.... ออกกำลังกายทำไมต้องแอโรบิค ....
ถ้าได้รับคำแนะนำจากคุณหมอเรื่องการดูแลสุขภาพ " คุณควรหาเวลา ออกกำลังกายบ้างนะ " หลายท่านจะให้คำตอบกับคุณหมอว่า " คุณหมอครับ ผมทำงานหนักมาก หาเวลาออกกำลังกายไม่ได้หรอกครับ " คุณกำลังเข้าใจผิด เพราะจริง ๆ แล้วการออกกำลังกายอยู่คู่กับการที่เราปฏิบัติกิจกรรมตลอดทั้งวัน แต่บางท่านอาจจะยังไม่เพียงพอ เพราะพลังงานที่รับเข้าไปในแต่ละวันอาจถูกใช้ไม่หมดและจะสะสมอยู่บริเวณใต้ผิวหนัง จึงควรต้องหาเวลาออกกำลังกาย ถ้าจะออกกำลังกายก็ต้องออกกำลังกายแบบ "แอโรบิค" และถ้าพูดถึงคำว่า " แอโรบิค " สุภาพสตรีหรือสุภาพบุรุษหลายท่านจะหมายถึงการ "เต้นแอโรบิค " เพียงอย่างเดียว ซึ่งเป็นความเข้าใจที่ถูกแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น คำว่า "แอโรบิค " มีความหมายมากกว่านี้
" แอโรบิค " Aerobic
เป็นภาษาลาติน หมายถึง อากาศ , ก๊าซทาง ชีววิทยา หรือ การนำออกซิเจนมาใช้ขณะออกกำลังกาย
การออกกำลังกายมีหลายรูปแบบ
ที่นิยมและได้ผลมากที่สุด คือ " การออกกำลังกายแบบแอโรบิค "
การออกกำลังกายแบบแอโรบิค
" เป็นการออกกำลังกายแบบใดก็ได้ ที่กระตุ้นปอดและหัวใจ ให้ทำงานมากขึ้น ถึงจุด ๆ หนึ่ง และด้วยระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งพอที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ "
( นายแพทย์เคนเน็ท เอช คูเปอร์ และคณะ หนังสือแอโรบิค 2511 : ดำรง กิจกุศล 2531 : 40 )
การออกกำลังกายตามหลักของ " นายแพทย์เคนเน็ท เอช คูเปอร์ และคณะ " หมายความว่า
เป็นการออกกำลังกายที่ร่างกายต้องใช้ออกซิเจน จำนวนมากติดต่อกันนาน มีผลต่อระบบการทำงานของ หัวใจ ปอด หลอดเลือด และระบบไหลเวียนโลหิตทั่วร่างกายแข็งแรงขึ้น และมีประสิทธิภาพการทำงานดีกว่าเดิมอย่างชัดเจน เรียกว่า ผลของการฝึก ( TRAINING EFFECT )
จากความหมายที่กล่าวมา ท่าน ๆ คงพอสรุปด้วยตนเองได้ว่า " การออกกำลังกายแบบแอโรบิค " ก็คือ
การออกกำลังลังกายอะไรก็ได้ ที่ทำให้หัวใจทำงานหนักขึ้น และระบบต่าง ๆ ทำงานหนักและนานพอสมควรอย่างต่อเนื่อง ( ประมาณ 15 - 45 นาที ) และเกิดผล ( ถ้าไม่เกิดผลแสดงว่าไม่ใช่การออกกำลังกายแบบแอโรบิค) ซึ่งมีกิจกรรมให้เลือกมากมายตามต้องการและความชอบ เช่น ว่ายน้ำ ,วิ่ง , เดินเร็ว ๆ ,กีฬาที่ชอบและถนัด , หรือ " การเต้นรำแอโรบิค " ที่เป็นที่นิยมในยุคปัจจุบัน
นอกจากการออกกำลังกายแบบแอโรบิคแล้ว ยังมีการออกกำลังกายหลายอย่างที่มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงร่างกายเหมือนกันที่แต่ " เกิดผล" กับร่างกายน้อยกว่า แต่เราสามารถใช้เป็นทางเลือกได้ในกรณีที่มีเวลาน้อย หรือไม่มีเวลาแต่ใช้เวลาระหว่างทำงานได้ ดังนี้
1. ออกกำลังกายแบบไอโซเมตริก ( ISOMETRIC )
คือ การเกร็งและคลายกล้ามเนื้อมัดใดมัดหนึ่ง โดยที่ร่างกายไม่ได้เคลื่อนไหว เช่น การดันกำแพง ยกของต่าง ๆ อยู่ที่ทำงาน ผลงานวิจัยพบว่า " การเกร็งกล้ามเนื้อ 2 ใน 3 ของกำลังสูงสุด 6 นาที ต่อวัน วันละ 1 ครั้ง จะช่วยให้กล้ามเนื้อส่วนนั้นแข็งแรงได้ "
2. ออกกำลังกายแบบไอโซโทนิค ( ISOTONIC )
คือ การออกกำลังกายสู้แรงต้านทาน กล้ามเนื้อจะหดและคลายตัว มีการเคลื่อนไหวของข้อต่อร่วมด้วย เช่น การการยกของขึ้นและวางลง การออกกำลังกายแบบนี้ เป็นการริหารกล้ามเนื้อมัดต่าง ๆ โดยตรง ได้ผลดีกว่าแบบที่ 1
3. ออกกำลังกายแบบไอโซคิเนติก ( ISOKINETIC )
คือ เป็นการออกกำลังกายที่ให้ร่างกายต่อสู้แรงต้านทาน ด้วยความเร็วคงที่ เป็นการออกกำลังกายแบบใหม่ด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย เช่น ลู่วิ่ง ( TREADMILL)
4. การออกกำลังการแบบไม่ใช้ออกซิเจน ( ANAEROBIC )
เป็นการออกกำลังกายโดยใช้พลังงานจากสารพลังงาน หรือ ATP ได้แก่การทำงานเบา ๆ วิ่งระยะสั้น ๆ การยกน้ำหนัก เป็นต้น เป็นการออกกำลังกายที่ไม่ใช้ออกซิเจนเลย ( นักกรีฑา 60 และ 100 ม. บางคนวิ่งโดยไม่หายใจเลยสักครั้ง ) นักกีฬาเหล่านี้ได้รับการฝึกอย่างหนัก จนร่างกายทนต่อสภาวะ " การเป็นหนี้ออกซิเจน" ได้อย่างดี
เห็นใหมครับ.. ว่า...การออกกำลังกายท่านไม่จำเป็นต้องมีเวลามาก เพียงแค่ท่านมีใจ เวลาใหนก็สามารถออกกำลังกายได้ แต่ถ้าจะให้ดี ควรหาเวลาออกกำลังกาย "แบบแอโรบิค " เลือกกิจกรรมการออกกำลังกายแบบแอโรบิคที่ท่านชอบสักสัปดาห์ละ 2 - 3 ครั้ง ครั้งละ 15 - 45 นาที คงไม่เหลือบ่ากว่าแรง....นะครับ สำหรับร่างกายที่เกิดมาและดำรงอยู่ได้ถึงทุกวันนี้ .....
.................... ให้รางวัลกับร่างกายตัวเองหน่อยนะครับ ..........................
ไม่มีความเห็น