มีพนักงานมหาวิทยาลัยท่านหนึ่ง ถามผมว่า “จะให้มหาวิทยาลัยออกนอกระบบให้วุ่นวายไปทำไม ถ้าจะบอกว่าเพื่อพนักงานละก้อ ทุกวันนี้พนักงานมหาวิทยาลัยก็ไม่ได้เสียอะไร เงินเดือนก็ได้ เงินตำแหน่งก็ได้ เงินโบนัสก็ได้ จะออกไปทำไม ?”
มีบุคคลภายนอกเสนอว่า “ถ้าเห็นว่าพนักงานมหาวิทยาลัยเสียสิทธิ สภามหาวิทยาลัยก็ให้สิทธิให้เท่าเทียมกับข้าราชการก็หมดเรื่อง เป็นเรื่องของการบริหารมากกว่า”
มีสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติท่านหนึ่งอภิปรายในวันที่ ร่าง พ.ร.บ.มหาวิทยาลัยนเรศวร เข้าสภาฯ ว่า “อ้างว่าออกนอกระบบเพื่อพนักงาน แล้วทำไมพนักงานเซ็นชื่อคัดค้านการออกนอกระบบ รายชื่ออยู่ในมือผมนี่”
คำถาม และความเห็นข้างต้นผมไม่โต้แย้ง เพราะไม่ใช่หน้าที่ผม และผมไม่ใช่จำเลยใคร แต่ผมจะทำหน้าที่ให้ข้อมูลแก่ประชาคมชาวนเรศวร เท่าที่ผมรู้และมีหลักฐานว่าก่อน พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ฉบับใหม่) จะเข้าสภานิติบัญญัติและประกาศใช้ สภามหาวิทยาลัยนเรศวร และมหาวิทยาลัยได้ดำเนินการเพื่อความเท่าเทียมระหว่างพนักงานมหาวิทยาลัย และข้าราชการ โดยขอยกตัวอย่างเฉพาะเงินประจำตำแหน่งวิชาการ ดังนี้
กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
1. พระราชบัญญัติเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง พ.ศ. 2538 บัญญัติไว้ดังนี้
มาตรา 12 อัตราเงินประจำตำแหน่งและการรับเงินประจำตำแหน่งของข้าราชการพลเรือน ข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย ข้าราชการครู.... (และข้าราชการฝ่ายอื่นๆ) ให้เป็นไปตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้
เงินประจำตำแหน่งไม่ถือเป็นเงินเดือน
2. บัญชีอัตราเงินประจำตำแหน่งข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย
1. ประเภทวิชาการ
ตำแหน่ง |
อัตรา (บาท/เดือน) |
ศาสตราจารย์ ระดับ 11 |
15,600 |
3. ระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินค่าตอบแทนนอกเหนือจากเงินเดือนของข้าราชการและลูกจ้างประจำของส่วนราชการ พ.ศ. 2547
ข้อ 5 ข้าราชการที่ได้รับเงินประจำตำแหน่ง ตามกฎหมายว่าด้วยเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่ง ได้รับเงินค่าตอบแทนรายเดือนเท่ากับอัตราเงินประจำตำแหน่งที่ได้รับอยู่เดิม ยกเว้นข้าราชการซึ่งได้รับเงินประจำตำแหน่ง ระดับ 7
สรุป 1. กฎหมายข้อ 1 และ 2 เป็นที่มาของการได้รับเงินประจำตำแหน่งทางวิชาการ (ผศ., รศ., ศ.) เด้งที่หนึ่ง
2. ระเบียบข้อ 3 เป็นที่มาของการได้รับเงินประจำตำแหน่งวิชาการ เด้งที่สอง
จึงเป็นที่มาของคำว่า 2 เด้ง คือ ได้รับ 2 เท่า
กฎหมายและประกาศข้างต้นใช้สำหรับข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย โดยเบิกจ่ายเงินประจำตำแหน่งจากงบประมาณแผ่นดิน
* ส่วนพนักงานมหาวิทยาลัย ไม่มีกฎหมายรองรับ จึงไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณเป็นเงินประจำตำแหน่ง
สภามหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัย แก้ปัญหาเงินประจำตำแหน่งวิชาการของพนักงานโดยมีการดำเนินการดังนี้ครับ
1. สภามหาวิทยาลัยมีมติในการประชุมครั้งที่ 97/(4/2544) เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2545 อนุมัติเงินประจำตำแหน่งทางวิชาการของพนักงานมหาวิทยาลัยในอัตราบัญชีเงินประจำตำแหน่งข้าราชการพลเรือนในมหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยให้เบิกจ่ายจากเงินงบประมาณแผ่นดิน หมวดเงินอุดหนุนทั่วไป : เงินอุดหนุนใช้จ่ายบุคลากร (เด้งที่หนึ่ง)
2. เมื่อมีระเบียบกระทรวงการคลังให้จ่ายเด้งที่สอง มหาวิทยาลัยได้ใช้มติที่ประชุมคณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัย ครั้งที่ 18/2549 เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2549 เรื่อง เงินประจำตำแหน่งทางวิชาการ ดังนี้
1. ให้หน่วยงานที่มีผู้ดำรงตำแหน่งทางวิชาการ คือ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ที่เป็นข้าราชการไม่ถึงระดับ 8 สามารถเบิกจ่ายเงินเพิ่มพิเศษได้อีก 1 เท่า เป็นจำนวนเงิน 3,500 บาทต่อเดือน โดยเบิกจ่ายจากเงินรายได้ของหน่วยงานต้นสังกัด
2. ให้หน่วยงานที่มีผู้ดำรงตำแหน่งทางวิชาการ ที่เป็นพนักงานมหาวิทยาลัย สามารถเบิกจ่ายเงินเพิ่มพิเศษได้อีก 1 เท่า โดยเบิกจ่ายจากเงินรายได้ของหน่วยงานต้นสังกัด
ทั้งนี้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2549 เป็นต้นไป
สรุป เงินประจำตำแหน่งทางวิชาการของพนักงานมหาวิทยาลัยที่ไม่ได้รับงบประมาณเบิกจ่ายตามกฎหมาย มีที่มาจาก 2 ทาง คือ
1. เงินงบประมาณแผ่นดิน ที่มหาวิทยาลัยกันเงินอุดหนุนทั่วไปที่ใช้ในการบริหารมหาวิทยาลัยไว้ส่วนหนึ่งมาจ่ายเป็นเงินประจำตำแหน่ง
2. คณะและหน่วยงานต้องจัดสรรเงินรายได้ที่ใช้เพื่อการบริหารคณะและหน่วยงานมาจ่ายเป็นเงินประจำตำแหน่ง
คำถาม คือ มหาวิทยาลัย คณะ และหน่วยงานจะรับภาระดังกล่าวได้นานเท่าใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งทราบว่า วันที่ 9 มกราคม 2551 จะมีการประชุมเพื่อพิจารณาตำแหน่งทางวิชาการอีกหลายสิบตำแหน่ง
หากวันที่มหาวิทยาลัย คณะ และหน่วยงานไม่สามารถรับภาระดังกล่าวได้ พนักงานมหาวิทยาลัยที่ได้ตำแหน่งวิชาการจะได้รับเงินประจำตำแหน่งหรือไม่ ?
วันที่ผมพูดถึง อาจมาเร็วกว่าที่คาด
สำหรับพนักงานสายบริการ พระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือนในสถาบันอุดมศึกษา (ฉบับใหม่) บัญญัติให้มีสิทธิที่จะได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภททั่วไป วิชาชีพเฉพาะ หรือเชี่ยวชาญเฉพาะได้ดังนี้
(1) ระดับเชี่ยวชาญพิเศษ
(2) ระดับเชี่ยวชาญ
(3) ระดับชำนาญการ
(4) ระดับปฏิบัติการ
(5) ระดับอื่นตามที่ ก.พ.อ. กำหนด
(มาตรา 65/2 และมาตรา 18)
ส่วนเงินประจำตำแหน่ง ก็คงเช่นเดียวกับกรณีของตำแหน่งทางวิชาการของพนักงานสายวิชาการ
ขอแถมข้อมูลว่า เงินโบนัสข้าราชการนั้น มาจากเงินงบประมาณแผ่นดิน ส่วนเงินโบนัสพนักงาน มาจากเงินรายได้ของหน่วยงาน
---------------------สวัสดีปีใหม่ 2551 ครับ---------------------------
บอก"สภา"ประชาคม" ตรงๆได้ไหมครับว่า มหาวิทยาลัยนเรศวร หาเงินไม่เก่ง เงินเกือบไม่พอ
พ.ร.บ.ฉบับนี้สามารถทำให้มหาวิทยาลัยของบประมาณแผ่นดินได้มากขึ้น จึงให้พวกท่านช่วยกันยกมือผ่าน
ถ้าได้เข้าสภาอีกครั้ง
กราบสวัสดีปีใหม่ค่ะอาจารย์