การประชุมเครือข่ายฯสัญจร ครั้งที่ 2/2549 (3.3) ต่อ


ตอนนี้เรากำลังจัดการความรู้อยู่ เราจะไม่มีกติกาอะไรมากำหนด เรากำลังอยู่ในช่วงการจัดการความรู้ แต่กติกาบางอย่างก็ยังคงต้องคงไว้
       วันนี้เราจะคุยกันค่อเกี่ยวกับแผนงานการจัดการความรู้เพื่อพัฒนาเครือข่ายองค์กรออมทรัพย์ชุมชนจังหวัดลำปางนะคะ ซึ่งได้ถูกบรรจุไว้ในวาระที่ 3 เรื่องสืบเนื่อง ของการประชุมเครือข่ายฯสัญจร ครั้งที่ 2/2549 ค่ะ

       วาระที่ 3 เรื่องสืบเนื่อง (ต่อ)

       หลังจากที่ตัวแทนทั้ง 10 ท่านได้ประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว (ใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที) ประธานได้ชิญให้ผู้เข้าร่วมประชุมนั่งประจำที่เพื่อประชุมต่อ จากนั้นประธานเริ่มต้นด้วยการกล่าวว่า ตอนนี้มีงบประมาณอยู่ประมาณ 170,000 บาในการทำงานเรื่องการจัดการความรู้ ประเด็น คือ เงินจำนวนนี้ต้องเอามาเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ การจัดการประชุม ฯลฯ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายใน 3 เรื่อง (การบริหารจัดการ การขยายจำนวนสมาชิก และการเชื่อมประสานหน่วยงาน) โดยมีตัวชี้วัดที่ชัดเจน เช่น ต้องมีสมาชิกเพิ่มขึ้นประมาณ 1,000 คน เราจะทำอย่างไรที่จะทำให้สมาชิกเพิ่มขึ้น โดยใช้งบประมาณที่มีอยู่ เป็นต้น ถ้งเอางบประมาณมาโดยที่ไม่มีทิศทางการทำงานก็ไม่ต้องเอามา ทีนี้เราจะทำอย่างไรให้มีกลุ่มเพิ่มขึ้น 5 กลุ่มใน 5 พื้นที่นี้ (ประธานเข้าใจผิดอีกแล้วค่ะ ความจริงแล้วต้องมีสมาชิกเพิ่มขึ้น 5 กลุ่ม โดยจะอยู่ในอำเภอไหนก็ได้ จะเปิดพื้นที่ในอำเภออื่นก็ได้ค่ะ) นอกจากนี้แล้วเงินงบประมาณนี้ยังต้องเอามาเป็นค่าใช้จ่ายในการไปร่วมกิจกรรมกับทีมกลาง รวมทั้งเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางมาประชุมเครือข่ายฯสัญจรด้วย (ข้อหลังนี้ประธานหันมาถามผู้วิจัย) ให้ลองช่วยกันคิดว่าถ้าเรามีงบประมาณเท่านี้เราจะทำอย่างไร ถ้าให้ผมคิดก็จะหาว่าเป็นความคิดของผมอีก

       จากนั้นคุณกู้กิจ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากตัวแทนทั้ง 10 ท่านให้เป็นเลขานุการคณะทำงานก็ได้ลุกขึ้นมานำเสนอแผนงานการดำเนินการ (ประธานของคณะทำงานชุดนี้ คือ อ.ธวัช ค่ะ) มีรายละเอียดดังนี้ค่ะ

       การบริหารจัดการ

       1.1การประชาสัมพันธ์ คุยต่อ บอกต่อ ทางสื่อต่างๆ เช่น วิทยุ ปากต่อปาก หนังสืพิมพ์ท้องถิ่น ฯลฯ ปูพรมทำลงไปเลยครับ

       1.2สร้างความเข้าใจกับผู้นำชุมชน คือ การพูดคุย อบรม ประชุม ให้ความรู้ ในกลุ่มเป้าหมาย เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน อบต. ปลัด อบต. ต้องเข้าไปพูดคุยด้วย ผู้นำกลุ่มประมาณตำบลละ 10 คน

       การขยายผล

       ถ้าสามารถสร้างความเข้าใจให้กับผู้นำชุมชนแล้ว เดี๋ยวเขาก็จะมาช่วยเรา เวลารับสมัครสมาชิกก็ขอความร่วมมือกับเขา ถ้าทำได้เป้าหมายที่ตั้งใจก็ทำได้ไม่ยาก

       อ.ธวัช ได้ยกมือขออนุญาตแสดงความคิดเห็นว่า ผมมีแนวคิดในเรื่องการบริหารจัดการ คือ ประธานเคยบอกว่ากลุ่มต้องมีคณะกรรมการประมาณ 15 คน ทีนี้ถ้าสมมติว่ากลุ่มของเรามีสมาชิก 200 คน ซึ่งเป็นจำนวนน้อย แต่กรรมการมีมาก พอเราต้องจ่ายค่าสวัสดิการคนทำงานเงินก็จะสูงตามไปด้วย ดังนั้น ผมคิดว่าน่าจะมีเรทใหม่ เช่น มีสมาชิก 200 คน ก็มีกรรมการแค่ 7 คนก็ได้ , มีสมาชิก 300 คน มีกรรมการได้ 10 คน , มีสมาชิก 400 คน มีกรรมการ 13 คน , ถ้ามีสมาชิก 500 คน ก็มีคณะกรรมการได้ 15 คน เป็นต้น

      เมื่อ อ.ธวัช กล่าวจบ คุณอุทัย ได้ยกมือขออนุญาตแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ว่ากลุ่มของผมตอนนี้มีกรรมการ 15 คน (มีสมาชิกประมาณ 400 คน) แต่ผมจะไม่ให้กรรมการทุกคนมาทำงานพร้อมกันในทุกเดือน ผมจะให้เขาแบ่งกันเป็น 2 ทีม แล้วทำงานเดือนเว้นเดือน ส่วนคนที่ต้องทำงานทุกเดือน คือ ประธาน และ รองประธาน (รวม 2 คน) โดยประธานจะทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยทั่วไป ในขณะที่รองประธานทำหน้าที่รับสมัครสมาชิก การที่โครงสร้างมีกรรมการ 15 คน ก็เพื่อให้แต่ละคนเข้ามาดูแลแต่ละกองทุนเท่านั้น ในประเด็นนี้ อ.ธวัช ได้กล่าวต่อไปว่า นี่คือวิธีการทำงานของคณะกรรมการ แต่ถ้ามองในเรื่องจิตวิทยา เมื่อตั้งเขาเป็นคณะกรรมการแล้ว ทำไมไม่เอาเขามาทำงาน คุณอุทัย ได้กล่าวต่อว่า ไม่ใช่อย่างนั้นครับ ความจริงแล้วดีด้วยซำไป เพราะ เขาจะได้มีเวลาไปทำอย่างอื่น ถ้าให้เขามาทุกเดือนเขาจะไม่มีเวลา แต่ถ้าเก็บเงินมาได้แล้วคณะกรรมการแต่ละคนต้องมารับเงินไป มาช่วยกันแยกกองทุนให้เรียบร้อย ถ้าทำไม่ทันในวันนั้นก็ให้เอากลับไปทำที่บ้าน มันจะง่ายและดีกว่า จากนั้น อ.ธวัช ก็ได้กล่าวต่อไปว่า ผมเข้าใจที่คุณอุทัยอธิบายมา นั่นเป็นเรื่องของการทำงาน แต่ถ้ามองในเรื่องจิตใจ ทุกคนก็อยากดี อยากเด่น อยากโชว์ อยากแสดงความสามารถ เอาอย่างนี้ได้ไหมเขาให้ลดจำนวนกรรมการลงหน่อย ผมขอหารือในเรื่องนี้ครับ

       ประธานพยายามสรุป โดยบอกว่า ก็ลองทำดู จะมีกรรมการ 3 คน 5 คน 7 คน หรือกี่คนก็ได้ ให้ลองบริหารและจดบันทึกดูว่าเป็นอย่างไร เช่น มีกรรมการ 15 คนดีอย่างไร ไม่ดีอย่างไร แล้วถ้าลดจำนวนกรรมการลงเหลือ 7 คน มันดีอย่างไร ไม่ดีอย่างไร เป็นต้น โดยเฉพาะใน 5 พื้นที่เป้าหมายขอให้เขียนบันทึกเอาไว้ บางทีการมีกรรมการมากมันอาจดีขึ้นก็ได้ หรือมีกรรมการน้อยก็อาจดีขึ้นก็ได้ เราอยากได้องค์ความรู้ตรงนี้ แต่ถ้าหากว่าให้ผมตัดสินใจว่าจะให้ลดกรรมการหรือไม่ ผมไม่สามารถตัดสินใจให้ได้ เดี๋ยวถ้ามีปัญหาขึ้นมาจะหาว่าเป็นเพราะผม เพราะฉะนั้นให้ตัดสินใจกันเอาเอง ถ้าเห็นว่ากรรมการ 15 คนมากเกินไปก็อาจลดเหลือ 5 คนก็ได้ เราคงไปว่าอะไรไม่ได้ ตกลงอย่างนี้นะครับ ให้จัดการได้เลย เพราะ ตอนนี้เรากำลังจัดการความรู้อยู่ เราจะไม่มีกติกาอะไรมากำหนด เรากำลังอยู่ในช่วงการจัดการความรู้ แต่กติกาบางอย่างก็ยังคงต้องคงไว้

        คุยนอกเรื่องกันอยู่นานค่ะ หลังจากประธานกล่าวจบ ก็ได้พยายามเข้าเรื่องแล้ว แต่จะเป็นอย่างไรก็ต้องคอยติดตามดูกันต่อไปนะคะ

   

   
คำสำคัญ (Tags): #uncategorized
หมายเลขบันทึก: 17534เขียนเมื่อ 3 มีนาคม 2006 19:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 14:29 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท