ที่มา : Forwarded Mail
รู้ไว้ใช่ว่า รู้ทัน เลี่ยงภัยที่อาจจะมาโดยไม่ตั้งตัว สละเวลาอ่านสักนิดนะคะ
**********************************************************************************************
การแอบอ้างกรมสรรพากรเพื่อหลอกลวงบุคคล และผู้เสียภาษี การแอบอ้างกรณีที่ 1
แอบอ้างชื่อกรมสรรพากร ผู้บริหารกรม ข้าราชการกรม เพื่อให้ช่วยบริจาค ซื้อสินค้าเพื่อการกุศลรูปแบบ :
1. ออกหนังสือแจ้งโดยใช้หัวกระดาษตรากรมสรรพากร
2. แจ้งว่ากรมฯ มีโครงการให้ทุนการศึกษา ไถ่ชีวิตโค-กระบือ สนับสนุนสินค้าเพื่อการกุศล
3. ติดต่อผู้ประกอบการทางโทรศัพท์
4. เร่งรัด และกดดันผู้ประกอบการให้พิจารณา หลายกรณีข่มขู่ให้ช่วย
5. ให้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นบัญชีบุคคล ซึ่งมักเป็นบุคคลที่ต้องโทษจำคุก หรือเป็นคนตาย 6. คนร้ายมักจะกดเงินทาง ATM ทันทีที่ได้รับเงินโอน หรือมีการแจ้งจากผู้เสียหายว่าโอนเงินแล้ว
ผลการดำเนินการที่ผ่านมา กรมฯ ได้สืบสวน และแจ้งตำรวจจับกุมได้ 1 กลุ่ม ที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยดำเนินคดีทางศาลมีผลเป็นที่สุดแล้วจำคุก 3 คน
สถานการณ์ในปัจจุบัน ยังคงมีผู้ดำเนินการอยู่ โดยให้ระวังการติดต่อ หรือการมีส่วนเกี่ยวข้องของบุคคลรายชื่อเหล่านี้เป็นพิเศษ และให้ทราบว่าเป็นการหลอกลวง อย่าได้หลงเชื่อเป็นอันขาด1. นายธีรยุทธ์2. นายกฤต พลเส....3. กมลวรรณ4. ศ.ดร.นคร ร่วมค....5. ชีวนัย ฉา..บุญครอ......6. ศ.ดร. ต้อย บัวสว่า...7. อำพร8. อาจารย์ศักดิ์ กาญ..นทรัพ.......9. ธรรมนูญ เปี่..มประยู... (บางครั้ง อ้างว่าเป็น พ.ต.ท.)
การแอบอ้างกรณีที่ 2 แอบอ้างการแจ้งคืนภาษีผ่านบัญชีธนาคาร และโอนเงินเข้าบัญชีทาง ATMรูปแบบ : 1. โทรศัพท์ถึงบุคคล (ระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่) โดยมีรายละเอียดชื่อที่อยู่ของบุคคลที่ติดต่อ
2. แจ้งหลักการและเหตุผลที่กรมฯ จะดำเนินการคืนภาษีที่ตรวจพบว่ายื่นผิดพลาดเข้าบัญชีธนาคาร
3. หากผู้เสียหายไม่เชื่อ หรือต้องการพิสูจน์ จะมีการทำระบบให้โทรศัพท์โชว์เบอร์เป็นเบอร์กลางกระทรวงการคลัง หรือหน่วยงานของกรมสรรพากร (ระบบตอบรับอัตโนมัติ) เพื่อให้ตรวจสอบย้อนกลับได้
4. มีการให้ผู้เสียหายแจ้งเบอร์บัญชี และมักจะสอบถามถึงยอดคงเหลือในบัญชี
5. ให้ผู้เสียหาย ทำกระบวนการรับเงินคืนภาษีผ่านบัญชีธนาคารทางระบบ ATM โดยให้ดำเนินการผ่าน Menu ภาษาอังกฤษ และให้ตามขั้นตอนที่บอกกล่าว
6. ให้กดตัวเลขยอดบัญชีที่เหลืออยู่ โดยอ้างว่าเป็นการรับรองตัวเลขเงินฝากในบัญชี และจะได้ทราบถึงยอดภาษี ที่จะทำการโอนเงินให้
7. แจ้งยอดบัญชีที่ต้องการให้โอน โดยอ้างว่าเป็นบัญชีคืนภาษีที่กรมสรรพากรจะตัดโอนเงินให้
8. ให้ดำเนินการกด Confirm ตัวเลข และรอรับเงินโอน แต่กระบวนการดังกล่าวในทางปฏิบัติจริงคือ การโอนเงินในบัญชีทั้งจำนวนให้ผู้แอบอ้าง
ผลการดำเนินการที่ผ่านมา
1. กรมฯ ตรวจสอบย้อนกลับไปยังหมายเลขโทรศัพท์ พบเป็นการ Set ระบบและติดต่อผ่านเครือข่าย Internet ไม่ใช่เบอร์ระบบโทรศัพท์ปกติ ในหลายครั้งพบเป็นการโทรจากต่างประเทศ (จีน) ในลักษณะเก็บเงินปลายทาง
2. ประสานงานกับ DSI และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อดำเนินการในเรื่องดังกล่าวแล้ว ซึ่งจับกุมและเข้าสู่การดำเนินคดีแล้ว 2 กลุ่ม พบเป็นชาวต่างด้าว (ชาวจีน) ถึง 6 คนใน 10 คนที่จับได้ และขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างการสอบสวนขยายผล
สถานการณ์ในปัจจุบัน ยังคงมีมิจฉาชีพดำเนินการอยู่ และมีการพัฒนารูปแบบซับซ้อนขึ้นหลังจากเครือข่ายบางส่วนถูกจับไปแล้ว
การแอบอ้างกรณีที่ 3แอบอ้างชื่อกรมสรรพากร ผู้บริหารกรม ข้าราชการกรม เพื่อให้ช่วยบริจาค ซื้อสินค้าเพื่อการกุศลจากองค์กรสาธารณกุศลจริง และองค์กรเถื่อนที่ไม่ทราบว่าการบริจาคนั้นจะเป็นการกุศลหรือสาธารณประโยชน์จริงหรือไม่ รูปแบบ :
1. โทรศัพท์ถึงผู้บริหารนิติบุคคล (ระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่)
2. แจ้งโครงการขององค์กรสาธารณกุศล/สาธารณประโยชน์ พร้อมสื่อที่จะให้บริจาคหรือกิจกรรมที่จะขอสนับสนุน
3. มีบุคคลที่มีน้ำเสียงดูเหมือนผู้ใหญ่ในวงราชการ อ้างตนเองว่าเป็นรองอธิบดีกรมสรรพากร สรรพากรภาค เลขานุการกรม หรือหัวหน้าฝ่ายบริหารทั่วไป
4. พูดจาขอร้องแกมบังคับให้ช่วยสนับสนุน พร้อมเร่งรัดให้ดำเนินการ
5. หากตกลงจะมีเจ้าหน้าที่ประสานงานเพื่อขอรับเงินสนับสนุน เช็คธนาคาร หรือการจ่ายชำระในลักษณะอื่น
6. เมื่อได้รับไม่มีการออกหลักฐานใดๆ ตามที่กล่าวอ้าง หากเป็นเช็คธนาคารหรือตราสารทางการเงินอื่น จะรีบนำไปขึ้นเงินทันทีโดยไม่ผ่านเข้าบัญชีของผู้หนึ่งผู้ใด
ผลการดำเนินการที่ผ่านมา ยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น เนื่องจากเพิ่งตรวจพบความเคลื่อนไหวในลักษณะนี้ ดังนั้น หากท่านได้รับการติดต่อจาก มูลนิธิ หน่วยงานการศึกษาพิเศษ หรือองค์กรที่เกี่ยวข้องกับชาวเขา และมีชื่อที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ใคร่ขอให้ท่าน
(1) ขอให้ตรวจสอบองค์กรที่ติดต่อท่านโดยด่วนก่อนให้การสนับสนุน
(2) โปรดรับทราบว่ากรมสรรพากรและผู้บริหารของกรมสรรพากรไม่เคยมีการติดต่อหรือช่วยสนับสนุนองค์กรใดๆ เป็นพิเศษลักษณะนี้ อย่างแน่นอน
ข้อสังเกต
1. ทั้ง 3 กลุ่ม จะให้จ่ายเงินเข้าบัญชี โอนเงิน หรือให้ระบุผู้รับเงินตามเช็ค เป็นชื่อบุคคล ซึ่งผิดวิสัยที่หน่วยราชการเช่นกรมสรรพากรจะดำเนินการจริง
2. มักจะใช้ระบบข่มขู่ โดยอาศัยความกลัวหรือเกรงใจของท่านทำงานให้ได้ผล ซึ่งทำให้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่กรมสรรพากรเกิดความเสียหาย
3. การโทรศัพท์มักจะติดต่อผ่านเป็นเบอร์มือถือ ทั้ง ๆ ที่สำนักงานของกรมฯ มีโทรศัพท์สำนักงานอย่างเหลือเฟือ ให้สงสัยไว้ว่าคงไม่มีใครทำงานทุ่มเทถึงขั้นใช้มือถือติดต่องานในหน้าที่ลักษณะนั้นแน่
4. การใช้โทรศัพท์สำนักงานกรมสรรพากร (อาจเรียกตามเอกชนว่าสำนักงานใหญ่ก็ได้) จะใช้เบอร์ที่ขึ้นต้นว่า 617...... หรือ 272....... ดังนั้น หากเป็นโทรศัพท์ในลักษณะดังกล่าวที่ผู้พูดกล่าวอ้างตนเองว่าเป็นผู้บริหารจะไม่ขึ้นต้นด้วยเบอร์เหล่านี้
5. เบอร์กลางกรมสรรพากร โทร. 02 617 3000 ได้ระงับการใช้ไปหลายปีแล้ว หากยังมีเบอร์ติดต่อนี้อยู่แล้วโทรไปเป็นระบบตอบรับอัตโนมัติ ขอให้ท่านเชื่อได้เลยว่ากำลังจะถูกหลอก
6. หากพลาดไปแล้ว ให้แจ้งความ ณ สถานีตำรวจใกล้บ้านท่าน โดยนำหลักฐานการโอนเงิน ต้นขั้วเช็ค ข้อมูลการติดต่อโทรศัพท์มือถือ หรือ Slip ตู้ ATM ติดตัวไปด้วย ภายหลังจากแจ้งความแล้วอาจประสานไปยัง RD Call Center โทร. 02 272 8000 หรือติดต่อฝ่ายประชาสัมพันธ์ โทร. 02 272 8317 พร้อมส่งบันทึกการแจ้งความทางโทรสารไปที่ 02 617 3324 ได้ทันที กรมสรรพากรจะได้ช่วยประสานงานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ DSI ให้ดำเนินการได้
7. ขอย้ำ กรมสรรพากร มิใช่ผู้เสียหาย จึงไม่สามารถดำเนินการได้เอง ท่านที่เป็นผู้เสียหายจะต้องแจ้งความต่อเจ้าพนักงานเองเท่านั้นจึงจะเริ่มกระบวนการนำคนชั่วมาลงโทษได้ ดังนั้น โปรดให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ และช่วยกันกำจัดภัยร้ายออกไปจากสังคมไทยด้วย
นายเกียรติศักดิ์ ว่องพานิช
หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม
กรมสรรพากร
************************************************************************************************