"...คำว่าพอเพียง มีความหมายอีกอย่างหนึ่ง มีความหมายกว้างออกไปอีก ไม่ได้หมายถึงการมีพอสำหรับใช้ของเท่านั้น แค่มีความหมายว่าพอมีพอกิน... พอมีพอกินนี้ ก็แปลว่า เศรษฐกิจพอเพียงนั่นเอง..."
"...พอเพียงนี้ก็หมายความว่า มีกินมีอยู่ ไม่ฟุ่มเฟือย ไม่หรูหราก็ได้ แค่ว่าพอ แม้บางอย่างอาจจะดูฟุ่มเฟือย ค่ถ้าทำให้มีความสุข ถ้าทำได้ ก็สมควรที่จะทำ สมควรที่จะปฏิบัติ..."
"...Self Sufficienay นั่นหมายความว่า ผลิตอะไรมีพอที่จะใช้ ไม่ต้องไปขอซื้อคนอื่น อยู่ได้ด้วยตนเอง..."
"...คนเราถ้าพอในความต้องการก็มีความโลภน้อย เมื่อมีความโลภน้อยก็เบียดเบียนคนอื่นน้อย ถ้าทุกประเทศมีความคิด อันนี้ไม่ใช่เศรษฐกิจ มีความว่าทำอะไรต้องพอเพียง หมายความว่า พอประมาณไม่สุดโด่ง ไม่โลภอย่างมาก คนเราก็อยู่เป็นสุข..."
พระราชดำรัชพระราชทานเนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 4 ธันวาคม 2541
ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้กับคนทุกวัย ทุกศาสนา ทุกอาชีพได้เนื่องจากปรัชญาเศรษฐกิจเพียงเป็นหลักปรัชญาที่เป็นจริง เป็นกรอบในการดำรงชีพที่สามารถประยุกต์ใช้ได้กับคนทุกเพศทุกวัย ในระดับต่าง ๆ จากชนบทจนถึงในเมือง จากผู้มีรายจได้น้อยจนถึงผู้มีรายได้สูง จากภาคเอกชนถึงภาครัฐ
การจะนำเศรษฐกิจพอเพียง ไปประยุกต์ใช้ให้ได้ผลในการดำเนินชีวิต ทั้งในระดับบุคคลและครัวเรือน เพื่อนำไปสู่การพึ่งตนเอง ควรยึดแนวปฏิบัติ ดังนี้
มาถึงบทนี้ จดแรกกับสมุดบันทึกคิดว่าท่านผู้ที่เข้าชม blog จดแรกกับสมุดบันทึกเศรษฐกิจพอเพียงกับการพัฒนาที่ยั่งยืน และได้อ่านคงพอจะนึกภาพออกบ้างว่า ตัวเราเองจะจัดการกับตัวเราเอง และครอบครัวได้ตรงจุดไหน ลด และ เพิ่มเติมกับชีวิตตัวเราเองได้อย่างไร
แต่ยังไม่หมดแค่นี้หรอกนะค่ะ ยังมีต่อกับ "มีวิถีชีวิต "...อยู่อย่างพอเพียง.." ให้อ่านอีกเป็นตอนต่อไปค่ะ
สวัสดีค่ะ
เป็นแนวทางในการดำรงชีวิตที่ดีมากเลยครับ