เหนือการควบคุม คือ ยาต้านพิษ แม้แต่ รพ.ต้นสังกัด ยังไม่มียาสต๊อค ทั้ง ๆ ที่เป็นแหล่งปลูกแท้ ๆ งานนี้สงสัยต้องพึ่ง สส. ผลักดันเรื่องนี้หรือเปล่าหนอ
จากการรายงานข่าวของโทรทัศน์สถานีหนึ่ง (ที่เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง)และหนังสือพิมพ์วันนี้ มีการพาดพิงถึง รพ.ที่เราอยู่
เหตุจากวันที่ 23 ธ.ค 50 เวรเช้า พบเด็กหญิง วัย 3 ขวบ กินมันสำปะหลังเผา รู้เท่าไม่ถึงการณ์ มีอาการหมดสติ น้ำฟูมปาก มีคลื่นไส้อาเจียน ซึมลง จึงรีบนำส่ง รพ.
พบเด็กที่ รพ.แพทย์เวร (หมอพิชานัน) ใส่ท่อช่วยหายใจ และสวนล้างกระเพาะอาหารและให้ยาลดการดูดซึมพิษ และส่งต่อ รพ.กาฬสินธุ์ แต่ยังไม่ได้ไป เพราะเราประสานทางโทรศัพท์ก่อนส่งต่อ รพ.ต้นสังกัดแจ้งว่าไม่มียาแก้พิษ เราจึงส่งต่อ รพศ.ขอนแก่น ผู้ป่วยเสียชีวิตที่ จ.ขอนแก่น "จากการตรวจสอบสารพิษที่อยู่ในตัวเด็ก พบว่ามีสารพิษจากมันสำปะหลังที่มีชื่อว่า "ไซยาไนด์" ซึ่งสารพิษนี้เป็นสารพิษอันตรายมาก ถ้าหากคนหรือสัตว์กินเข้าไปมาก ๆ จะเกิดอาการแน่นหน้าอก น้ำลายฟูมปาก ชักและเสียชีวิตได้ แม้แต่วัวหรือควายตัวโต ๆ ก็ตายมาแล้ว "
แพทย์เวรถูกนักข่าวหลายสำนักซักถามอาการมากยิ่งกว่ามารดาเด็กเสียอีก
ทีมงานระบาดออกควบคุมติดตามหาข้อเท็จจริง ผลปรากฏว่า ชาวบ้านทั้งหมู่บ้านต่างผูกฝ้ายข้อมือสีเหลืองทุกคน เพราะเขามีความเชื่อว่าผีจะมาเอาเขาไปเหมือนเด็ก นี่ก็สะท้อนให้เห็นเรื่อง ความรู้ การศึกษาอย่างหนึ่ง
ถามว่า เราแก้ไขได้ดีหรือยังกับระบบนี้ ?
หากเราทบทวนคงได้ผลว่า เราดูแลเต็มที่ ทีมพร้อม แต่ขาดเรื่องยา แล้วความผิดนี้เกิดกับใคร
ทีมระบาดจังหวัดให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะ
1.อาชีพทางการเกษตรให้ผลกำไรทางด้านการค้า แต่ผลด้านสิ่งแวดล้อมและพฤติกรรมผู้ปลูก ยังไม่มีการศึกษา ติดตาม ควบคุมอย่างต่อเนื่องในการได้รับอันตรายต่อประชาชนกลุ่มเสี่ยงในการได้รับไซยาไนด์
2.ในด้านการศึกษาและการให้ข่าวสารควรโน้มน้าวผู้มีอำนาจของประเทศ ตระหนักในเรื่องการศึกษา ควรบรรจุในองค์ความรู้ในโรงเรียนถึงอันตรายในพิษมันสำปะหลัง โดยเฉพาะ การใช้อย่างไร ระดับพิษ การป้องกัน
3.หน่วยงาน อปท. ควรมีมาตรการในการทำให้สุขภาพของชุมชนมีมาตรฐาน ป้องกันการเป็นพิษจากมันสำปะหลัง โดยทำงานประสานระหว่างหน่วยสุขภาพของราชการอย่างต่อเนื่อง
4.ควรระวังในการสัมผัสมันสำปะหลังดิบจำนวนมากที่เก็บในโกดัง เพราะอาจมีแก๊สไซยาไนด์ การปนเปื้อนจากพิษตรงส่วนผิวเมื่อเผลอรับประทาน
หากจะกินควรปรุงโดยลอกผิวออก และต้มอย่างน้อย 30-40 นาที
พิษจะอยู่มากบริเวณใบและราก ถ้าพิษมากจะขม
5.ประเทศไทยปลูกมันสำปะหลังมากเป็นอันดับ 2 ของโลก ผู้สัมผัสส่วนมากอยู่ห่างไกลจากตัวเมืองกว่าจะได้รับยาก็ไกล ดังนั้นการส่งเสริมความรู้ การป้องกัน ระวังพิษจากการสัมผัส และข้อควรระวังในการเตรียมปรุงให้มากขึ้นก่อนการรับประทาน
ข้อสรุปของทีม
ส่งเสริมการประชาสัมพันธ์เชิงรุกด้านสุขภาพในชุมชน
เหนือการควบคุม คือ ยาต้านพิษ แม้แต่ รพ.ต้นสังกัด ยังไม่มียาสต๊อค ทั้ง ๆ ที่เป็นแหล่งปลูกแท้ ๆ งานนี้สงสัยต้องพึ่ง สส. ผลักดันเรื่องนี้หรือเปล่าหนอ
............................................
แหล่งข้อมูล
หนังสือพิมพ์ข่าวสด และ TV. 7