ถนนพหลโยธิน
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ถนนพหลโยธิน (อังกฤษ: Thanon Phahon Yothin) หรือ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1 (กรุงเทพมหานคร-แม่สาย (เขตแดน)) เป็นถนนที่ตั้งชื่อเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่พันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน) หัวหน้าคณะราษฎร ผู้นำการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 และอดีตนายกรัฐมนตรีของไทย คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ตั้งชื่อว่าถนนพหลโยธินเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2489 ก่อนหน้านี้ถนนพหลโยธินมีชื่อเดิมว่า "ถนนประชาธิปัตย์"
ถนนพหลโยธินตอนแรกไปถึงดอนเมืองเมื่อปี 2479 แต้ได้ขยายต่อมาถึงจังหวัดลพบุรีเมื่อ 24 มิถุนายน 2483 จากนั้นจึงขยายตัวไปเรื่อย ๆ ในที่สุดได้มีการรวมทางหลวงสายลำปาง-เชียงราย เข้าเป็นส่วนหนึ่งของถนนพหลโยธินด้วย
ถนนพหลโยธินเริ่มต้นที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร โดยตัดผ่าน เขตพญาไท เขตจตุจักร เขตบางเขน เขตดอนเมือง และเขตสายไหม ขึ้นไปสู่จังหวัดทางภาคเหนือ เริ่มตั้งแต่จังหวัดปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี ลพบุรี ชัยนาท นครสวรรค์ แล้วออกไปทาง กำแพงเพชร (โดยไม่ผ่านพิษณุโลก) ตาก ลำปาง พะเยา ไปที่จังหวัดเชียงราย และสิ้นสุดที่อำเภอแม่สาย ระยะทางยาวประมาณ 1,005 กิโลเมตร
ถนนพหลโยธินเป็นถนนสายหลักตัดผ่านหลายจังหวัด มีแยกสำคัญๆ ดังนี้
พระเจ้าอโศกมหาราช ทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในพระพุทธศาสนา ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ในชมพูทวีป ทรงเป็นพระอัครศาสนูปถัมภกทั้งฝ่ายมหายาน และฝ่ายเถรวาท ตามพระราชประวัติในคัมภีร์อโศกาวทาน ของฝ่ายมหายาน ใน อรรถกถาสมันตปาสาทิกา คัมภีร์ทีปวงศ์ และคัมภีร์มหาวงศ์ ของฝ่ายเถรวาท และทรงอุปถัมภ์ผู้ที่นักถือศาสนาเชน โดยการถวายถ้ำหลายแห่ง ให้แก่เชนศาสนิกชน เพื่อไปประกอบพิธีทางศาสนา
[แก้] ทรงเป็นหนึ่งใน 6 ในอัครมหาบุรุษ
เอช. จี. เวลส์ (H.G.Wells) นักประวัติศาสตร์คนสำคัญในตะวันตกก็ยกย่องพระเจ้าอโศกมหาราช ว่าทรงเป็นอัครมหาบุรุษท่านหนึ่ง ใน 6 อัครมหาบุรษแห่งประวัติศาสตร์โลก คือ พระพุทธเจ้า โสเครติส อริสโตเติล โรเจอร์ เบคอน และอับราฮัม ลิงคอล์น
[แก้] คุณธรรมที่ควรเป็นแบบอย่าง
ทรงมีปัญญาเป็นเลิศ ได้ฟังธรรมจากพระสมุทระส่งพระกระแสจิตตามพระธรรมเทศนาจนบรรลุพระโสดาบัน
เป็นผู้มีความรับผิดชอบสูง เมื่อพระอลัชชี คือพวกนอกศาสนาปลอมตัวเป็นพระมาทำลายศาสนา พระองค์ทรงส่งอำมาตย์ไปไกล่เกลี่ยแต่อำมาตย์ฆ่าพระโดยโทสะ พระองค์ทรงยอมรับผิดแต่โดยดี แม้จะไม่ได้ทำ ทรงรับผิดชอบโดยการชำระสังฆมณฑลให้ขาวรอบ
ทรงนับถือศาสนาพุทธ แต่มิได้เบียดเบียนศาสนาอื่น กลับสนับสนุนอีก แม้มิได้นับถือ เช่น ทรงอุทิศถ้ำอชันตาให้แก่พวกนักบวชศาสนาเชนดั่งคำหลักศิลาจารึกที่13ว่า " การเหยีดหยามศาสนาอื่น มิได้ทำให้ศาสนาของตนดีเลย กลับแย่ลงเสียอีก"
ทรงมีพระทัยอันกว้างใหญ่ เช่น ทรงอนุญาตให้ พระมหินท และพระสังฆมิตตา อุปสมบทได้ ทั้งสองทำวิปัสสนาด้วยความเพียรจนบรรลุอรหัตตผล และเป็นกำลังสำคัญของพระพุทธศาสนา ควรถือเป็นแบบอย่าง
ทรงปกครองบ้านเมืองโดยเป็นธรรม โดยใช้หลักพรหมวิหารธรรม4 ไม่ขาดและไม่ทำลาย เป็นตัวอย่างแก่ผู้นำบริษัทและเจ้าขุนมูลนายทั้งสมัยโบราณกาลและสมัยปัจจุบันอย่างยิ่ง
เป็นมหาราชในอุดมคติ พระองค์ทรงใช้ หลัก"ธรรมราชา"คือการปกครองบ้านเมืองโดยธรรม เป็นหลักการปกครอง พระมหากษัตริย์ต่างเมืองต่างประเทศทั้งสมัยอดีตจนสมัยปัจจุบัน ได้กระทำตามจนบ้านเมืองของตนเจริญรุ่งเรือง
ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาอย่างมากมาย เช่น
หัวเสารูปสิงห์ 4 ทิศ รัฐบาลอินเดีย นำมาใช้เป็นตราราชการแผ่นดิน
ทรงเป็นอัครศาสนาณูปถัมภ์ การสังคายนาพระไตรปิฎก ครั้งที่ 3 ณ วัดอโศการาม เมืองปาฏลีบุตร ใช้เวลาสอบสวนสะสางสำเร็จภายใน 9 เดือน
ทรงส่งสมณทูตไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ทั้งประเทศอินเดีย และนอกประเทศอินเดีย
ทรงสร้างวัดทั้ง 84000 วัดและพระสถูปทั่วชมพูทวีป ทั้ง 84000 องค์ ตามจำนวนพระธรรมขันธ์ และทรงให้จารึกธรรมะที่เป็นหัวใจสำคัญของพระพุทธศาสนา คือ อริยสัจ 4 และหลักธรรมวิชัย คือการชนะจิตใจคนด้วยพระธรรม ฯลฯ
ทรงชำระสังฆมณฑล โดยจับพระปลอมจับสึกจำนวน 60000 รูป
ทรงค้นพบสังเวชนียสถาน 4 ตำบล และประดิษฐานด้วยเงิน 100000 กหาปณะ
ทรงปักหลักเสาศิลาจารึก ณ พุทธสถานที่สำคัญ ทำให้นักโบราณคดีค้นพบพุทธสถานมากมาย หัวเสาอโศกเป็นรูปสิงห์4ตัวหันหลังชนกัน ซึ่ง ต่อมาเป็นตราแผ่นดินประจำประเทศอินเดีย
ทรงโปรดเกล้าฯให้สร้าง โรงพยาบาล ขุดสระน้ำ ปลูกต้นไม้ ที่พักคนเดินทาง เป็นต้น
ทำนุบำรุงพระสงฆ์อย่างยิ่งใหญ่ เช่นสร้างวัด และวิหาร ถวายพระสงฆ์ เพื่อเป็นที่ศึกษาพระธรรมวินัย
ทรงประดิษฐานจารึกอโศก ทั่วแคว้นหลายแคว้น จารึกเกี่ยวกับหลักธรรมะที่ทรงสั่งสอนประชาชนและข้าราชการ พระราชกรณียกิจของพระองค์ หลักการปกครอง และหลักการบริหารประเทศชาติ เป็นต้น
ทรงใช้หลัก "ธรรมราชา" เป็นหลักนโยบายในการปกครอง พระมหากษัตริย์ทั่วเมืองทั่วประเทศทั้งสมัยอดีตจนสมัยปัจจุบัน ได้กระทำตามจนบ้านเมืองของตนเจริญรุ่งเรือง
ทรงศึกษาและประพฤติปฏิบัติธรรมะอย่างเคร่งครัด
ทรงประกาศห้ามฆ่าสัตว์โดยไม่สมควร
ทรงประกาศเลิกการชุนนุมเพื่อความบันเทิง ให้มาปฏิบัติกิจกรรมทางธรรมและกิจกรรมที่มีสาระแทน เช่นทรงสั่งสอนให้ประชาชนปฏิบัติธรรมทรงเสด็จเยี่ยมเยียน ประชาชน ทั้งชาวเมือง และชาวชนบท และทรงเสด็จไปนมัสการพุทธสถานที่สำคัญ
ทรงบริจาคทรัพย์ ให้ในการช่วยเหลือและ นวกรรม คือการก่อสร้างหลายสิ่งหลายอย่าง ให้ประชาชน และทรงเน้นเรื่องธรรมทาน คือการแนะนำสั่งสอนธรรมะ คือ การดำเนินชีวิตที่ถูกต้อง ให้แก่ประชาชน
ทรงแนะนำให้ประชาชนประพฤติปฏิบัติธรรม และทรงส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดี เช่น ลูกต้องเชื่อฟังบิดา มารดา ลูกศิษย์ ต้องเชื่อฟัง อาจารย์ ปฏิบัติต่อคนรับใช้อย่างดี เป็นต้น
ทรงให้เสรีในการนับถือศาสนาแก่ประชาชน