การคิดเชิงวิเคราะห์ (Analytical Thinking)
ผศ.ดร.ไสว
ฟักขาว
การคิดเป็นความสามารถของมนุษย์ที่มีเหนือสัตว์ชนิดอื่น
สำหรับคนเก่งทั้งหลายหากเราไปศึกษาดูจะพบว่าเขาเหล่านั้นล้วนเป็นผู้ที่มีความสามารถในการคิดสูงมาก
การคิดเชิงวิเคราะห์เป็นลักษณะการคิดแบบหนึ่งที่มีความสำคัญมากต่อการดำเนินชีวิต
การเรียนรู้สิ่งต่างๆ และการทำงาน
รวมทั้งยังเป็นพื้นฐานของการคิดแบบอื่นๆ เช่น การคิดเชิงระบบ
การคิดเชิงกลยุทธ์ การคิดเชิงเปรียบเทียบ การคิดเชิงสังเคราะห์
การคิดเชิงสร้างสรรค์ เป็นต้น
การคิดเชิงวิเคราะห์จะทำให้เรารู้ข้อเท็จจริง
รู้เหตุผลของสิ่งที่เกิดขึ้น เข้าใจความเป็นมาของสิ่งต่างๆ
รู้ว่าเรื่องนั้นมีองค์ประกอบอะไรบ้าง
รู้ข้อเท็จจริงซึ่งเป็นฐานความรู้สำหรับการประเมินและตัดสินใจเรื่องต่างๆ
ได้อย่างถูกต้อง
การที่เราไม่สามารถหาความสัมพันธ์เชิงเหตุผลให้กับเรื่องง่ายๆ
ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันนับเป็นปัญหาที่ร้ายแรงเพราะเป็นสิ่งบ่งบอกว่าคนในสังคมของกำลังดำเนินชีวิตไปตามอารมณ์
ความรู้สึกมากกว่าดำเนินอย่างมีเหตุผล
การคิดเชิงวิเคราะห์
หมายถึง
ความสามารถในการจำแนกแจกแจงองค์ประกอบต่างๆของสิ่งใดสิ่งหนึ่งและหาความสัมพันธ์เชิงเหตุผลระหว่างองค์ประกอบเหล่านั้นเพื่อค้นหาสาเหตุที่แท้จริงของสิ่งที่เกิดขึ้น
จากความหมายดังกล่าวจะเห็นว่าความสามารถในการคิดเชิงวิเคราะห์นั้นมีความจำเป็นต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของคนเราอย่างมาก ในการที่บุคคลใดจะเป็นนักคิดเชิงวิเคราะห์ที่ดีหรือไม่นั้นมีองค์ประกอบที่สำคัญ
4 ระการ คือ
1. ความสามารถในการตีความ ซึ่งหมายถึง
ความพยายามที่จะทำความเข้าใจและให้เหตุผลแก่สิ่งที่เราต้องการจะวิเคราะห์เพื่อแปลความหมายสิ่งที่ไม่ปรากฏของสิ่งนั้น
ซึ่งแต่ละคนอาจใช้เกณฑ์ต่างกัน เช่น จากความรู้เดิม
จากประสบการณ์ หรือจากข้อเขียนของคนอื่น
2.
ความรู้ความเข้าใจในเรื่องที่จะวิเคราะห์ ผู้วิเคราะห์จะต้องมีความรู้
ความเข้าใจในเรื่องที่จะวิเคราะห์ดีพอเสียก่อนไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นการใช้ความรู้สึกส่วนตน
3. ความช่างสังเกต ช่างสงสัยและช่างถาม
คุณสมบัติข้อนี้จะช่วยให้ผู้วิเคราะห์ได้ข้อมูลมากเพียงพอก่อนที่จะวิเคราะห์
4. ความสามารถในการหาความสัมพันธ์เชิงเหตุผล
โดยเริ่มจากการแจกแจงข้อมูลเพื่อให้เห็นภาพรวมเสียก่อนจากนั้นจึงคิดหาเหตุผลเชื่อมโยงสิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อค้นหา
ความจริง
นอกจากองค์ประกอบของการคิดเชิงวิเคราะห์ที่กล่าวมาแล้ว
การเป็นนักคิดเชิงวิเคราะห์ที่ดียังต้องมีคุณสมบัติดังนี้
1. เป็นผู้ที่รับข้อมูลแล้วไม่ด่วนสรุป
ผู้คิดจะต้องตีความข้อมูลที่ได้ให้กระจ่างเสียก่อนโดยเริ่มจาก
การกำหนดนิยามของสิ่งที่จะคิดให้ตรงกัน
จากนั้นจึงตรวจสอบความสัมพันธ์เชิงเหตุผล โดยพิจารณาจาก
สิ่งที่สื่อความหมายสัมพันธ์กัน สิ่งที่ละไว้ สิ่งที่ส่อนัย
(Implication) และความสัมพันธ์เชิงเหตุผล
ในปัจจุบันคนในสังคมจำนวนไม่น้อยกำลังถูกหลอกให้หลงเชื่อสิ่งที่ไม่มีเหตุผลโดยการอ้างเหตุผลที่ไม่ถูกต้องแต่ดูเหมือนถูกต้องซึ่งในทางปรัชญาเรียกว่า
“การใช้เหตุผลวิบัติ” (Fallacy)
2. เป็นผู้ไม่ด่วนแก้ปัญหาแต่มีการตรวจสอบให้แน่ชัดว่าปัญหาที่แท้จริง
คืออะไรเสียก่อน อาจใช้เทคนิค Why-Why Analysis คือ
การถามว่าทำไมไปเรื่อยๆ อย่างน้อย 5 คำถาม
3. เป็นนักตั้งคำถามเชิงวิเคราะห์ที่ดี
ซึ่งอาจเป็นคำถามในลักษณะต่อไปนี้
- คำถามแบบ “5Ws 1 H” คือ
What (มันคืออะไร) Who(ใครเกี่ยวข้องบ้าง) Where
(มันเกิดที่ไหน) When (มันเกิดเมื่อไร) Why (ทำไมจึงเกิดขึ้น
และ How (มันเป็นอย่างไร)
- คำถามเชิงเงื่อนไข (Conditions)
โดยถามในลักษณะ
ถ้า…….จะเกิด……….(If…………….Then…………)
- คำถามเกี่ยวกับจำนวน(Number)
หรือความถี่(frequencies)
เช่นเหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นกี่ครั้งแล้ว
หรือมีความถี่แค่ไหน
-
คำถามเกี่ยวกับลำดับความสำคัญ(Priority) เช่น
เราควรทำอะไรก่อน-หลัง
- คำถามเชิงเปรียบเทียบ(Comparative)
เช่น สุขภาพกับความสุขอะไรสำคัญกว่ากัน
สำหรับเครื่องมือที่นักคิดเชิงวิเคราะห์นิยมใช้เพื่อช่วยในการคิดได้แก่
1. แผนผังแบบ Conceptual Map
เช่น Concept Map Web Diagram และ Mind
Map
2. แผนภูมิแบบก้างปลา(Fishbone
Diagram) ซึ่งนิยมใช้ในการวิเคราะห์สาเหตุและผลกระทบ
3. แผนภาพแสดงความสัมพันธ์เชิงเหตุผล
(Causal relation) ระหว่างองค์ประกอบต่างๆ
ซึ่งนิยมใช้สำหรับการคิดเชิงระบบ(System Thinking)
ทดสอบ Test