หมออนามัยหลายท่านที่ทำงานในตำแหน่ง "เจ้าพนักงานสาธารณสุขชุมชน" ซึ่งเรียนจบหลักสูตรประกาศนียบัตรสาธารณสุขศาสตร์ จากวิทยาลัยสาธารณสุขนั้น หลายคนต่างพยายามขวนขวาย เรียนต่อเพื่อความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่การงานในอนาคต ต่างมุ่งหน้าไปเรียนในหลักสูตรปริญญาตรี ต่อเนื่องอีก 2 ปี เพื่อรับปริญญาตรี สาธารณสุขศาสตรบัณฑิต (ส.บ.) หากมีโอกาสได้เรียนต่อในระดับปริญญาโทได้ ใครล่ะจะไม่อยากไขว่คว้าโอกาสอันดีนี้
หมออนามัยเป็น บุคคลที่ทุ่มเทและเสียสละหลายอย่าง
ในการดูแลสุขภาพของคนในชุมชน ในเขตรับผิดชอบของตนเอง
ภาระหน้าที่ในแต่ละวันนั้น ล้นมืออยู่แล้ว
แต่ยังพยายามที่จะไขว่คว้าโอกาสในการศึกษาต่ออยู่เสมอ
ซึ่งทางสถาบันการศึกษา
ได้เปิดโอกาสให้หมออนามัยได้เข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี
โดยเปิดหลักสูตรภาคพิเศษ เสาร์-อาทิตย์ นอกเวลาราชการขึ้นมา
ทำให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสามารถที่จะแบ่งเวลามาเรียนเพิ่มวุฒิได้
เมื่อ ต้องเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย
หลายคนแบ่งเวลาได้แต่ก็เครียดกันพอสมควร บางคนบริหารเวลาไม่ลงตัว
ทำให้ต้องละทิ้งโอกาสกลางคัน ส่วนคนที่ยังคงมีความมุ่งมั่น
ฝ่าฟันต่ออุปสรรคต่างๆต่อไป
ต้องอดทนต่ออุปสรรคในหลายๆเรื่องที่เข้ามาบีบรัดอยู่ตลอดช่วงเวลาที่เรียน
อยู่ เรียกได้ว่า มีแต่ความท้อแท้ ท้อถอยอยู่ตลอดเวลา
การเรียนภาคพิเศษ - เสาร์ อาทิตย์ ซึ่งมีเวลาจำกัดกว่า
การเรียนภาคปกติ ที่มีเวลาในการศึกษาค้นคว้าได้อย่างเต็มที่
ไม่ต้องทำงานไปด้วย เรียนไปด้วย
ถึงแม้นักศึกษาภาคพิเศษจะมีข้อจำกัดหลายอย่าง
และมีเวลาจำกัดในการเรียน
และมีค่าใช้จ่ายในการเรียนสูงกว่านักศึกษาในภาคปกติ
แต่นักศึกษาภาคพิเศษหลายคนก็อยากเรียนรู้อย่างเต็มที่เช่นกัน
ปัญหาอย่างหนึ่งของชาวสาธารณสุขที่มาเรียนต่อในภาคพิเศษ คือ
การเข้าถึงแหล่งค้นคว้าข้อมูล คือ ห้องสมุดนั่นเอง
คุณนวลจันทร์ สายวงศ์ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจากศรีสะเกษ
ซึ่งเริ่มต้นชีวิตการเรียนจากระดับมัธยมศึกษา
แล้วเข้าเรียนต่อหลักสูตรประกาศนียบัตรสาธารณสุขศาสตร์
(สาธารณสุขชุมชน) ที่วิทยาลัยสาธารณสุขสิรินธร จ.อุบลราชธานี
และพยายามพากเพียรด้วยความยากลำบาก มาเรียนต่อในระดับปริญญาตรี
และปริญญาโท ที่คณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
ช่วงที่เธอเรียนปริญญาโท ซึ่งต้องเรียนภาคพิเศษ
อาจารย์ผู้สอนได้ให้ความรู้หลากหลาย
ซึ่งมีหลายเรื่องเธอไม่เคยมีทักษะการเรียนรู้ในระดับปริญญาตรีมากนัก
เช่น การค้นหาข้อมูลต่างๆ การทำวิจัย
ซึ่งผู้ที่เรียในระดับปริญญาตรีในภาคปกติ
ได้ผ่านการฝึกฝนเรียนรู้ในทักษะเหล่านี้จนชำนาญ กว่าเธอจะค้นหาข้อมูล
ทำรายงานส่งอาจารย์ได้ เลือดตาแทบกระเด็นเช่นกัน
โชคยังดีที่กลุ่มเพื่อนที่เรียนด้วยกัน
พยายามช่วยเหลือประคับประคองจนสามารถฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆมาได้
แต่เธอก็อยากที่จะทำอะไรเป็นมากกว่าเดิม
มีโอกาสได้มาเรียนรู้เพิ่มวุฒิแล้ว นอกจากความคิด ทัศนะ
มุมมองจะเปลี่ยนไป มองสิ่งต่างๆได้อย่างรอบคอบ มีเหตุมีผลมากขึ้น
สมกับที่ได้มาเรียนปริญญาโท เมื่อเธอพูดจากับคนในสถานที่ทำงาน
เพื่อนร่วมงานเริ่มมองเธอแปลกๆเหมือนกัน เพราะความคิดของเธอเติบโตขึ้น
มองโลกได้กว้างขึ้น แต่เพื่อนร่วมงานยังคงคิดเห็นเช่นเดิม
เมื่อมาเรียนปริญญาโท เธอรู้จักหลายอย่างเพิ่มขึ้น มีโอกาสได้ทำ
ได้ฝึกหลายอย่างมากขึ้น แต่ก็ยังทำได้ไม่คล่อง และยังไม่ชำนาญมากนัก
ซึ่งเธอก็อยากจะคิด เขียน วางแผนต่างๆได้ดีกว่านี้ อย่างเช่น
การทำวิจัย แม้จะมีพื้นฐานจากการเรียนมาบ้าง แต่ก็ยังไม่แน่ใจมากนัก
เพราะได้เรียนรู้มาในเวลาที่จำกัดและได้ฝึกฝนน้อยเหลือเกิน
ในปีนี้ หลายมหาวิทยาลัยได้เปิดหลักสูตรภาคพิเศษหลายแห่ง
และเปิดวิทยาเขตตามต่างจังหวัด
เพื่อเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่สนใจเรียนต่อ
ได้มีโอกาสเรียนใกล้บ้าน
ไม่ว่าจะอยู่ห่างไกลจากมหาวิทยาลัยแค่ไหนก็ตาม แต่คุณนวลจันทร์ มองว่า
แม้จุดนี้จะเป็นการเปิดโอกาสให้กับชาวสาธารณสุขที่อยากเรียนต่อ
แต้ปัญหาและอุปสรรคสำคัญก็คือ ไม่มีห้องสมุดให้ค้นคว้าข้อมูล
ซึ่งห้องสมุดจะตั้งอยู่ในวิทยาเขตกลาง
หรือที่ตั้งของมหาวิทยาลัยนั้นๆ
ในช่วงที่ทำวิจัยก่อนถึงกำหนดจบการศึกษา
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขหลายคนมีความมุ่งมั่นที่จะทำวิจัยที่จะนำไปใช้ประโยชน์
ในพื้นที่ของตนอย่างเต็มที่ แต่เมื่อต้องไปค้นคว้าหาข้อมูลเพิ่มเติม
เวลาที่มีจำกัด และห้องสมุดที่อยู่ไกล
เป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ความตั้งใจที่มีตั้งแต่แรกเริ่ม
เริ่มจางหายไป จนในที่สุด งานวิจัยที่ตั้งใจทำ
ไม่ว่าจะเป็นวิทยานิพนธ์ ปัญหาพิเศษ การศึกษาอิสระ
ก็ต้องลงมือทำไปเท่าที่จะทำได้ งานก็รัดตัว
เรื่องเรียนก็ต้องทำอีก
แต่ปัจจุบันนี้ การตั้งวิทยาเขตเพื่อการเปิดโอกาสทางการศึกษา
อาจารย์ผู้สอนได้ให้ทางออกได้ว่า
ทุกคนสามารถเรียนและค้นคว้าหาความรู้จากที่ใดก็ได้
ซึ่งสามารถค้นคว้าทางอินเทอร์เนตได้ตลอด ทุกที่ทุกเวลา
แต่ข้อมูลที่มีมากมายมหาศาล ต้องใช้เวลาในการกลั่นกรองข้อมูลพอสมควร
ทำให้หลายคนไม่พบข้อมูลที่ตัวเองต้องการในอินเทอร์เนต
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขหลายคน จึงต้องหาโอกาสมาเข้าห้องสมุดอยู่ดี
เพื่อค้นคว้าหาเอกสารเพื่อศึกษาเรียนรู้เพิ่มเติมในหัวข้อที่สนใจ
ในประเด็นนี้ หลายคนแย้งว่า หากมีทักษะในการค้นข้อมูลในอินเทอร์เนต
ก็จะพบข้อมูลที่ท่านต้องการเช่นกัน
แต่ละคนก็มีทักษะความรู้ที่แตกต่างกัน
หลายคนไม่ถนัดในการอ่านภาษาอังกฤษ
หรือใช้คำค้นที่ให้ผลการค้นหากว้างเกินไปจนได้
ข้อมูลมากมายจากการค้นหา
จึงเป็นอุปสรรคสำคัญของชาวสาธารณสุขหลายท่าน
เท่าที่สังเกตจากนักศึกษาที่เรียนภาคปกติ
หลายมหาวิทยาลัยได้จัดหลักสูตรอบรม เพื่อเพิ่มทักษะในด้านต่างๆ
ทั้งคอมพิวเตอร์ ภาษา การพูด การเขียน และอื่นๆอีกมากมาย
ซึ่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่เรียนภาคพิเศษ
เมื่อเรียนเสร็จในแต่ละครั้ง ก็จะขับรถกลับบ้าน
ไม่มีโอกาสได้เข้าอบรมในหลักสูตรเสริมทักษะที่น่าสนใจ
บางคนอาจจะแย้งว่า ในช่วงที่ไม่มีวิชาเรียน หากมีเวลาที่จะเข้าอบรมได้
ก็น่าจะเข้าอบรม
แต่ก็มีน้อยหลักสูตรครับ ที่ทุกคนจะสามารถเข้าอบรมได้
เนื่องจากการที่ต้องทำงานและเรียนไปด้วย แน่นอน
ย่อมต้องกลับไปทำงานก่อน
หากมีเวลาได้คลุกคลีกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขหลายท่าน จะพบว่า
แต่ละคนมีศักยภาพที่ล้นเหลือ
ทุ่มเททำงานดูแลสุขภาพของประชาชนผู้มารับบริการได้ตลอดเวลา
แต่ละหน่วยงานได้จัดอบรมเพิ่มทักษะความรู้ต่างๆให้แก่เจ้าหน้าที่อยู่เป็น
ประจำ หลายคนก็ได้รับความรู้และกลับมาทำได้ หลายคนก็พอทำได้ แต่นานไป
เมื่อไม่ค่อยได้ใช้ก็มักจะลืมเลือนไป
ดังนั้น ปัญหาที่สำคัญต่อการเรียนรู้ คือ
พื้นฐานความรู้ต่างๆที่สะสมมาตั้งแต่ช่วงที่เรียนนั่นเอง
หากมีทักษะต่างๆสะสมมาตั้งแต่ช่วงที่เรียน
จะทำให้รับรู้สิ่งต่างๆมากขึ้น เมื่อไปอบรมเพิ่มเติม
จะต่อยอดความรู้ไปเรื่อยๆ แต่ปัจจุบัน
พื้นฐานความรู้ของหลายคนยังไม่ดีนัก
เมื่อต้องเรียนรู้และเข้าอบรมหัวข้อใหม่ๆ หลายคนจึงเกิดความงุนงง
จับประเด็นได้ไม่หมด
ต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าที่จะเข้าใจทุกๆอย่าง
หากในช่วงที่เริ่มเรียน นิสิตนักศึกษา มีเวลาศึกษาค้นคว้า
อย่างเต็มที่ มีแหล่งข้อมูล ได้แก่ห้องสมุดที่เข้าถึงได้ง่าย
ความรู้ต่างๆจะสะสมพอกพูนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
เป็นพื้นฐานการเรียนรู้ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขแต่ละคน
สามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ๆในอนาคตได้ไวขึ้น
ไม่ใช่ได้เฉพาะใบปริญญาบัตรและวุฒิการศึกษาที่สูงขึ้นเท่านั้น