วันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๕๑ เป็นวันครบรอบ ๖๐ปีของการถึงแก่อสัญกรรมของท่านมหาตมา คานธี "บิดาของอินเดีย" ที่เป็นผู้นำการต่อสู้แบบสันติวิธี หรืออหิงสธรรม หรือ สัตยาเคราะห์จนประเทศอินเดียได้เอกราชจากอังกฤษ ผู้เขียนจึงขอประมวลประวัติความเป็นมาของท่านที่สำคัญๆ มานำเสนอให้ผู้อ่านรุ่นเยาว์ที่ไม่เคยได้ยินชื่อท่านผู้นี้ (ซึ่งเป็นชาวเอเชียด้วยกัน) ได้รู้จักท่านและแนวทางการดำเนินชีวิตของท่านซึ่งหาได้ยากในโลกยุคนี้เพื่อน้อมคารวะแด่ท่านคานธีในโอกาสนี้ด้วย
ประมวลเหตุการณ์สำคัญในชีวิตของมหาตมา คานธี
(มหา + อาตมา = ผู้มีจิตใจสูง เป็นสมัญญาที่ชาวอินเดียมอบให้)
ค.ศ.
๑๘๖๙ เกิดที่เมืองโปร์พันทรในแคว้นคุชราต ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ ๒ ตุลาคม
๑๘๗๖ ปฐมศึกษาในรัฐราชโกฏิ หมั้นกับกัสตูร์บาอี
๑๘๘๓ แต่งงานกับกัสตูร์บาอี
๑๘๘๕ บิดาถึงแก่กรรม
๑๘๘๗ ผ่านการสอบชั้นมัธยมบริบูรณ์ เข้าเรียนต่อในวิทยาลัยสันวัลทาส
ที่เมืองภวะนคร
๑๘๘๘ เดินทางไปประเทศอังกฤษเมื่อวันที่ ๔ กันยายน เพื่อศึกษากฎหมาย
๑๘๘๙ พูดในที่สาธารณะเป็นครั้งแรกในประเทศอังกฤษต่อที่ประชุมนักมังสวิรัติ
๑๘๙๑ เป็นเนติบัณฑิต เมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน โดยสารเรือกลับประเทศอินเดีย
ถึงนครบอมเบย์
วันที่ ๗ กรกฎาคม พอถึงก็ได้ทราบข่าวมรณกรรมของมารดา
๑๘๙๒ เริ่มประกอบอาชีพทางกฎหมายในรัฐราชโกฏิและนครบอมเบย์
๑๘๙๓ เดินทางไปแอฟริกาใต้ในเดือนเมษายนเพื่อว่าความในคดีแพ่ง
๑๘๙๔ คดีตกลงกันได้ด้วยการประนีประนอม
๑๘๙๕ เข้าเป็นทนายความในศาลสูงเมืองนาตาล ก่อตั้งพรรคคองเกรสอินเดีย
แห่งนาตาล
๑๘๙๖ กลับประเทศอินเดียจากแอฟริกาใต้ อยู่ในอินเดีย ๖ เดือน ระหว่างนี้ได้พบ
กับผู้นำของอินเดียมีดิลก โคขเล และผู้นำคนอื่นๆ กลับไปแอฟริกาใต้อีก
เมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน
๑๘๙๗ มีการเดินขบวนต่อต้านคานธีในเมืองเดอร์บัน อันเป็นจุดเริ่มต้นของการ
เปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงในชีวิตของคานธี
๑๘๙๙ ช่วยฝ่ายอังกฤษพยาบาลทหารที่ได้รับบาดเจ็บในสงครามโบเออะ
๑๙๐๑ กลับประเทศอินเดีย จัดตั้งหน่วยบริการสาธารณสุขในเขตที่กาฬโรคระบาด
ในรัฐราชโกฏิ เข้าร่วมประชุมพรรคคองเกรสแห่งชาติ ณ เมืองกัลกัตตา
๑๙๐๒ ไปประเทศพม่า เริ่มเดินทางโดยรถไฟชั้นที่ ๓ (คานธีเดินทางโดยรถไฟ
ชั้นที่ ๓ เป็นประจำ) เปิดสำนักงานทนายความในนครบอมเบย์ในเดือน
กรกฎาคม กลับไปแอฟริกาใต้อีกหลังจากไดอยู่ในอินเดียประมาณ ๓ เดือน
๑๙๐๓ ก่อตั้งสมาคมอินเดียอังกฤษแห่งนครทรานสวาล เริ่มออกวารสาร
INDIAN OPINION
๑๙๐๔ เริ่มศึกษาคัมภีร์ ภควัทคีตา และหนังสือ UNTO THIS LAST ของ RUSKIN
ซึ่งก่อให้เกิดการปฏิรูปอย่างใหญ่หลวงในชีวิต ก่อตั้งอาศรมฟินิกซ์
๑๙๐๖ เกิดขบถซูลู ช่วยผู้ได้รับบาดเจ็บในการขบถ ตั้งปณิธานประพฤติ
พรหมจรรย์ บัญญัติคำว่า “สัตยาเคราะห์” (Satyagraha) ขึ้นใช้เป็น
ครั้งแรก ไปประเทศอังกฤษในฐานะสมาชิกคนหนึ่งในคณะผู้แทนอินเดีย
๑๙๐๗ เริ่มปฏิบัติการสัตยาเคราะห์ต่อต้าน “กฎหมายทมิฬ” (BLACK ACT)
๑๙๐๘ ลงนามความตกลงชั่วคราวกับอังกฤษถูกประทุษร้ายโดยชาวปาทาน
ปฏิบัติการสัตยาเคราะห์อีก ถูกจับกุมคุมขัง
๑๙๐๙ เขียนจดหมายติดต่อกับลีโอ ตอลสตอย เป็นครั้งแรก ไปประเทศอังกฤษ
ฐานะสมาชิกคนหนึ่งในคณะผู้แทนอินเดียครั้งที่ ๒ ระหว่างเดินทางกลับ
จากประเทศอังกฤษ แต่งหนังสือเรื่อง ฮินดฺสฺวราช (อินเดียปกครองตนเอง)
๑๙๑๐ ก่อตั้งฟาร์มตอลสตอยในเมืองโจฮันเนสเบอร์ก
๑๙๑๒ นายโคขเล (ผู้นำคนสำคัญคนหนึ่งของอินเดีย) ไปเยี่ยมแอฟริกาใต้
พิมพ์หนังสือชื่อ นิติธรรม แต่งหนังสืออีกเล่มหนึ่งว่าด้วยการบำบัดโรค
โดยธรรมชาติ
๑๙๑๓ ปฏิบัติการสัตยาเคราะห์อีก ถูกจับและได้รับการปล่อยตัว อดอาหาร
๗ วัน และหลังจากนั้นรับประทานอาหารวันละมื้อเป็นเวลา ๔ เดือนครึ่ง
๑๙๑๔ อดอาหาร ๑๔ วัน ปฏิบัติการสัตยาเคราะห์ ประสบผลสำเร็จมีการ
รอมชอมกัน (ระหว่างอังกฤษกับอินเดีย) ไปประเทศอังกฤษเมื่อ
วันที่ ๑๘ กรกฎาคม สงครามโลกครั้งที่ ๑ ปะทุขึ้นเมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม
พบปะกับนางสโรชินี นายฑู (สตรีผู้นำของอินเดีย) ช่วยอังกฤษทำสงคราม
๑๙๑๕ ได้รับเหรียญเกียรติคุณ “ไกสเร ฮินฺด” จากรัฐบาลอังกฤษ เมื่อเดินทางกลับ
ถึงประเทศอินเดีย เดินทางเพื่อการเรียนรู้อย่างกว้างไกลในอินเดีย พบปะ
กับนายกากา กาเลนกะระ และอาจารย์กฤปลานี (ทั้งสองคนเป็นผู้นำของ
อินเดีย) ก่อตั้งอาศรมสาพรมตี เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม
๑๙๑๖ แสดงสุนทรพจน์ประวัติศาสตร์ในโอกาสเปิดสถาบันการศึกษา ”กาศี
วิศววิทยาลัย” พบกับยวาหระลาล เนห์รูเป็นครั้งแรก ในการประชุมพรรค
คองเกรสแห่งชาติที่เมืองลักเนาว์
๑๙๑๗ พบกับดร.ราเชนทรประสาทเป็นครั้งแรก เริ่มปฏิบัติการสัตยาเคราะห์
กรณีไร่ครามในเมืองจมปารัน เมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ต่อสู้จนมีการยกเลิก
กฎหมายว่าจ้างแรงงานโดยมีสัญญาผูกมัดเมื่อวันที่ ๓๑ พฤษภาคม
๑๙๑๘ กรรมกรโรงงานทอผ้าในเมืองอาหเมดาบาด ผละงาน
อดอาหาร ๓ วัน ปฏิบัติการสัตยาเคราะห์ที่เมืองเขทา ฟื้นฟูการปั่นด้าย
ด้วยมือ
๑๙๑๙ รัฐบาลประกาศใช้กฎหมายเราแลตต์ (Rowlett Act) ประกาศ ๖ เมษายน
เป็นวันสวดมนต์ไหว้พระและอดอาหาร เกิดการสังหารฝูงชน
ชลียาวาลาบาฆเมื่อวันที่ ๑๓ เมษายน ออกวารสาร YOUN INDIA
(ยุวอินเดีย) และ NAVAJIVAN (ชีวัน-ชีวิตใหม่) เริ่มการเคลื่อนไหว
“ขิลาฟัต” ประชุมพรรคคองเกรสที่เมืองอมฤตสระ
๑๙๒๐ เขียนธรรมนูญให้พรรคคองเกรสแห่งชาติ เริ่มขบวนการไม่ร่วมมือกับรัฐบาล
๑๙๒๑ ก่อตั้งสถาบันการศึกษาชาตินิยมหลายแห่งทั่วประเทศอินเดีย ไม่ร่วมมือ
กับรัฐบาลในการต้อนรับมกุฎราชกุมารของอังกฤษซึ่งเสด็จประพาสอินเดีย
อดอาหาร ๕ วัน
๑๙๒๒ เกิดการขบถเจารี-เจารา เมื่อวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ยับยั้งปฏิบัติ
การสัตยาเคราะห์ อดอาหาร ๕ วัน ถูกจับเมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม
ศาลพิพากษาลงโทษจำคุก ๖ ปี
๑๙๒๔ ผ่าตัดไส้ติ่ง ได้รับการปล่อยตัวจากที่คุมขังเมื่อวันที่ ๕ กุมภาพันธ์
อดอาหาร ๒๑ วัน ตั้งแต่วันที่ ๒๔ กันยายน เพื่อเรียกร้องความสามัคคี
ระหว่างฮินดูกับมุสลิม เป็นประธานการประชุมพรรคคองเกรสแห่งชาติที่
เมืองเบลคาม
(ยังมีต่อ)
(กรุณา-เรืองอุไร กุศลาสัย แปล ข้าพเจ้าทดลองความจริง อัตชีวประวัติของมหาตมา คานธี (The Story of my Experiments with Truth- written by Mahatma Gandhi) กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์มูลนิธิโกมลคีมทอง ๒๕๓๘ หน้า ๗๓๕-๗๓๙)
อาจารย์โสภนาครับ
ถูกใจครับเพราะกำลังอ่านเรื่องท่านทหาตม คานธีเหมือนกัน ซึ่งมีหนังสือให้อ่านเยอะ
รวมทั้งของท่านระพินนาถ ถากอร์ซึ่งยิ่งใหญ่มาก
ขอบตุณครับ
เรียน คุณพลเดช ที่เคารพ
ดิฉันนำเสนอช้าไปเล็กน้อยเพราะช่วงวันดังกล่าวไม่อยู่ แต่เนื่องจากมีข้อมูลที่เตรียมงานสัมมนาพิเศษเกี่ยวกับมหาตมา คานธี วันที่ 4 กพ. 2551 ที่สถาบันฯ จะจัดจึงอยากแบ่งปันข้อมูลให้ท่านผู้อ่านที่ไม่ได้มาร่วมงานได้ทราบ เพราะเชื่อแน่ว่าเยาวชนไทยจำนวนมากรู้จักนักร้องเกาหลี ญี่ปุ่นดีกว่ารู้จักวีรบุรุษของโลกโดยเฉพะท่านที่เป็นชาวเอเชีย อย่างมหาตมา คานธี วิถีชีวิตท่านน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตของคนไทยหากได้ศึกษาให้ละเอียดนะคะ
ขอบพระคุณค่ะ