เสร็จสิ้นภารกิจหลังจากที่ “คลุกวงในทำเนียบ” อยู่ 16 เดือน
ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของการทำหน้าที่ในรัฐบาล ผมได้เข้าประชุมนัดสุดท้าย (ภายใต้รัฐบาล พลเอกสุรยุทธ์) ของคณะกรรมการอีกจำนวนหนึ่ง ได้แก่
· คณะกรรมการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ประชาชนอยู่ดีมีสุข (ท่านนายกฯ เป็นประธาน) (เมื่อ 28 ม.ค. 51)
· (ร่วมประชุม) คณะกรรมการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) (ดร.สมชัย ฤชุพันธ์ เป็นประธาน) (เมื่อ 28 ม.ค. 51)
· (เป็นประธาน) คณะกรรมการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากโครงการฝายราษีไศล (เมื่อ 30 ม.ค. 51)
· (เป็นประธาน) คณะกรรมการกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ (เมื่อ 30 ม.ค. 51)
· (เป็นประธาน) คณะกรรมการสนับสนุนการจัดสวัสดิการชุมชนท้องถิ่น (เมื่อ 30 ม.ค.51)
คณะกรรมการหลังสุดนี้ ถือเป็นคณะกรรมการชุดสุดท้าย และเป็นการประชุมนัดสุดท้ายที่ผมเข้าร่วมประชุมในฐานะประธาน อันเนื่องมาจากการมีตำแหน่งในรัฐบาล
ในรอบเดือนสุดท้ายของการทำหน้าที่ในรัฐบาล ผมยังได้ปฏิบัติภารกิจและมีกิจกรรมที่เห็นควรบันทึกไว้เพิ่มเติมดังต่อไปนี้ครับ
· เข้าร่วมพิธีถวายความเคารพพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ โดยมีพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมด้วย เมื่อวันที่ 2 ม.ค.51 (บ่าย - พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ เสด็จ) วันที่ 4 ม.ค. 51 (เช้ามืด- สมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดาฯ เสด็จ) และวันที่ 9 ม.ค. 51 (บ่าย - พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ เสด็จ)
· ประชุมติดตามผลและหารือเรื่องการส่งเสริม “วังปลา” ในบริเวณริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เช่น ที่วัดระฆังโฆษิตาราม” ซึ่งได้ผลเบื้องต้นน่าพอใจ (เมื่อ 4 ม.ค. 51)
· ประชุมสรุปงานกับผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมปลัดและรองปลัดสำนักนายกยกรัฐมนตรี (เมื่อ 7 ม.ค. 51)
· ประชุมหารือรอบพิเศษกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง พม. พร้อมผู้บริหารระดับสูง(รองอธิบดีขึ้นไป) ของกระทรวง พม. เรื่องเกี่ยวกับสถานการณ์ภายในกระทรวง พม. (เมื่อ 8 ม.ค. 51)
· เป็นประธานมอบรางวัลการใช้ภาษาไทยดีเด่น จัดโดยราชบัณฑิตยสถาน (เมื่อ 9 ม.ค. 51)
· เป็นผู้กราบบังคมทูล รายงานต่อองค์ประธาน(สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ) ในพิธีเปิดงาน “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับการอนุรักษ์มรดกไทย” จัดโดยกระทรวงวัฒนธรรม (เมื่อ 11 ม.ค. 51)
· ประชุมหารือกับ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (คุณหญิงทิพาวดี) และผู้ที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนหนึ่ง เรื่องเกี่ยวกับ “โทรทัศน์สาธารณะ” (ได้แก่ Thai Public Broadcasting Service หรือ Thai PBS หรือ TPBS) ซึ่งได้มีพระราชบัญญัติรองรับ โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 15 เม.ย. 51 (เมื่อ 11 ม.ค. 51)
· ประชุมหารือคลี่คลายปัญหาความล่าช้าในการจัดการเรื่อง ที่ดินสำหรับประชาชน ที่จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งท่านนายกฯ ขอให้เร่งรัดให้แล้วเสร็จโดยเร็ว (เมื่อ 18 ม.ค. 51)
· เป็นประธานและกล่าวปาฐกถา ในพิธีปิดเวทีกลไกการมีส่วนร่วมของเด็ก เยาวชน และครอบครัว สู่วาระเด็กและเยาวชนปี 2551 (เมื่อ 20 ม.ค. 51)
· เป็นประธานและกล่าวปาฐกถาในพิธีเปิดการประชุมรัฐมนตรีท่องเที่ยวอาเซี่ยน (Asean Tourism Ministers หรือ “ATM”) ครั้งที่ 11 (เมื่อ 21 ม.ค. 51)
· เข้าร่วมในพิธีเปิดการประชุมรัฐสภา ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม (เมื่อ 21 ม.ค. 51)
· เป็นประธานนำคณะ(จากกระทรวงวัฒนธรรม) เข้าเฝ้าทูลเกล้าฯ ถวายแผ่นทองคำจารึกพระราชสมัญญา “พระบิดาแห่งการอนุรักษ์มรดกไทย” แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฏราชกุมาร ทรงเป็นผู้รับ ณ วังศุโขทัย (เมื่อ 23 ม.ค. 51)
· เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมคณะกรรมการอำนวยการโครงการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน และบรรยายพิเศษเรื่อง “นโยบายด้านสังคมต่อการพัฒนาศักยภาพของชุมชน” ที่ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย จัดโดยกระทรวงวัฒนธรรม (เมื่อ 24 ม.ค. 51)
· กล่าวปาฐกถาเรื่อง “ทิศทางข้างหน้าของสวัสดิการสังคมไทย” ในงานสัมมนาทางวิชาการเนื่องในวันสถาปนาคณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ครบรอบ 45 ปี ที่หอประชุมเล็ก (หอประชุมศรีบูรพา) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ (เมื่อ 25 ม.ค. 51)
· เป็นประธานและกล่าวปาฐกถาในพิธีปิดการประชุมสมัชชาคุณธรรมแห่งชาติ ครั้งที่ 3 ที่ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี (เมื่อ 26 ม.ค. 51)
· ร่วมสังสรรค์และรับประทานอาหารกลางวันกับกลุ่มศิษย์เก่าโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา รุ่น 21 (ต.อ. 21 ซึ่งเริ่มเข้าศึกษาในปี พ.ศ. 2501) (เมื่อ 27 ม.ค. 51)
· เป็นประธานในพิธีสงฆ์สมโภชน์ แผ่นศิลา “หลักจรรยาบรรณ พม.” ที่กระทรวง พม. (อาคารกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ) จัดโดยคณะผู้บริหารและข้าราชการ พม. (โดยมี รมช.พม. ร่วมอยู่ด้วย) (เมื่อ 28 ม.ค. 51)
· ร่วมประชุมและให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการเตรียมการขับเคลื่อนสภาองค์กรชุมชน (ซึ่งมีพระราชบัญญัติ สภาองค์กรชุมชน พ.ศ. 2551 รองรับ โดยได้ผ่านความเห็นชอบของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เมื่อ 28 พ.ย. 50 และอยู่ระหว่างรอลงในราชกิจจานุเบกษา เพื่อประกาศใช้เป็นกฎหมาย) ที่ห้องประชุมของสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) ถนนนวมินทร์ คลองจั่น เขตบางกะปิ (เมื่อ 28 ม.ค. 51)
· เป็นตัวแทนท่านนายกรัฐมนตรีไปเขียนบันทึกไว้อาลัยแด่ นายพลซูฮาร์โต อดีตประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ที่สถานทูตอินโดนีเซีย ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ (เมื่อ 28 ม.ค. 51)
· เข้าร่วมในพิธีเปิด “หอเกียรติภูมินายกรัฐมนตรี” ณ บ้านมนังคศิลา ดำเนินการโดย สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (เมื่อ 28 ม.ค. 51 ตอนบ่าย)
· ร่วมงาน “รวมพลังสร้างสรรค์ พม. เพื่อก้าวต่อไป” จัดโดย กระทรวง พม. ที่โรงแรมปริ๊นซ์พาเลซ โดยมีผู้บริหารกระทรวงและข้าราชการจากภูมิภาค จำนวนพอสมควรเข้าร่วมงาน ซึ่งผมและ รมช.พม. (นพ.พลเดช) ได้ใช้โอกาสนี้กล่าวชื่นชมการปฏิบัติหน้าที่ที่ดี ขอบคุณ และอำลาข้าราชการของกระทรวงทั้งหมดด้วย (เมื่อ 28 ม.ค. 51 ตอนค่ำ)
· บันทึกเทปโทรทัศน์ (1 นาที) กล่าวคำอวยพรให้กับชาวจีนในประเทศต่างๆ จัดทำโดยสถานีโทรทัศน์ NTDTV (โดยคุณไพศาล สุริยะวงศ์ไพศาล และคณะ) สำหรับออกอากาศไปทั่วโลกในโอกาสวันตรุษจีนปีนี้ (7ก.พ. 51)(บันทึกเทปที่ห้องทำงานผม เมื่อ 29 มกราคม 51)
· ประชุมคณะผู้ก่อตั้ง “มูลนิธิหัวใจอาสา” ซึ่งผมเป็นผู้ริเริ่มจัดตั้งขึ้น สำหรับเป็นฐานในการทำกิจกรรมเพื่อการพัฒนาสังคม ภายหลังจากที่ผมพ้นภารกิจการเป็นรัฐบาลไปแล้ว (ประชุมในห้องทำงานผม เมื่อ 29 ม.ค. 51)
· ประชุมอำลาผู้บริหารกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยมี รมช. (นพ.พลเดช) ร่วมด้วย และมีผู้บริหารตั้งแต่ระดับ 8 – 9 ขึ้นไป ซึ่งอยู่ในส่วนกลาง จำนวนประมาณ 70 คน เข้าร่วมประชุม ณ ห้อง ปกรณ์ อังศุสิงห์ กระทรวง พม. ใช้เวลาสนทนากัน 2 ชั่วโมงเต็ม แล้วผม หมอพลเดช และทีมงานได้ไปเคารพอำลาต่อรูปปั้นของผู้ก่อตั้งกรมประชาสงเคราะห์ (จอมพล ป.พิบูลสงคราม) พร้อมกับรูปปั้นของผู้มีคุณูปการต่อวงการประชาสงเคราะห์ (คุณปกรณ์ อังศุสิงห์) (ซึ่งขณะนี้มีแผ่นศิลา “หลักจรรยาบรรณ พม.” อยู่ตรงกลางระหว่างรูปปั้นทั้งสอง) ต่อศาลพระภูมิประจำกระทรวง ต่อพระประชาบดี (เทพประจำกระทรวง) ทั้งที่อยู่ในบริเวณลานกลางแจ้ง หน้ากระทรวง และที่อยู่บนชั้น 2 ของ “ตึกวัง” ต่อภาพถ่ายของ “เจ้าของวัง” (พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวุฒิไชยเฉลิมลาภ กรมหลวงสิงหวิกรมเกรียงไกร ซึ่งอยู่บนชั้น 3 ของ “ตึกวัง” และต่อ “ศาลกรมหลวงสิงหวิกรมเกรียงไกร” ซี่งอยู่หน้า “ตึกวัง” เป็นจุดสุดท้าย และเป็นการเสร็จสิ้นการอำลากระทรวง พม. อย่างเป็นพิธีการ
ในการนี้ ผมได้มอบหนังสือ “คู่มือมนุษย์” โดยท่านพุทธทาสภิกขุ ให้แก่ผู้บริหารที่มาร่วมประชุม และแก่ผู้สื่อข่าวประจำกระทรวง พม. ที่มาทำข่าว เพื่อแสดงความปรารถนาดีและเป็นของที่ระลึกประกอบการอำลาด้วย (เมื่อ 29 ม.ค. 51)
· ร่วมประชุมหารือเกี่ยวกับการจัดทำหลักสูตร “ประกาศนียบัตรผู้นำชุมชน” ของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ที่ห้องทำงานผม (เมื่อ 29 ม.ค. 51)
· ให้สัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่ของ “สถาบันอนาคตศึกษาเพื่อการพัฒนา (IFD) หัวข้อ “รัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล” ที่ห้องทำงานผม (เมื่อ 29 ม.ค. 51)
· ร่วมในงานพิธีมอบเงินรางวัล (จากกองทุนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ซึ่งผมเป็นประธาน) แก่นักกีฬาที่ชนะในการแข่งขันนานาชาติที่ผ่านมาแล้ว และยังมิได้มีการมอบเงินรางวัล ซึ่งรวมถึงการแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปด้วย โดยท่านนายกรัฐมนตรีเป็นประธานผู้มอบเงินรางวัล และมีการเลี้ยงอาหารค่ำแก่ผู้มาร่วมงานด้วย ณ ตึกสันติไมตรี (เมื่อ 29 ม.ค. 51 ตอนค่ำ)
· ทำพิธีเคารพอำลาสถานที่ทำงานอันได้แก่ “ทำเนียบรัฐบาล” โดยการสักการะศาลพระพรหม ซึ่งอยู่บนหลังคาของตึกไทยคู่ฟ้า (“บ้านนรสิงห์” เดิม) และ “ศาลพระภูมิเจ้าที่” ประจำทำเนียบรัฐบาล โดยมีทีมงาน (ที่มาช่วยงานผมและมาจากภายนอกทำเนียบรัฐบาล) เข้าร่วมในการเคารพอำลาครั้งนี้ด้วย (เมื่อ 30 ม.ค. 51 ตอนกลางวัน)
ในการนี้ ได้มีผู้สื่อข่าวจำนวนหนึ่งมาทำข่าว (ทั้งโทรทัศน์ วิทยุ และหนังสือพิมพ์) โดยผมได้ให้สัมภาษณ์ กล่าวคำอำลา และมอบหนังสือ “คู่มือมนุษย์” (โดยท่านพุทธทาสภิกขุ) เพื่อแสดงความปรารถนาดีและเป็นที่ระลึกแก่ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาลทุกคน (ไปฝากไว้ที่ “รังนักข่าว” ทั้ง 2 รัง สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้รับ)
· เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินในพิธีพระราชทานรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2550 ของมูลนิธิสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดลในพระบรมราชูปถัมภ์ ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม (เมื่อ 30 ม.ค. 51 ตอนบ่าย)
· ร่วมงานพระราชทานเลี้ยงอาหารค่ำผู้ที่ได้รับพระราชทานรางวัล สมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล ประจำปี 2550 ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงเป็นเจ้าภาพ ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม (เมื่อ 30 ม.ค. 51 ตอนค่ำ)
· เป็นวิทยากรบรรยายพิเศษ เรื่อง “แนวคิดเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน” ในโครงการสัมมนาซึ่งจัดโดย สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่โรงแรมใบหยกสกาย ประตูน้ำ (เมื่อ 31 ม.ค. 51)
· พบสนทนาและอำลาผู้บริหารจำนวนหนึ่ง ของสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและของสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ห้องทำงานผม (เมื่อ 31 ม.ค. 51)
· เป็นประธานในพิธีและสักขีพยานรวมถึงกล่าวแสดงความเห็นในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือก่อตั้ง “สภาความร่วมมือเครือข่ายความปลอดภัยด้านอาหาร” ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ชั้น 3 (เป็นความร่วมมือระหว่าง 19 หน่วยงาน ประกอบด้วย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณะสุข สสส. ธกส. เป็นต้น) (เมื่อ 31 ม.ค. 51)
· ไปร่วมประชุมคณะกรรมการสถาบัน ป๋วย อึ๊งภากรณ์ มูลนิธิอาจารย์ป๋วย ณ ห้องสโมสรปัญญา ดำหนักใหญ่ วังเทวะเวศม์ ธนาคารแห่งประเทศไทย บางขุนพรหม (ต้องทำหน้าที่ประธานการประชุม เนื่องจาก มรว.ปรีดิยาธร เทวกุล ประธานตัวจริง ไม่สามารถมาประชุมได้) (เมื่อ 31 ม.ค. 51 ตอนเย็น - ค่ำ)
· ไปร่วมกับคณะผู้บริหารสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) และผู้นำชุมชนที่ขับเคลื่อนเรื่อง “สภาองค์กรชุมชน” ในการไปเยี่ยมสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้สื่อข่าวของเครือ “มติชน” ที่สำนักงานหนังสือพิมพ์มติชน โดยสนทนาเกี่ยวกับเรื่อง “สภาองค์กรชุมชน” และอื่นๆ (เมื่อ 1 ก.พ. 51 ตอนกลางวัน)
· ไปร่วมหารือเกี่ยวกับ “ทิศทางและยุทธศาสตร์การจัดการทางสังคม” ซึ่งเป็นการขอหารือโดยผู้บริหารของ “วิทยาลัยการจัดการทางสังคม (วจส.)” ที่ห้องประชุม สสส. อาคารเอสเอ็มทาวเวอร์ (เมื่อ 1 ก.พ. 51 ตอนบ่าย)
· ร่วมสังสรรค์ขอบคุณและอำลาคณะทำงานของรองนายกรัฐมนตรี(ไพบูลย์ ฯ) ที่ร้านอาหาร “พึงชม” ซอยอารีย์สัมพันธ์ ถนนพหลโยธิน โดยผมได้มอบหนังสือ “คู่มือมนุษย์” ให้กับทุกคนเป็นที่ระลึกด้วย (เมื่อ 1 ก.พ. 51 ตอนค่ำ)
(ก่อนไปร้านอาหาร “พึงชม” ได้แวะไปที่ร้านอาหาร “รถเสบียง” ซึ่งไม่ไกลกันเพื่อกล่าวขอบคุณ อำลา และมอบหนังสือ “คู่มือมนุษย์” แก่คณะทำงานของ รมช.พม. (นพ.พลเดช) ซึ่งถือว่าเป็นคณะทำงานที่ช่วยงาน รมว.พม. ด้วย)
· เป็นประธานและกล่าวปาฐกถาในพิธีมอบ “รางวัลสภาวิจัยแห่งชาติ” ซึ่งประกอบด้วย รางวัลนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ รางวัลผลงานวิจัย รางวัลวิทยานิพนธ์ ประจำปี 2550 และรางวัลผลงานประดิษฐ์คิดค้น ประจำปี 2551 รวมผู้รับรางวัลทั้งหมด 70 คน ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี (เมื่อ 2 ก.พ. 51 ตอนเช้า แล้วรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันกับผู้บริหารสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และผู้ได้รับรางวัลทั้งหมด โดยมีการกล่าวขอบคุณและอำลากันด้วย)
· เป็นผู้กราบบังคมทูลรายงานต่อองค์ประธาน คือ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในพิธีเปิดนิทรรศการงาน “วันนักประดิษฐ์” และ “วันนักประดิษฐ์นานาชาติ” ครั้งที่1 (The First International Inventor's Day Convention - The 1st IIDC) ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี (เมื่อ 2 ก.พ. 51 ตอนเย็น และได้ตามเสด็จทรงเยี่ยมทอดพระเนตรนิทรรศการในจุดต่างๆ อยู่ประมาณ 1.5 ชม. จนเสด็จพระราชดำเนินกลับ เมื่อประมาณ 19.00 น.)
· เป็นประธานการประชุม “คณะที่ปรึกษาสถาบันธุรกิจเพื่อสังคม” ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (เมื่อ 4 ก.พ. 51)
· ร่วมงานสังสรรค์อำลาของคณะรัฐมนตรี พร้อมคู่สมรส เลขานุการ และที่ปรึกษาโดยการล่องเรือ “อังสนา” ของกองทัพเรือ (เมื่อ 4 ก.พ. 51 ตอนค่ำ)
· แวะไปทำเนียบรัฐบาลเป็นครั้งสุดท้าย ที่ยังอยู่ในตำแหน่ง “รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นตงของมนุษย์” เนื่องจากมีเอกสาร 2 เรื่อง ที่เจ้าหน้าที่แจ้งว่าสมควรไปลงนามและเขียนข้อความให้ (เมื่อ 5 ก.พ. 51 ตอนบ่าย)
วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2551 เวลาบ่าย ได้มี พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรี จนครบคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลใหม่ และคณะรัฐมนตรีของรัฐบาลใหม่ (ซึ่งมีคุณสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี) ได้เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน ต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในเวลาประมาณ 16.30 น. ของวันเดียวกัน
รัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ซึ่งผมรวมอยู่ด้วย จึงหมดวาระและหมดภารกิจอย่างสมบูรณ์ ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2551 นี้
ไชโย
พ่อเราว่างซะที
เผื่อจะไปเยี่ยมเราบ้าง
เราจะสวม "หัวใจอาสา" ให้ขี่หลัง พาเที่ยวชมสวนผักในศูนย์ป๋วยฯ
ซึ่งเราแอบชิมไปบ้างบางแปลงแล้ว อะหย่อย รับรองปลอดสารพิษ
เรามีส่วนร่วมในการผลิตปุ๋ยด้วยกั๊บ
ขอให้อาจารย์มีสุขภาพที่แข็งแรง เป็นพลังทางความคิดของพวกเราต่อๆไปค่ะ
วันที่ 18 กพ.จะนัดคุยกับทีม พอช.และอาจารย์ภีม เรื่องหลักเกณฑ์รางวัลสวัสดิการชุมชนของสถาบันป๋วยค่ะ มีความคืบหน้าอย่างไรจะเขียนในบล็อกเพื่อแลกเปลี่ยนกับสมาชิก G2K ด้วยค่ะ
จากสภาพเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบันที่กำลังเสื่อมทรามและเลวร้ายลงไปทุกที สาเหตุอันสำคัญที่จะปฏิเสธไม่ได้นั้นก็อันเนื่องมาจากการที่เรามีนักการเมืองที่ขาด “คุณธรรม”
ในสภาพปัจจุบันที่ “การเมืองนำสังคม” คุณธรรมและจริยธรรมของนักการเมืองหรือบุคคลที่เข้ามาทำงานการเมืองจึงเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่และสำคัญ เพราะคุณธรรมและจริยธรรมจะเป็นแรงผลักดันที่จะเกื้อหนุนและนำพาสังคมไทยนี้นั้นว่าจะดำเนินไปในทางใด
ปรากฏการณ์จริงที่เกิดขึ้นของสังคมที่เสื่อมทราม เลวร้ายอย่างไม่น่าเชื่อว่านี่คือ “สังคมไทย” ปรากฏการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นมาจากนักการเมืองของไทยเรานั้น “ไม่แน่นในศาสนาและขาดศรัทธาในการปฏิบัติให้ถึงแก่นของศาสนาโดยแท้จริง”
ซึ่งเหตุการณ์ที่สำคัญอันสะท้อนให้เห็นถึงอุปนิสัยหรือธาตุแท้ของนักการเมืองไทยเหล่านี้ก็คงหนีไม่พ้นการขัดขวาง กีดกันคลื่นมหาชน กำลังของพุทธศาสนิกชนที่ต้องการให้มีการบรรจุพระพุทธศาสนาให้เป็นศาสนาประจำชาติไทย
การออกมาโต้แย้งอย่างเสียงแข็งของนักวิชาการบางคนซึ่งมีเบื้องหลังอันถูกผลักและดันโดยนักการเมืองที่ไร้ซึ่งคุณธรรมประจำใจ เป็นบุคคลที่มิเคยได้น้อมนำเอาหลักธรรมของศาสนามาปฏิบัติ ได้กัดกันอย่างเด่นชัดในทุกวิถีทาง ไม่ว่าจะเป็นทั้งในส่วนกลางหรือส่วนภูมิภาค
สมาชิกสภาร่างรัฐธรรม หรือ สสร. ก็ไม่วาย คณะกรรมการวิสามัญรับฟังความคิดเห็นในแต่ละจังหวัดก็ไม่เว้น เอนเอียง เอาหูไปนา เอาตาไปไร่ ไม่สนใจเรียกของพี่น้องประชาชน มุ่งฟังแต่สิ่งที่นักการเมืองผู้อยู่เบื้องหลังว่าจะจูงจมูกไปในทางใด
พฤติกรรมที่ขาดศีลธรรมและขัดต่อหลักการประชาธิปไตยเช่นนี้ยังไม่หยุดอยู่แค่เพียงนั้น การผ่องถ่าย สานต่อ และสืบทอดอำนาจเผด็จการที่กลืนกินระบบประชาธิปไตย กำลังคืบคลานเข้าสู่การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาหรือ ส.ว.ที่จะมีมาถึงในใกล้นี้ พวกท่าน ๆ ทั้งหลายเหล่านั้น ทั้ง สสร. และคณะกรรมวิสามัญในแต่ละจังหวัดที่ใช้สถานการณ์ขัดขวางพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติจนมีชื่อเสียงโด่งดังใช้ความได้เปรียบนั้นเพื่อช่วงชิงเก้าอี้ในวุฒิสภาอันทรงเกียรติ จนกลายเป็นเนื้องอกหรือมารของระบบและระบอบ อันเป็นต้นเหตุแห่งความล่มสลายของชาติและความเลวร้ายของสังคม
ดังนั้นการเลือกตั้งสภาชิกวุฒิสภาหรือ ส.ว.ทั้ง 76 นี้ ขอกราบวิงวอนพี่น้องชาวไทยพิจารณากันให้ถ้วนถี่ว่าในจังหวัดของท่านมีนักการเมืองที่ไร้ซึ่งคุณธรรมเหล่านี้นั้นลงสมัครบ้างหรือไม่
ถ้ามีขอให้ทุกท่าน “ตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม” อย่าเลือกพวกมือถือสากปากถือศีลเหล่านี้เข้ามาในสภา มีเพื่อนบอกเพื่อน มีน้องบอกน้อง มีญาติต้องบอกญาติ ว่าคนเหล่านี้นี่เองที่เป็นบุคคลต้นเหตุอันสำคัญที่นำพาสังคมไทยล่มสลายและเลวร้ายเฉกเช่นในปัจจุบัน
ศีลธรรมเบื้องต้นพื้นฐานของชีวิตยังไม่มีแล้วชาตินี้เขาจะมาเป็นตัวแทนที่ดีของเราได้อย่างไร
นักการเมือง นักธุรกิจที่ไร้ซึ่งคุณธรรม ก็มิได้ต่างอะไรกับหนอนที่วัน ๆ หนึ่งทำตัวเกลือกกลั้วอยู่ในขยะที่เน่าเหม็น มุ่ง จ้อง แต่ที่จะหาผลประโยชน์เข้าใส่ตัว โดยมิได้คำนึงถึงความสงบสุขที่จำต้องมีแก่ประชาชนโดยทั่วไปอย่างแท้จริง
พฤติกรรมแบบจิ้งจกเปลี่ยนสี หรือจะเป็นผู้ดีแบบมีหาง ปากก็บอกว่าอาสาจะมารับใช้ประชาชน แต่ตัวตนที่แท้หวังเพียงแค่ผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนตน โกงชาติ ทำลายศาสนา พี่น้องคนไทยที่รักทั้งหลายเราจะเลือกอสูรกายในคราบมนุษย์ร้ายเข้ามาเป็นตัวแทนของเราเองหรืออย่างไร
กำหนดชีวิตด้วยปลายนิ้วของท่านเอง
เลือกตั้ง ส.ว. คราวนี้ เลือกคนดี มีศีลธรรม คุณธรรม และจริยธรรม เข้ามาบริหารประเทศไทยของเรานั้นให้กลับมามีความสุข งดงาม เศรษฐกิจก้าวหน้า ประชาชนเข้มแข็ง สังคมแข็งแรง ต้องเลือกคนดีมี “คุณธรรม” เข้าสภา
เลือกตั้ง ส.ว.คราวนี้ ฝากท่านอดีตรัฐมนตรีดูแลอย่างใส่ใจด้วยครับ
ขอกราบขอบพระคุณล่วงหน้าครับ