Soda
กมลพรรณ หนูนุ่น รัตนพงษ์

งานเกาตร กำแพงแสน(3-10ธ.ค)


ประชุมวิชาการ
วันที่6 ธ.ค.50ได้เข้าร่วมฟังเสวนาเชิงวิชาการ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์กับการพัฒนาตามแนวพระราชดำริเพื่อความอยู่ดีมีสุขและเศรษฐกิจพอเพียง ได้เรียนรู้เกี่ยวกับว่าเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางในการปฏิบัติตนในระดับครอบครัว ชุมชนโดยอยู่ภายใต้หลักการ3อย่าง1.ความมีเหตุผล 2.ความพอประมาณ 3.ภูมิคุ้มกัน ในส่วนของมหาวิทยาลัยนั้นพยายามที่จะลดรายจ่ายในเรื่องที่ไม่จำเป็น ใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้คุ้มค่ามากที่สุดและพึ่งพาตนเองให้มากที่สุด อยู่อย่างประหยัดและทำงานให้เกิดผลดี ประกอบกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐที่มีวิทยาเขตมากที่สุดและกระจายเข้าสู่ทุกภูมิภาคเพื่อเสียสละให้กับสังคม ในการกระจายความรู้สู่เกษตรกรและประชาชนทั่วไปซึ่งข้อมูลพื้นฐานส่วนใหญ่ในการให้ความรู้ทางด้านการเกษตรทั้งสิ้น ช่วงบ่ายได้ฟังในเรื่องของวิกฤตการพัฒนาสุ่ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงดิฉันได้เรียนรู้ว่าโลกของเราได้รับการพัฒนาทางด้านต่างๆมากมายทั้งทางด้านทรัพยากร เทคโนโลยีทันสมัยต่างๆแต่การพัฒนาที่เกิดขึ้นยังเป็นไปในทางที่ผิดเนื่องจากทุกคนลืมมองไปว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาคือผลกระทบต่างๆเช่น ภัยธรรมชาติ จากการตัดไม้ทำลายป่า ภาวะโลกร้อนซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ในปัจจุบันและส่งผลต่อการละลายน้ำแข็งจากขั้วโลก ทำให้วงจรชีวิตสัตว์มีการเปลี่ยนแปลง เกิดการระบาดของโรคมากขึ้น คนตายเพิ่มขึ้น ฉะนั้นดิฉันคิดว่ายุคสมัยของการผัดผ่อน ความโล่งใจ ความรักสบาย เอาแต่ได้ กำลังจะสิ้นสุดลง เราต้องหาทางคิดนอกกรอบ ไม่ทำลายธรรมชาติเรากำลังก้าวสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ฉะนั้นจากการฟังในองค์กรธุรกิจ องค์การบริหารส่วนตำบล ปัจเจกบุคคลนั้นทุกฝ่ายพยายามที่จะเน้นปฏิบัติไปในความพอเพียง รู้จักอดออม พยายามสร้างะรกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป กู้เงินมาต้องรู้ตนเองว่าสามารถใช้คืนได้ภายในระยะเวลาที่กำหนดโดยนำเงินที่กู้มาต่อยอดธุรกิจให้ได้กำไรรู้จักคำนวนเงินอย่างเหมาะสม ส่วนทางด้านอบต. มีการตั้งกองทุนชุมชนเพื่อให้ประชาชนนำเงินมาฝากเพื่อเป็นการประยัดอดออมและนำเงินเหล่านั้นมาปล่อยกู้ให้กับเกษตรกรในดอกเบี้ยต่ำและดอกเบี้ยที่ได้ไปปันผลให้กับประชาชนอีกด้วย มีการจัดตั้งกลุ่มปุ๋ยชีวภาพใช้ในครัวเรือน ส่วนในด้านของปัจเจกบุคคล จะเน้นการทำเกษตรประนีต เกษตรผสมผสาน มีการจัดตั้งศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงต่างๆขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้ามาเรียนรู้และสามารถนำไปปฏิบัติได้อย่างเหมาะสม มีการจัดการที่ดินบริเวณนาเกลือ สนับสนุนการปลูกป่าชายเลน ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและดูแลเรื่องชายฝั่งน่านน้ำทะเล สร้างโมเดลชะลอคลื่น ปลูกป่าชายเลนในรอยถอยล่นซึ่งไม่เพียงแต่จะเป็นการอนุรักษ์ป่าชายเลนเท่านั้นแต่ยังช่วยอนุรักษ์แหล่งอนุบาลสัตว์น้ำอีด้วย
หมายเลขบันทึก: 166138เขียนเมื่อ 19 กุมภาพันธ์ 2008 11:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 22:47 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท