เมื่อคืนวานนี้ ( 24 มีนาคม) ผมมีโปรแกรมขึ้นเวทีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ที่บ้านสองสีเจริญ ตำบลหนองหว้า อำเภอเขาฉกรรณ์ ตั้งแต่เวลา 19.00 -21.00 น. เวทีนี้เป็นเวทีที่สร้างความเข้าใจเกี่ยวกับหลักสูตรของโพธิวิชชาลัย พูดง่าย ๆ เป็นการระดมความคิดของชาวบ้านในการสร้างหลักสูตร เพราะขณะนี้หลักสูตรของโพธิวิชชาลัย ยังไม่ตกผลึก มีการเพิ่มเติมได้
คงสงสัยว่าชาวบ้านมีส่วนร่วมในการสร้างหลักสูตรอย่างไร ง่ายมากครับ บนเวทีมีผม กับท่านรองอำนาจ เย็นสบาย รองอธิการบดีฝ่ายเครือข่ายการเรียนรู้ของ มศว. ประสานมิตร สองคนเท่านั้นครับ เราคุยกันในเรื่องที่เกี่ยวกับโพธิวิชชาลัยก่อน เพื่อเป็นองค์ความรู้ให้พี่น้องประชาชนทราบในเบื้องต้นของที่มาที่ไปของโพธิวิชชาลัย จากนั้นเราก็ยิงคำถามว่า ถ้าพวกเราชาวสองสีเจริญ มีโอกาสได้ส่งลูกหลานไปเรียนที่โพธิวิชชาลัย เขาอยากเห็นลูกหลานของเขาที่จบมาจากโพธิวิชชาลัย มีลักษณะเช่นไร ความเห็นที่หลากหลายพร่างพรูออกมามากมาย เป็นคนหนักเอาเบาสู้ ไม่สนใจเรื่องอบายมุข ขยันประหยัด ซื่อสัตย์ไม่คดโกง มีความกตัญญูกตเวที และอะไรอีกมากมาย ผมหันไปมองหน้าท่านรองอำนาจ เห็นท่านยิ้ม และผงกศีรษะรับฟังความคิดเห็นของชาวบ้านต่อไป
ประเด็นอยู่ตรงนี้ครับ สิ่งที่ชาวบ้านเสนอมาทั้งหมด ผมเชื่อว่าไม่มีสถาบันการศึกษาใดดำเนินการได้ครบหรอกครับ อย่าว่าแต่สถาบันอย่างพวกเราเลย แม้แต่วิทยาลัยสงฆ์ยังทำไม่ค่อยได้เลย ถ้าชาวบ้านเสนอมาอย่างนี้ เรารับปากแต่ในทางปฏิบัติเราทำไม่ได้ ผลที่ออกมาจะทำให้ความเชื่อถือหมดไปหรือไม่
ท่านรองอำนาจท่านพยายามอธิบายกับชาวบ้ายว่าข้อเสนอเหล่านี้ เป็นข้อเสนอที่ทุกคนในสังคมไทยต้องการให้เกิดขึ้นทั้งนั้น แต่ถ้าเราประสงค์จะให้เกิดทุกภาคส่วนของสังคมต้องร่วมมือร่วมใจกัน มิใช่หวังพึ่งสถาบันการศึกษาเพียงอย่างเดียว เมื่อคืนเราได้อะไรมากมายครับ อย่างน้อยเราเห็นความคาดหวังของพี่น้องประชาชนชาวสระแก้ว เห็นภาพของปัญหาสังคมของสระแก้ว ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ จะเป็นข้อมูลประกอบการร่างหลักสูตรของโพธิวิชชาลัย ในโอกาสต่อไป
ก่อนปิดเวที มีคำถามสุดท้ายที่ทำให้ผมคิดตลอดเวลาในขณะนั่งรถกลับที่พัก ชาวบ้านท่านหนึ่งถามว่า เมื่อสถาบันการศึกษาทั่วไปเขาผลิตคนให้มีความรู้ในเชิงทฤษฎี แต่โพธิวิชชาลัย ผลิตคนให้รู้จักการทำมาหากินในลักษณะสัมมาอาชีวะ ถ้าเป็นอย่างนี้คนที่จบออกมาจะได้รับการยอมรับจากสถาบันอื่นหรือ ? คำตอบที่ท่านรองอำนาจตอบค่อนข้างจะชัดเจนมาก โพธิวิชชาลัยเพิ่งเริ่มต้น คนที่จบจะต้องพิสูจน์ให้สังคมเห็นว่า เราเป็นคนมีคุณภาพและเป็นคนดี ที่ไม่ทำลายสังคม และระยะเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าบัณฑิตของโพธิวิชชาลัยจะมีส่วนในการสร้างสังคมที่น่าอยู่ สังคมแห่งกัลยาณมิตร ได้มากน้อยเพยงใด
ในความเห็นของผม การยอมรับ เราวัดกันด้วยอะไร ได้เรียนต่อในระดับที่สูงขึ้นใช่ใหม หรือสอบเข้าทำงานได้มากกว่าที่อื่น หรือเป็นนักธุรกิจใหญ่โต มีชื่อเสียงของสังคม สิ่งต่าง ๆ นี้มันคือที่มาของการยอมรับใช่หรือเปล่า ถ้าตอบว่าใช่ ผมก็พร้อมที่จะช่วยให้โพธิวิชชาลัยสร้างคนที่มีอาชีพที่สุจริต ไม่เอาเปรียบสังคม มีน้ำใจเอื้อเฟื้อ เมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน และมีความกตัญญูรู้คุณคน โดยไม่แคร์ว่าใครจะยอมรับหรือไม่ยอมรับ มันก็เท่านั้นเอง
สวัสดีค่ะ
อ่านแล้วน่าสนใจมากค่ะ
...ชื่อก็ดีด้วยนะคะ...โพธิวิชชาลัย ...
จะคอยอ่านความคืบหน้าค่ะ