เมื่อวานนั่งทำงานอยู่ที่ สปสช.สาขาเขตพื้นที่ (สงขลา) ได้รับโทรศัพท์จากพี่สุกิจ สมาชิก ศวพถ. และกรรมการเครือข่ายคนพิการ จ.พัทลุง ให้ไปร่วมงานแต่งงานระหว่างพี่สุกิจกับพี่สาว เป็นคนพิการด้วยกัน วันที่ 15 พ.ค.ที่จะถึง เมื่อเช้าเพื่อนผู้หญิงโทรมาอีกคนบอกว่าจะทำพิธีนิกะฮฺวันที่ 17 ต้องมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้ได้นะ รู้สึกตื่นเต้นเพราะตั้งแต่จากบ้านไปเรียนอยู่สงขลาหลายปีก็ไม่เคยได้กลับไปร่วมพิธีนิกะฮฺ ใครเลย ครั้งนี้เป็นเพื่อนคนแรกที่ร่วมรุ่น ได้เป็นเพื่อนเจ้าสาวซะด้วย และตรงกับเรื่องที่น้องเยาะกำลังศึกษา คือ ภูมิปัญญาการคบหาสมาคมกันของคนใต้ ทำให้น้องเยาะนึกถึงสมัยยังเด็กที่ชอบตามหลังแม่ ไปช่วยเตรียมงานนิกะฮฺ หรือตอนนิกะฮฺพี่สาวที่บ้านจะเตรียมงานกันยกใหญ่ เด็ก ๆ อย่างเราจะมีหน้าที่อื่นไม่ได้นอกจากล้างจานและคอยหยิบจับนู้นนี่ ยื่นให้ผู้ใหญ่ เพื่อนบ้านที่รู้ว่าจะมีงานแม้ไม่ได้รับเชิญก็มาด้วยความสมัคใจ และเผื่อคราวหน้าถึงคราวลูกเราเขาจะได้มาช่วยเราอีก ไม่ได้มามือเปล่าแต่ถือมีดมาคนละด้าม หมายไว้ด้วยว่าเป็นของใคร ถึงตอนกลับจะได้ไม่สลับกับของคนอื่น มาถึง ต่างช่วยกันหาฝืน หั่นหยวกกล้วย ขึ้นมะพร้าว ปอกมะพร้าว แล้วนั่งล้อมวง ช่วยขูดมะพร้าวด้วยเหล็กขูด (กระต่าย) ระหว่างที่ขูดจะกินข้าวเหนียวกวน (ข้าวเหนียวที่กวนกับน้ำตาลและน้ำกะทิจนแห้งจับกันเป็นก้อน) กับน้ำชาไปพลาง ๆ หรือ โกบี้ดำข้าวเหนียวปลาเค็มและมะพร้าวขูดใส่เกลือนิดหน่อย ที่เจ้าภาพเตรียมไว้สำหรับแขกที่มาช่วยงาน พูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องนู้นบ้างเรื่องนี้บ้าง ถ้าใครอยากรู้เรื่องชาวบ้านว่าใครเป็นอย่างไรต้องไปในงานแต่งหรืองานบุญ ใครไม่ไปไม่ได้กลัวเพื่อนนินทา (นี่แหละคือเวทีชาวบ้านสมัยก่อน) คุยไปคุยมาถามถึง “ ลูกสาวตึนปีนี้อายุเท่าไหร่แล้ว ลูกบ่าวเราก็อายุไล่เลี่ยกันถ้างั้นเราขอจองลูกสาวตึนไว้ให้ลูกบาวเราหน้อ ” นิยมพูดกันเพื่อขอจองลูกสาวเพื่อนไว้ให้ลูกชายตัวเอง และคงไม่นานหลังจากที่เขาคุยกันนี้ก็จะมีพิธีนิกะฮฺเกิดขึ้น
การสมรส (พิธีนิกะฮ)ฺ ตามบทบัญญัติของศาสนาอิสลาม การนิกะฮฺ หมายถึงการผูกนิติสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงเพื่อเป็นสามีภรรยากันโดยพิธีสมรส หลักการของศาสนาอิสลามมิใช่การจดทะเบียนสมรสแล้วอยู่กันฉันสามีภรรยาตามที่สังคมทั่วไปเข้าใจ อิสลามไม่ให้สมรสกับคนต่างศาสนา หากจะสมรสต้องให้ผู้นั้นมาเป็นมุสลิมด้วยความศรัทธาเสียก่อน คือ ปฏิบัติตามแนวของระบอบอิสลาม เช่น การละหมาด ถือศีลอด บริจาค ซะกาต ฯลฯ มิใช่เป็นมุสลิมเพียงกล่าวคำปฏิญาณตน และเข้าสุนัตตามที่บางคนเข้าใจเท่านั้น
ก่อนหน้าที่จะมีพิธี นิกะฮฺ ก็จะมีการสู่ขอการตกลงเงินเป็นที่เรียบร้อย แล้วค่อยมาดูฤกษ์ดูยามอีกทีว่าจะทำพิธีนิกะฮฺได้วันไหน อาจจะนิกะฮฺก่อนวันงาน 1 วัน หรือวันเดียวกันกับงานแต่ง การนิกะฮฺจะไปนิกะฮฺที่บ้านเจ้าสาว บ้านโต๊ะอีหม่ามหรือที่มัสยิดก็ได้ นิยมทำพิธีตอนกลางคืน เมื่อเจ้าบ่าวเดินทางมาทำพิธีนิกะฮฺเป็นวันที่สนุกสนานรื่นเริงของชาวมุสลิมเพราะบางคู่ยังไม่เคยเจอหน้าค่าตากันมาก่อน อาศัยการตกลงกันของผู้ใหญ่ในการเชื่อมความสัมพันธ์อยากให้ลูกบ่าว ลูกสาวได้สานสัมพันธ์ต่อจากรุ่นพ่อรุ่นแม่ ทำให้ชาวบ้านที่อยู่ระแวกไกล้เคียงแห่กันมาเพื่อดูเจ้าบ่าวกันอย่างเนืองแน่น เพื่อน ๆ ทางฝ่ายหญิง ส่วนใหญ่จะอยู่ในห้องเป็นเพื่อนเจ้าสาวและคอยแอบมองหนุ่ม ๆ ที่มาพร้อมกับเจ้าบ่าว สำหรับฝ่ายชายนั้นจะเดินทางมาพร้อมกับญาติผู้ใหญ่และเพื่อน ๆ ที่ติดตามมาเพื่อดูหน้าเจ้าสาวและเผื่อได้มาเจอคู่ในพิธีนิกะฮฺ ของเพื่อน
องค์ประกอบของการนิกะฮฺจะต้องมี ฝ่ายชายหรือเจ้าบ่าว ฝ่ายหญิงหรือเจ้าสาว ผู้ปกครอง(วลีย์)ของเจ้าสาวเป็นผู้ทำการนิกะฮฺหรือจะมอบหมายให้ผู้อื่นทำการแทนก็ได้ การกล่าวเสนอและกล่าวรับระหว่างผู้ทำการนิกะฮฺกับเจ้าบ่าว และพยานที่เป็นผู้ชาย 2 คน ในพิธีจะมีการอ่านคุฏบะฮฺ โดยผู้ทำพิธีเอง หรือเชิญผู้รู้คนอื่นก็ได้ ทั้งนี้เพื่อเป็นการอบรมให้ข้อคิดเห็นแก่เจ้าบ่าวในชีวิตสมรส ในพิธีจะต้องมีพยาน 2 คน และมะฮัร(สินสอด ทองหมั้น)อยู่ตรงหน้าของผู้ทำพิธีและเจ้าบ่าวซึ่งทุกคนอยู่ในท่านั่ง ผู้ทำพิธีจะจับมือเจ้าบ่าว กล่าวกับเจ้าบ่าวว่า
“ฉันขอนิกะฮฺ ท่านกับนางสาว………บุตรของ……………ด้วยมะฮัร จำนวน…….”
เจ้าบ่าวจะตอบรับว่า “ฉันขอรับนิกะฮฺกับนางสาว……….ด้วยมะฮัร ดังกล่าว”
คำตอบรับนิกะฮฺ จะต้องให้ผู้นิกะฮฺและพยานทั้ง 2 คน ได้ยินชัดเจนทุกถ้อยคำ หากยังได้ยินไม่ชัดเจนจะบอกให้กล่าวรับใหม่ จนกว่าจะชัดเจนเป็นเอกฉันท์ (แม่เล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนเคยมีเหตุการณ์ซึ่งมีคนเอาพรก (กะลามะพร้าว) ไปครอบคางคกไว้ใต้บันไดทางขึ้นเมื่อเวลาที่โต๊ะอีหม่ามถาม เจ้าบ่าวจะกล่าวไม่ออกติดอ่างเหมือนคางคก ) การใช้ภาษาในการนิกะฮฺ จะใช้ภาษาใดก็ได้แต่จะต้องให้ผู้กล่าวคำเสนอผู้รับตอบและพยานเข้าใจความหมายเมื่อการกล่าวนิกะฮฺถูกต้องเรียบร้อยแล้ว จะมีการกล่าวขอต่ออัลลอฮฺ หลังจากนั้นจะมีการเลี้ยงอาหารผู้มาร่วมพิธีและแขกรับเชิญ เพื่อนบ้านต่างช่วยกันเตรียมอาหาร เจ้าภาพคอยต้อนรับแขกอย่างเดียว วัยรุ่นหญิงจะคอยล้างจาน เตรียมน้ำดื่มให้วัยรุ่นชาย ส่วนวัยรุ่นชายจะคอยยกข้าวยกน้ำให้แขก และเก็บจานมาส่งให้วัยรุ่นหญิง แล้วหยุดหยอกล้อวัยรุ่นหญิงอยู่ที่ล้างจานถือเป็นแรงใจให้กัน สานต่อเป็นแฟนและแต่งงานต่อไป............
ในงานจะ มีแขกที่เป็นบรรดาเพื่อน ๆ นำของขวัญ ไปมอบให้คู่บ่าวสาว ของชำร่วยสมัยก่อนจะเป็นข้าวเหนียวกวนแต่เดี๋ยวนี้เปลี่ยนไปเป็นสิ่งประดิฐษ์อย่างอื่นแทน ส่วนการร่วมขบวนแห่ส่งเจ้าสาวไปบ้านเจ้าบ่าว บ้านเจ้าบ่าวก็จะจัดงานเลี้ยงต้อนรับ ถ้าบ้านที่อยู่ใกล้ ๆ ก็จะเดินลัดเลาะไปตามทุ่งนาหรือสวนยางพารา ยายเล่าให้ฟังว่าในสมัยที่ยายยังเด็ก ประมาณ 80 กว่าปีก่อน จะมีการแห่บ่าวเจ้าสาวด้วยการขี่ช้าง หรือนั่งบัลลังก์ของคู่บ่าวสาว กรณีบ้านที่อยู่ไกล (สมัยนี้ไม่มีให้เห็นแล้ว) จะแห่โดยใช้รถแทน
พิธีนิกะฮฺของชาวไทยมุสลิมถือเป็น ภูมิปัญญาในการคบหาสมาคมกันอีกรูปแบบหนึ่ง เห็นได้จากการช่วยเหลือกันเตรียมงานโดยไม่ต้องเชิญเพียงให้รู้จากปากคนอื่น ก็เมใจมาช่วย “ไม่มาไม่ได้เดี๋ยวถึงทีเราไม่มีใครช่วย” มาแล้วล้อมวงขูดมะพร้าวด้วยกระต่ายพร้อมกันหลาย ๆ คน นินทาเพื่อนไปพลาง ๆ พูดคุยทาบทามลูกสาวให้ลูกบ่าวไปด้วย .....“ใครที่ไม่มาก็จะโดนนินทา” ..... และการสานสัมพันธ์ระหว่างหนุ่มสาวในการล้างจานและเสริฟอาหารเป็นจุดเริ่มต้นของการมีครอบครัวใหม่..............เป็นเงื่อนไขของ ภูมิปัญญาที่นำไปสู่การคบหาสมาคมกันของคนใต้
เมื่อไหร่น้องเยาะจะเข้าพิธีนิกะฮฺ บ้างคะ
อย่าเพิ่งรีบนะคะ ช่วย อ.อนุชา ทำงานก่อน
เหนียวดำซาวพร้าว
เป็นคำเปรียบเทียบกับคนที่
ตัวดำแต่ทาแป้งหน้าจนขาววอก
แต่เหนียวปลาเค็มซาวพร้าว ต้องเป็นเหนียวเจ้าชัย
ที่มีคุณลักษณะพิเศษ ฟางใช้ทำยา
เมล็ดยาว
เปลือกแดงเหลือง
นิยมเอามาทำเหนียวงานแต่ง/งานบวช
สารนุ่มอร่อย
ไม่รีบหรอกคะ ถ้ารีบแต่งงานก็ต้องเสียโอกาสเรียนรู้ประสบการณ์จากอาจารย์อนุชา สิคะ พี่ไก่
ถ้ากลับบ้าน จะชอบหุงข้าวเหนียวปลาเค็มหรือปลาทูนึ่งซาวพร้าวขูดกินตอนเช้า มากคะบังหีม
บังหีมว่าฟางเหนียวเจ้าชัยใช้ทำยา อยากรู้จังคะว่าใช้ทำยาอะไรได้บ้าง...ไปปากยูน 3-4 นี้คงได้ทราบคำตอบนะคะ