นสายตา เครื่องช่วยฟัง รถเข็น เครื่องพยุงตัว อุปกรณ์ช่วยเดิน ฯลฯ มีไม่เพียงพอ อันดับสามคือ สถานที่ในการจัดกิจกรรมเพื่อสุขภาพ สันทนาการ อาชีพ ความรู้ บริหารร่างกาย กิจกรรมธรรมะ สำหรับผู้สูงอายุมีไม่เพียงพอ ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ ไม่มีการจัดเบี้ยยังชีพให้แก่ผู้สูงอายุ
ทุกคน
1.5 ด้านการบริการผู้สูงอายุในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า การดูแลผู้สูงอายุระยะสุดท้ายเพื่อไม่ให้เกิดความทรมานและมีภาวะจิตใจที่ดี
มีน้อย รองลงมา คือ ยังไม่มีบ้านพักในชุมชนสำหรับผู้สูงอายุที่มีความเดือดร้อน ขาดที่พึ่ง
อันดับสาม คือ การดูแลผู้สูงอายุหลังจากจำหน่ายออกจากโรงพยาบาลมีไม่เพียงพอ ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ บริการชุมชนเคลื่อนที่ไปในพื้นที่ห่างไกลมีไม่เพียงพอ
1.6 ด้านการประมวลและพัฒนาองค์ความรู้ด้านผู้สูงอายุในภาพรวมอยู่ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า การวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ด้านผู้สูงอายุมีน้อย และยังไม่มีการพัฒนาข้อมูลด้านผู้สูงอายุให้เป็นระบบและเป็นปัจจุบัน
2. ความต้องการจัดสวัสดิการผู้สูงอายุในจังหวัดกำแพงเพชรในภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ ด้านการบริหารการดำเนินงาน
ด้านผู้สูงอายุ รองลงมา คือ ด้านการประมวลและพัฒนาองค์ความรู้ด้านผู้สูงอายุ อันดับสาม คือ
ด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม ส่วนด้านที่ค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ ด้านสุขภาพอนามัยและสิ่งแวดล้อม เมื่อจำแนกเป็นรายด้าน พบว่า
2.1 ด้านการบริหารการดำเนินงานด้านผู้สูงอายุในภาพรวมอยู่ในระดับมาก
เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า มีการจัดสรรงบประมาณในการดำเนินงานเกี่ยวกับผู้สูงอายุ รองลงมา คือ องค์กรในชุมชนมีนโยบายดำเนินงานด้านผู้สูงอายุชัดเจนและมีการดำเนินงานโครงการที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงอายุอย่างต่อเนื่องส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ มีบุคลากรรับผิดชอบดำเนินงานโดยตรง
2.2 ด้านสุขภาพอนามัยและสิ่งแวดล้อมในภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ใน
ระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า มีศูนย์บริการสาธารณสุขในชุมชนและมีอุปกรณ์ช่วยเหลือผู้สูงอายุให้สามารถช่วยเหลือตนเองได้ เช่น รถเข็น แว่นตา เครื่องช่วยฟัง ฯลฯ
รองลงมา คือ มีการให้ความรู้เกี่ยวกับการป้องกันโรคที่เกิดกับผู้สูงอายุ อันดับสาม คือ
กรณีที่ผู้สูงอายุอยู่บ้านคนเดียวสามารถโทรศัพท์เรียกรถพยาบาลจากโรงพยาบาลหรือมูลนิธิเมื่อมีอาการเจ็บป่วยได้ ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ มีบ้านพักฉุกเฉินสำหรับผู้สูงอายุ
2.3 ด้านเศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรมในภาพรวมมีค่าเฉลี่ยอยู่ใน
ระดับมากเมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า มีเบี้ยยังชีพสำหรับผู้สูงอายุที่สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจ รองลงมา คือ มีสวนสาธารณะในชุมชนเป็นที่พักผ่อน ออกกำลังกายสำหรับผู้สูงอายุ อันดับสาม คือ มีการปรับสภาพแวดล้อม สถานที่สาธารณะให้เหมาะสมและปลอดภัยแก่ผู้สูงอายุ เช่น ถนน ทางเดิน อาคาร ห้องสุขา และมีหน่วยงานที่รับผิดชอบเข้ามาให้ความรู้ เรื่องบทบาทและสิทธิของผู้สูงอายุในชุมชน ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยต่ำสุด คือ มีการจัดกิจกรรมในชุมชนเนื่องในวันสำคัญต่าง ๆ เช่น วันครอบครัว วันพ่อ วันแม่ วันผู้สูงอายุ เป็นต้น
2.4 ด้านการประมวลและพัฒนาองค์ความรู้ด้านผู้สูงอายุในภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า มีการพัฒนาข้อมูลด้านผู้สูงอายุอย่างเป็นระบบและเป็นปัจจุบัน และมีการวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ด้านผู้สูงอายุ ตามลำดับ
ข้อเสนอแนะ
ข้อเสนอแนะในการนำผลการวิจัยไปใช้
1. ปัญหาการจัดสวัสดิการผู้สูงอายุในจังหวัดกำแพงเพชร มีข้อซึ่งมีค่าอยู่ในระดับต่ำสุด คือ ไม่มีหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงในการดำเนินงาน ไม่มีการจัดการศึกษาเกี่ยวกับผู้สูงอายุทั้งการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย ไม่มีการบริการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพแก่ผู้สูงอายุ ไม่มีการจัดเบี้ยยังชีพให้แก่ผู้สูงอายุทุกคน บริการชุมชนเคลื่อนที่ไปในพื้นที่ห่างไกลมีไม่เพียงพอ ยังไม่มีการพัฒนาข้อมูลด้านผู้สูงอายุให้เป็นระบบและเป็นปัจจุบัน
2. ความต้องการจัดสวัสดิการผู้สูงอายุในจังหวัดกำแพงเพชร มีข้อซึ่งมีค่าอยู่ในระดับต่ำสุด คือ มีบุคลากรรับผิดชอบดำเนินงานโดยตรง มีบ้านพักฉุกเฉินสำหรับผู้สูงอายุมีการจัดกิจกรรมในชุมชนเนื่องในวันสำคัญต่าง ๆ เช่น วันครอบครัว วันพ่อ วันแม่ วันผู้สูงอายุ เป็นต้นและมีการวิจัยและพัฒนาองค์ความรู้ด้านผู้สูงอายุ
ข้อเสนอแนะในการวิจัยในครั้งต่อไป
1. ควรศึกษาและพัฒนารูปแบบการจัดสวัสดิการผู้สูงอายุในรูปของจังหวัดกำแพงเพชร และจังหวัดใกล้เคียง
2. ควรศึกษาประเด็นอื่น ๆ เกี่ยวกับผู้สูงอายุ เช่น ภาวะซึมเศร้าผู้สูงอายุหลังเกษียณอายุในจังหวัดกำแพงเพชร
ไม่มีความเห็น