สถิติที่เหมาะสมสำหรับข้อมูลงานวิจัยต่าง ๆ |
ข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้จากงานวิจัย สามารถจำแนกตาม มาตรการวัดหรือสเกลการวัด (Measurement Scale) ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 สเกล ดังนี้ |
|||
1. สเกลนามบัญญัติ |
2. สเกลเรียงลำดับ |
3. สเกลอันตรภาค |
4. สเกลอัตราส่วน |
เป็นการวัดที่หยาบที่สุด โดยจำแนกประเภทของสิ่งของต่าง ๆ เพื่อให้เห็นความแตกต่างเท่านั้น ไม่มีความหมายในเชิงปริมาณ และไม่สามารถนำตัวเลขเหล่านี้มา บวก ลบ คูณ หารกันได้ ข้อมูลนี้เป็นเพียงข้อความ เช่น เพศ กำหนดให้เป็นเลข 1 แทนเพศชาย และ 2 แทนเพศหญิง หรือจำแนกตามอาชีพเป็น แม่บ้าน ข้าราชการ ค่าขาย รับจ้าง หรือเกษตรกร เป็นต้น |
เป็นการวัดเช่นเดียวกับมาตรวัดนามบัญญัติ ข้อมูลอาจเป็นข้อความหรือตัวเลข ซึ่งไม่มีความหมายในเชิงปริมาณ แต่สามารถบอกความแตกต่างในแต่ละระดับเป็นลำดับได้ ซึ่งกำหนดทิศทางว่าสูงกว่า ดีกว่า หรือด้อยกว่า จึงนำตัวเลขเหล่านี้มา บวก ลบ คูณ หารกันไม่ได้ เช่น ทัศนคติ เช่น ชอบมาก ชอบน้อย เฉย ๆ หรืออันดับการแข่งขัน เช่น อันดับที่ 1 อันดับที่ 2 อันดับที่ 3 หรือผลการสอบได้ลำดับขั้น A, B, C, D และ F เป็นต้น |
ข้อมูลอยู่ในรูปตัวเลข เช่น คะแนนสอบ อุณหภูมิ ซึ่งเป็นการวัดข้อมูลที่สามารถบอกได้ว่ามีความแตกต่างกันมากน้อยเพียงใด ซึ่งตัวเลขเหล่านี้นำมา บวก ลบได้ แต่คูณ หารกันไม่ได้ เช่น ที่อุณหภูมิ 60 องศาเซลเซียส ไม่ใช่มีความร้อนเป็น 2 เท่าของอุณหภูมิ 30 องศาเซลเซียส หรือนักศึกษาที่สอบได้ 80 คะแนน ไม่ได้หมายความว่า มีความสามารถเป็น 4 เท่าของนักศึกษาที่สอบได้ 20 คะแนน และศูนย์ของข้อมูลชนิดนี้เป็นศูนย์สมมติ ไม่ใช่ศูนย์แท้ (Non - Absolute Zero) เช่น ที่อุณหภูมิ 0 องศาเซลเซียส ไม่ได้หมายความว่า ณ จุดนั้นไม่มีความร้อนอยู่เลย หรือนักศึกษาสอบได้ 0 คะแนน ไม่ได้หมายความว่า ไม่มีความรู้อยู่เลย แต่เป็นเพียงตัวเลขที่บอกว่าเขาทำข้อสอบไม่ได้เท่านั้น |
ข้อมูลอยู่ในรูปตัวเลข โดยเป็นการวัดในระดับสูงสุด ที่มี ศูนย์แท้ (Absolute Zero) ซึ่งหมายถึง ไม่มีอะไรเลย และสามารถบอกความแตกต่างในเชิงปริมาณได้ ซึ่งตัวเลขเหล่านี้นำมา บวก ลบ คูณ หารกันได้ เช่น ความยาว น้ำหนัก ส่วนสูง ระยะทาง เวลา เป็นต้น |
ข้อมูลที่เก็บรวบรวมได้อาจจำแนกตาม ลักษณะของข้อมูล ได้ 2 ประเภท คือ |
|
1. ข้อมูลเชิงปริมาณ (Quantitative Data) |
2. ข้อมูลเชิงคุณภาพ (Qualitative Data) |
เป็นข้อมูลที่แสดงความแตกต่างในปริมาณหรือขนาดในลักษณะของตัวเลข ซึ่งเป็นข้อมูลที่ได้จาก การชั่ง การตวง การวัด เช่น รายได้ อายุ น้ำหนัก ส่วนสูง คะแนนสอบ เป็นต้น ข้อมูลประเภทนี้วัดด้วยสเกลนามบัญญัติ และสเกลเรียงลำดับ |
เป็นข้อมูลที่แสดงความแตกต่างเชิง คุณภาพ เช่น เพศ ฐานะ สถานภาพสมรส ศาสนา หมู่เลือด เป็นต้น ข้อมูลประเภทนี้วัดด้วยสเกลอัตรภาค และสเกลอัตราส่วน |
การเลือกใช้สถิติวิเคราะหที่เหมาะสมสำหรับสเกลการวัดของข้อมูล ดังนี้ |
|||
การวิเคราะห์ |
สเกลของข้อมูล |
||
นามบัญญัติ |
เรียงลำดับ |
อันตรภาค และอัตราส่วน |
|
การแจกแจง |
1. ความถี่ |
|
1. ความถี่ |
การวัดบอกตำแหน่ง |
|
1. Percentile |
1. Percentile |
การวัดแนวโน้มเข้าสู่ส่วนกลาง |
1. ฐานนิยม (Mode) |
1. มัธยฐาน (Median) |
1. ค่าเฉลี่ย (Mean) |
การวัดการกระจาย |
|
1. พิสัย (Range) |
1. พิสัย (Range) |
ความสัมพันธ์ |
1. Phi ข้อมูล 2 ทางแบบ 2x2 |
1. Spearman-Rank ข้อมูลจัดอันดับ 2 ชุด |
1. Pearson's Product Moment ข้อมูลต่อเนื่อง 2 ชุด |
ประชากร 1 กลุ่ม |
1. Binomial test |
1. Kolmogorov Smirnov one-sample test |
1. t-test เทียบกับ ค่าเฉลี่ยของประชากร |
ประชากร 2 กลุ่ม |
1. McNemar test for the significance of Changes |
1. Sign-test |
1. t-test (Pairs) |
ประชากร 2 กลุ่ม |
1. Fisher exact Probability test |
1. Median test |
1. t-test (Groups) |
ประชากร k กลุ่ม |
1. Cochran (Q-test) |
1. Friedman two way analysis of variance |
1. ANOVA Repeated |
ประชากร k กลุ่ม |
1. Chi-square test |
1. Extention of Median test |
1. ANOVA แบบ Groups |
ไม่มีความเห็น