057 สรุปผล....ปรากฏการณ์บุญ ของ Gotoknow อาสาสมัครคนแรกที่กุสินาราคลินิก


แต่ผู้เขียนก็ได้ขอให้เขาพูดช้าๆ แล้วจดเอาไว้ เมื่อหมอSINGH มาผู้เขียน ก็อ่านให้ฟัง

 วันที่  ๑๘ มีนาคม ๒๕๕๑ เป็นวันออกเดินทางจากวัดไทยพุทธคยา มายังวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ โดยรถยนต์ พร้อมพระราชรัตนรังษี เจ้าอาวาสวัดไทยกุสินาราฯ ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด ๑๐ ชั่วโมง กลางวันก็กินข้าวกันในรถ พักเข้าห้องน้ำ ๒ ครั้ง

   ผู้เขียนพักอยู่ ๓ วัน จึงเริ่มปฏิบัติงาน ช่วงนั้น พระอาจารย์ทุกรูป รวมถึงท่านเจ้าคุณด้วย มีคณะเข้ามากราบ และต้องต้อนรับพาทัวร์มากคณะไปชม พุทธสถาน  ผู้เขียนจึงปลีกตัว ไปเดินชมสถานพยาบาล ชั้นบนบ้าง ชั้นล่างบ้าง โดยไม่มีใครพาไป และก็ไม่รู้จะพูดภาษาอะไรกับเขาดี เจ้าหน้าที่ ก็ได้แต่ยิ้มๆ เมื่อเดินผ่านกัน ได้เรียนรู้ว่า ภาษากำลังมาเป็นอุปสรรคแรกของผู้เขียน กลายเป็นคนไม่กล้า ไม่มั่นใจ และคิดไม่ออกว่า ระหว่างรอพระอาจารย์ที่ดูแล พามาแนะนำตัวกับคนในคลินิก ผู้เขียนจะทำอะไรได้บ้าง

  บ่ายวันที่สอง มีหลวงพี่รูปหนึ่ง ใครๆเรียกท่านว่า หลวงพี่เท่ง ท่านอยู่ที่วัดไทยกุสินาราฯ แต่วันนี้ ข้ามมาคลินิก พอพบผู้เขียนเดินเรื่อยเปื่อย ท่านก็ทักและว่ารู้จักใครหรือยัง ผู้เขียนบอกว่า ยังเลย ไม่รู้จะพูดอย่างไร ไม่รู้ภาษาฮินดี เมื่อท่านได้ฟัง ก็มีน้ำใจ พาผู้เขียนไปแต่ละห้องและแนะนำผู้เขียน ว่าเป็นอาสาสมัครมาจากประเทศไทย ท่านพูดฮินดีบ้าง อังกฤษบ้าง ดูท่านคุ้นเคยกับทุกคนดี แล้วก็พามายังห้องหมอใหญ่ คุณหมอ B.N.SINGH ปรากฏว่าคุณหมอพูดอังกฤษได้ และพยายามที่จะสื่อสารกับผู้เขียน เวลาพูดศัพท์แพทย์รู้เรื่อง แต่พอพูดเรื่องอื่น ก็เป็นงงอยู่ดี

  วันต่อๆมา เมื่อมาคลินิก ผู้เขียนจะยกมือไหว้ทุกคน กล่าว Good morning บ้าง สวัสดีค่ะบ้าง แต่ด้วยท่าทางเขาคงเข้าใจ เขาพากันส่งภาษาเร็วปรื๋อกลับมา จึงได้แต่พยักหน้ายิ้มตอบไป แล้วก็หาที่ลงทำงาน นั่งห้องหมอSINGH นี่แหละ อย่างน้อยก็พูดภาษาอังกฤษได้บ้าง ผู้เขียนตั้งใจจะพยายามเรียนรู้

  เมื่อมีคนไข้เข้ามา ผู้เขียนก็จะกุลีกุจอ วัดความดันบ้าง ฟังปอด หัวใจบ้าง บางที ก็นั่งฟังหมอกับคนไข้สนทนากัน บางทีหมอให้คนไข้ขึ้นเตียงตรวจ ก็จะช่วยจัดท่าคนไข้ และเฝ้าดูการตรวจของหมอ เมื่อตรวจคนไข้เสร็จ คุณหมอจะอธิบายให้ผู้เขียนฟัง และถ้าเห็นว่าไม่เข้าใจ ก็จะเขียนใส่กระดาษให้อ่าน ซึ่งทำให้การสื่อสารดีขึ้น แต่ผู้เขียนก็ไม่ค่อยกล้าพูดอยู่ดี กลัวเขาฟังเราไม่รู้เรื่องมากกว่า

  การออกเสียงภาษาอังกฤษของคนอินเดียนั้น ฟังค่อนข้างยาก เช่น คำว่าไทม์ เขาจะออกเสียงว่า    ไตม์เป็นต้น ตัว ท เป็นตัว ต

  การไม่รู้ภาษากัน ก็ทำให้ต่างตั้งใจที่จะฟัง ตั้งใจที่จะเรียนรู้กัน และความเป็นมิตรก็เกิดขึ้นทุกวัน

เมื่อกลับมาถึงวัด พระในวัด ก็ได้มาไตร่ถามว่า เป็นอย่างไรบ้าง พูดรู้เรื่องไหม ผู้เขียนก็ได้แต่ส่ายหน้า จนกระทั่งมีพระอาจารย์ภาณุ ได้เดินมาบอกว่า พรุ่งนี้บ่าย ให้ไปที่ พลับพลารับเสด็จ ที่ท่านทำงานอยู่ จะสอนภาษาให้

  ผู้เขียนดีใจมาก ที่ท่านเมตตา สอนคำที่จำเป็นๆ ใช้บ่อยให้ ผุ้เขียนจะมีสมุดปกสีเหลืองเล่มหนึ่ง จดๆๆๆ ได้หลายคำทีเดียว และในวันต่อมา ผู้เขียนก็จำคำเหล่านั้น มาทักทายเจ้าหน้าที่ทุกคน เช่น"นมัสเต้"(สวัสดี) อาฟแกชีแฮ(สบายดีไหม) ฯลฯ พวกเขาดีใจกันที่ผู้เขียนพูดภาษาเขาได้ แล้วก็เหมือนเดิม พอเขาตอบมาผู้เขียน ก็ฟังไม่ออกอีก แต่ผู้เขียนก็ได้ขอให้เขาพูดช้าๆ แล้วจดเอาไว้ เมื่อหมอSINGH มาผู้เขียน ก็อ่านให้ฟัง แล้วหมอก็เข้าใจ อธิบายเป็นภาษาอังกฤษ พร้อมการเขียนกำกับมาด้วย

 ชีวิตสัปดาห์แรกในคลินิก ผู้เขียนจึงได้แต่การเรียนรู้ภาษา และตั้งใจฟังให้คุ้นหู จะมีเพิ่มเติม ก็ตรงได้คุณหมอSINGH เป็นพี่เลี้ยงที่ดีอีกคนเท่านั้นเอง

  การที่เราต้องมาทำงานกับคนต่างชาติ ต่างภาษา ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เสียทีเดียว ถึงจะสื่อสารด้วยคำพูดได้น้อย แต่กิริยา มารยาท รวมทั้งท่าทาง ก็จะช่วยสร้าง มิตรภาพที่ดีได้เช่นกัน

Dsc06914

สัปดาห์แรก นั่งฟังเขาสนทนา และตรวจรักษากัน

หมายเลขบันทึก: 184328เขียนเมื่อ 24 พฤษภาคม 2008 18:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 19:05 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

โยคีน้อย

น่าสนใจ

สามารถทำเป็นบทสนทนาเบื้องต้น สำหรับคนที่จะไปฝึกงานคนต่อๆ ไป

หรือทำไว้เป็นข้อมูล ก็น่าสนใจแล้ว

ยิ่งได้ฟังเล่าแบบนี้

ก็เห็นว่าเป็นประโยชน์กับผู้ที่ไปฝึกงานแน่นอน

คลินิคที่อาจเหมือนสถานีอนามัยในเมืองไทยในวันนี้

อาจจะกลายเป็นโรงพยาบาลในอนาคตก็ได้

สาธุจ๊ะ

สวัสดีค่ะพี่โยคี

โยคีน้อย ได้ขอถ่ายเอกสาร ฉบับหนึ่งจากคุณหมอมา เป็นการเขียนทับศัพท์ ให้อ่านออกเสียงได้ ทั้งไทย อังกฤษ และฮินดี กำลังจะเขียนให้ชัดเจนขึ้น เพราะการถ่ายเอกสารมา(คงต่อๆกันมา) อักษรเลือนลาง เหมือนต้องมานั่งถอดลายแทงเลยค่ะ แต่แปลกมาก ทำไม เวลาลากปากกา ตามอักษรฮินดี จึงทำได้คล่องและคุ้นเคยจังเลยค่ะ

มีหลายหน้าเหมือนกัน คงอีกนาน กว่าจะทำเสร็จ เพราะต้องใช้สมาธิมากๆ

ถ้ากุสินาราคลินิก เป็นโรงพยาบาล ก็ดีนะคะ จะเป็นสถานที่ที่จะช่วยคนได้มากๆ

ต้องอนุโมทนาสาธุกับผู้มีส่วนร่วมแล้ว

จะคอยชื่นชม และติดตามข่าวค่ะ

ติดตามอ่านเรื่องราวเช่นเคยค่ะ ^ ^

ภาษาพูดอาจจะเรียนรู้ยากนิดหนึ่ง ต้องใช้เวลาบ้าง แต่ภาษากายเช่นการยิ้มทักทาย ท่าทางที่อ่อนน้อม และการแสดงความช่วยเหลือเป็นการสื่อสารที่ชัดเจนและดีมากๆ เลยนะคะ อย่างน้อยก็รู้ว่าเป็นมิตรที่ดี ที่จะช่วยเหลือกัน ดีัจังค่ะ ^ ^

สวัสดีค่ะคุณกมลวัลย์

จริงด้วยค่ะ แม้ใครจะบอกจะแนะนำอย่างไร เจอสถานการณ์จริง ก็จะทำให้เรา เกิดปัญญาแก้ไขปัญหาเอง ตอนนั้นบอกตัวเองว่า ยังอยู่อีกหลายวัน ต้องสู้ๆค่ะอย่าท้อ อย่าท้อ

เราต้องทำงานกับเขา ต้องเรียนรู้ให้ได้ เป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตค่ะ และอยากจะบันทึกให้ละเอียด ไว้เผื่อผู้สนใจ จะได้ศึกษากันต่อไปค่ะ

ขอบคุณมากค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท