จากการจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการทรัพยากรสำหรับนิสิตกลุ่มใหญ่ และอภิปรายกลุ่มย่อย ๆ ละ 10-12 คน จำนวน 20 กลุ่ม โดยสอดแทรกหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง หลังการนำเสนอวีดิทัศน์ ประกอบ ให้นิสิตแสดงความคิดเห็นส่วนบุคคล ลงใบงานที่ 1 และอภิปรายภายในกลุ่ม สรุปลงใน ใบงานที่ 2 โดยกำหนดให้กลุ่มตัวอย่างแสดงความคิดเห็นดังนี้
1. จากวีดีทัศน์เรื่อง ” ครูบัวเรียน วาปีสา นักต่อสู้แห่งป่าดูนลำพัน” ท่านเห็นว่ามีปัจจัยสำคัญอะไรบ้าง ที่ทำให้ชุมชนแห่งนี้ สามารถกลายเป็นชุมชนตัวอย่าง ในการอนุรักษ์ป่าชุมชนให้คงความสมบูรณ์อยู่ได้ โดยชุมชนสามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน
2. จากวีดีทัศน์เรื่อง ”ผักหวาน พลังอนุรักษ์ป่าสีเขียว” ท่านเห็นว่าชาวบ้านในชุมชน ได้ปฏิบัติตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่ประกอบด้วย 3 ห่วง 2 เงื่อนไข อย่างไร ? จึงทำให้ชุมชนอยู่ได้อย่างมีความสุขและยั่งยืน
จากกลุ่มตัวอย่าง แต่ละคนได้แสดงความคิดเห็นลง ใบงานที่ 1 และอภิปรายภายในกลุ่ม สรุปลงใน ใบงานที่ 2 พร้อมทั้งให้บางกลุ่มนำเสนอให้เพื่อนร่วมห้องได้รับทราบ ผู้วิจัยได้นำใบงานที่ 1 และ ใบงานที่ 2 มาวิเคราะห์ ความคิดเห็นของนิสิตแต่ละคน และ แต่ละกลุ่ม เฉพาะตามข้อที่ 2 จากวีดีทัศน์เรื่อง ”ผักหวาน พลังอนุรักษ์ป่าสีเขียว” โดยให้คะแนนความคิดเห็น ตามที่นิสิตเรียนรู้ว่าชุมชนได้ปฏิบัติตามแนวปรัชาเศรษฐกิจพอเพียง ที่ประกอบด้วย 3 ห่วง 2 เงื่อนไข นั้น นับเป็น 5 ปัจจัย คือ (1) ความพอประมาณ (2) ความมีเหตุผล (3) การมีภูมิคุ้มกัน (4) มีคุณธรรมและจริยธรรม (5 ) มีความความรู้และวิชาการ ตามแผนมโนทัศน์การสอนสอดแทรกหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เรื่อง ความหลากหลายทางชีวภาพและการอนุรักษ์ที่เสนอไว้ ปัจจัยใดบ้าง จำนวนกี่ปัจจัย โดยการใช้ตัวเลข 1 ถึง 5 แทน ซึ่งสามารถสรุปผลการวิเคราะห์ได้ ดัง ตารางที่ 4.1
และ ภาพที่ 4.1
ปัจจัยตามปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง |
จำนวนร้อยละของนิสิต |
1. ความพอประมาณ |
24 |
2. ความมีเหตุผล |
34 |
3. การมีภูมิคุ้มกัน |
15 |
4. มีคุณธรรมและจริยธรรม |
16 |
5. มีความความรู้และวิชาการ |
7 |
0. ไม่มีการปฏิบัติ |
4 |
ตารางที่ 4.1 แสดงจำนวนร้อยละของนิสิตที่ เรียนรู้ว่าชุมชนมีการปฏิบัติตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่ประกอบด้วย 3 ห่วง 2 เงื่อนไข หรือ 5 ปัจจัย อะไรบ้าง
จากตารางที่ 4.1 พบว่า นิสิตกลุ่มตัวอย่างได้เรียนรู้ว่า ชุมชนผักหวาน บ้านใหม่สมบูรณ์ เป็นชุมชนต้นแบบที่อยู่ได้อย่างมีความสุขและยั่งยืน นั้นเพราะชุมชนมีการปฏิบัติตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามปัจจัยที่ 2 ความมีเหตุผล สูงที่สุดคือร้อยละ 34 รองลงมาคือ ปัจจัยที่ 1 ความพอประมาณ ร้อยละ 24 ปัจจัยที่ 3 การมีภูมิคุ้มกัน และ ปัจจัยที่ 4 มีคุณธรรมและจริยธรรม ร้อยละ 15 และ 16 ตามลำดับ ส่วนปัจจัยที่ 5 มีความรู้และวิชาการ มีเพียง ร้อยละ 7 เท่านั้น นอกจากนั้นพบว่า มีนิสิตจำนวนร้อยละ 4 แสดงความคิดเห็นว่า ชุมชนไม่มีการปฏิบัติตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามปัจจัยใด ๆ เลยใน 5 ปัจจัย
จากผลการวิเคราะห์ข้างต้น อาจจะชี้ให้เห็นได้ว่า การที่ชุมชน หรือ บุคคลจะสามารถอยู่ได้อย่างมีความสุขและยั่งยืน ตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอพียง อย่างเช่นในชุมชนผักหวานป่า บ้านใหม่สมบูรณ์นั้น ปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ชุมชนมีความสุขอย่างยั่งยืน คือ ความมีเหตุผล และรองลงมาคือ มีความพอประมาณ ส่วนปัจจัยด้านมีความรู้และวิชาการนั้น ไม่จำเป็นต้องมีมากนัก ชุมชนก็สามารถอยู่อย่างมีความสุขได้
ภาพที่ 4.1 แสดงจำนวนร้อยละของนิสิตที่ ได้เรียนรู้ว่าชุมชนมีการปฏิบัติตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จำนวนกี่ปัจจัย เปรียบเทียบระหว่าง นิสิตรายบุคคล กับ นิสิตรายกลุ่ม
ภาพที่ 4.1 เป็นกราฟแสดง จำนวนปัจจัยตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ที่นิสิตแต่ละคน (รายบุคคล) ได้เรียนรู้ เปรียบเทียบกับ นิสิตแต่ละกลุ่ม (รายกลุ่ม) ที่ได้จากการสรุปการเรียนรู้หลังจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน และการอภิปรายร่วมกัน หลังจากการชมวีดีทัศน์ เรื่อง ”ผักหวาน พลังอนุรักษ์ป่าสีเขียว” ที่ถือว่าเป็นการเล่าเรื่อง (Story telling) การพัฒนาชุมชนอย่างยั่งยืน โดยอาศัยทุนทางธรรมชาติอย่าง ‘ ผักหวานป่า’ ทำให้กลายเป็นแรงผลักดัน ในการสร้างอัตลักษณ์ให้แก่ชาวชุมชนบ้านใหม่สมบูรณ์ จังหวัดนครราชสีมา และจากอัตลักษณ์ธรรมดาๆ กลับแปรเปลี่ยนเป็นพลังในการปกป้องผืนป่าไว้เคียงคู่ชาวชุมชนภายใต้แนวคิดป่าอยู่ได้ เราก็อยู่ได้ และชุมชนมีการน้อมนำเอาแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาปฏิบัติกันอย่างกว้างขวาง จนกลายเป็นชุมชนที่มีความเข้มแข็ง มีความสุขอย่างยั่งยืน กลายเป็นชุนชนตัวอย่างให้กับชุมชนอื่น ๆ
จากผลการวิเคราะห์ตามภาพที่ 4.1 จะเห็นว่า จากการชมวีดีทัศน์แล้ว นิสิตรายบุคคล (กราฟเส้นทึบ) ส่วนใหญ่ คือ ร้อยละ 42 สามารถเรียนรู้และบอกได้ว่า ชุมชนบ้านใหม่สมบูรณ์ปฏิบัติตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จำนวน 1 ปัจจัย มีนิสิตร้อยละ 24 สามารถเรียนรู้ได้ 2 ปัจจัย และ มีนิสิตที่สามารถเรียนรู้ได้ ครบ 5 ปัจจัย เพียงร้อยละ 4 เท่านั้น ในทางกลับกันถ้าเราวิเคราะห์ผลการเรียนรู้ของกลุ่ม หลังการอภิปรายแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน พบว่ากลุ่มสามารถเรียนรู้ได้ครบทั้ง 5 ปัจจัย สูงถึงร้อยละ 75 อีกร้อยละ 20 เรียนรู้ได้ 4 ปัจจัย (กราฟเส้นปะ) ซึ่งแตกต่างจากการเรียนรู้รายบุคคลอย่างชัดเจนมาก เป็นสิ่งยืนยันว่าการจัดการเรียนการสอนแบบแบ่งกลุ่มย่อย เปิดโอกาสให้นิสิต ได้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันเป็นกลุ่มเล็ก ๆ จะเพิ่มประสิทธิภาพการเรียนรู้ของนิสิตแต่ละคนขึ้นมา เป็นการเรียนรู้ของกลุ่มอย่างมาก การจัดให้มีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน เป็นกลุ่มเล็ก ๆ เช่นนี้ เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพมากอย่างหนึ่ง ในการจัดการความรู้ เพื่อการพัฒนาต่อยอดความรู้ของแต่ละคนและพัฒนาองค์ความรู้ของกลุ่มหรือชุมชน ให้เพิ่มขึ้นอย่างไม่รู้จบ
(ตัดตอนจากรายงานการวิจัย ฉบับสมบูรณ์)
ขอบคุณมากๆๆนะคะ ถ้าไม่ได้งานวิจัยนี้หนูคงไม่มีงานไปส่งอาจารย์แน่ๆเลยคะ พอดีครูให้หาเรื่องการประยุกต์ใช้เศรษฐกิจพอเพียงกับกราฟเส้นหนะคะ ขอบคุณมากๆๆนะคะ
ขอบคุณนะคร๊าฟ ถ้าไม่เจอเว็บไซด์นี้ คงทำงานให้ที่รักไม่เสร็จ ขอบคุณมากมายคร๊าฟป๋ม