มาตามสัญญาค่ะ เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2550 เวลา 03.00 น. ออกเดินทางจากอุบลสู่จังหวัดมุกดาหาร เพื่อเดินทางไปเที่ยวเวียดนาม ถึงมุกดาหารเวลา 06.45 น. ทำเอกสารการเดินทางโดยบริษัทเขียงมูล ที่สุวรรณเขต มีสมาชิกร่วมเดินทาง 19 ราย ทริปนี้ไปนอน 3 คืน กับ4 วัน โรงพยาบาลขุขันธ์ 13 ราย โรงพยาบาลศรีสะเกษ 5 ราย และตัวข้าพเจ้า เป็นเจ้าหน้าที่ศูนย์อนามัยที่ 7 อุบลราชธานี พร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ของเขียงมูล 2 ราย
หลังจากเดินเอกสารเสร็จแล้วก็เริ่มเดินทางไปทานข้าวเที่ยงที่ประเทศลาว ชื่อร้านแฟนต้ารสชาติอาหารก็คล้ายบ้านเราคะพอทานได้วันนี้ทานอาหารไปแล้ว 2 ประเทศคือ
1. ประเทศไทย
2. ประเทศลาว
และประเทศที่ 3 ก็คือ ประเทศเวียดนาม พอไปถึงด่านเข้าประเทศเวียดนาม คณะทัวร์ของเราก็ได้รู้จักกับไกด์เวียดนามชื่อ ลุงมินห์ อายุ 64 ปี เป็นแพทย์ทหารซึ่งได้เดินทางสู่ถนนสาย 61 มาแล้ว 3 ปี และสามารถพูดไทยได้ชัดแจ๋วมากเลยคะ ก่อนอื่นเรามารู้จักประเทศเวียดนามกันก่อนนะคะ
ประเทศเวียดนาม
• อาณาเขต เวียดนามมีพื้นที่ประมาณ 327,500 ตารางกิโลเมตร
ความยาวจากเหนือจรดใต้ 1,650 กิโลเมตร
ขนานไปตามแนวยาวของคาบสมุทรอินโดจีน
นอกจากนี้ยังมีไหล่เขาและหมู่เกาะต่างๆ
อีกนับพันเกาะเรียงรายตั้งแต่อ่าวตังเกี๋ยไปจนถึงอ่าวไทย
ทิศเหนือ ติดกับ ประเทศจีน
ทิศใต้ ติดกับทะเลจีนใต้
ทิศตะวันออก ติดกับ อ่าวตังเกี๋ยและทะเลจีนใต้
ทิศตะวันตก ติดกับอ่าวไทย ประเทศกัมพูชา
และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
• ลักษณะภูมิอากาศ
เนื่องจากแผ่นดินของเวียดนามมีความยาวมาก
ทำให้ลักษณะภูมิประเทศและภูมิอากาศแตกต่างกันค่อนข้างมาก
โดยอาจแบ่งได้เป็น 3 ส่วน คือ ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้
• ภาคเหนือ
ภูมิประเทศเวียดนามประกอบด้วยภูเขาสูงมากมาย โดยเฉพาะเทือกเขาฟานสีปัน
สูงถึง 3,143 เมตร สูงที่สุดในอินโดจีน มีแม่น้ำสายสำคัญคือ แม่น้ำกุง
ซึ่งไหลไปบรรจบกับแม่น้ำแดงเป็นดินดอนสามเหลี่ยมที่อุดมสมบูรณ์
เหมาะแก่การเพาะปลูกและยังเป็นที่ตั้งของเมืองฮานอยอัน
ซึ่งเป็นเมืองหลวงของเวียตนาม มีที่ราบลุ่ม Cao Bang และ Vinh Yen
ตลอดจนเกาะแก่งกว่า 3,000 เกาะ อ่าวฮาลอง
และเนื่องจากพื้นที่บางส่วนอยู่ในเขตอากาศหนาว
ซึ่งได้รับอิทธิพลกระแสลมแรงพัดจากขั้วโลก
ทำให้มีสภาพภูมิอากาศหนาวเย็น
• ภูมิอากาศในเขตภาคเหนือแบ่งออกได้เป็น 4
ฤดู
1.ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม-เมษายน) มีฝนตกปรอยๆ และความชื้นสูง
อุณหภูมิประมาณ 17 องศา – 23 องศา
2.ฤดูร้อน (พฤษภาคม-สิงหาคม) อากาศร้อนและมีฝน อุณหภูมิประมาณ 30 – 39
องศา เดือนที่ร้อนที่สุดคือเดือนมิถุนายน
3.ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-พฤศจิกายน) อุณหภูมิ 23 – 28 องศา
4.ฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) อากาศจะหนาวเย็นที่สุดในรอบปี คือ
ประมาณ 7 – 20 องศา แต่ในบางครั้งอาจลดลงถึง 0 องศา
เดือนที่อากาศหนาวที่สุดคือ มกราคม
• ภาคกลาง
ภาคกลางของเวียตนามยังมีชนกลุ่มน้อยอาศัยอยู่มากมาย
พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูงซึ่งเต็มไปด้วยหินภูเขาไฟ หาดทราย
เนินทราย และทะเลสาบ
• ภูมิอากาศในเขตภาคภาคกลาง 2 ฤดู
1.ฤดูฝน (พฤษภาคม-ตุลาคม) เดือนที่อากาศร้อนที่สุดคือ
มิถุนายน-กรกฎาคม อุณหภูมิเกือบ 40 องศา
2.ฤดูแล้ง (ตุลาคม-เมษายน) เดือนที่อากาศเย็นที่สุด คือ มกราคม
อุณหภูมิเกือบ 20 องศา
• ภาคใต้
แม้ว่าพื้นที่ส่วนใหญ่ของเวียตนามเป็นที่ราบสูง
แต่ก็มีที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง หรือชื่อที่รู้จักคือ กู๋ลอง (Cuu Long)
อันเป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์
เป็นแหล่งเพาะปลูกที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเวียตนาม
และเป็นที่ตั้งของกรุงโฮจิมินห์ซิตี้ หรือ ไซ่ง่อน
ภูมิอากาศค่อนข้างร้อน อุณหภูมิประมาณ 27 องศา มี 2 ฤดู คือ
1.ฤดูฝน (เดือนพฤษภาคม-พฤศจิกายน) เดือนที่ร้อนที่สุดคือ เดือนเมษายน
อุณหภูมิประมาณ 39 องศา
2.ฤดูแล้ง (เดือนพฤศจิกายน-เมษายน) เดือนที่อากาศเย็นที่สุดคือ มกราคม
อุณหภูมิประมาณ 26 องศา
ขอมูลทั่วไปประเทศเวียตนาม
•
เมืองหลวง คือ
ฮานอย ตั้งอยู่ทางภาคเหนือ
เป็นเมืองศูนย์กลางด้านการค้าและอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ยังมีเมืองสำคัญต่างๆ ดังนี้
1.โฮจิมินห์ซิตี้ (ไซ่ง่อน) ตั้งอยู่ทางภาคใต้
เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดและเป็นศูนย์กลางทางการค้าด้วย
2.ไฮฟอง เป็นเมืองท่าอยู่ทางชายฝั่งตอนเหนือใกล้เมืองฮานอย
3.ดานัง เป็นเมืองท่าและเป็นเมืองด้านการท่องเที่ยว
ติดทะเลจีนใต้อยู่ทางภาคกลางของเวียตนาม
4.เว้ เป็นเมืองประวัติศาสตร์ใกล้เมืองดานัง
• พื้นที่
เวียตนามมีพื้นที่ 327,500 ตารางกิโลเมตร มีประชากร 81.4 ล้านคน
• ศาสนา
ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์
นับถือศาสนาคริสต์ ประมาณ 7 เปอร์เซ็นต์ และที่เหนือนับถือศาสนาอื่นๆ
อีก 3 เปอร์เซ็นต์
• ภาษา ภาษาทางการคือ
ภาษาเวียตนาม ภาษาที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารทางธุรกิจ คือ ภาษาอังกฤษ
ฝรั่งเศส และจีน
• สกุลเงิน
สกุลเงินของเวียตนามคือ ดอง อัตราแลกเปลี่ยน 420-460 ดอง ต่อ 1
บาท
• ระบบการปกครอง
เวียตนามปกครองแบบระบอบคอมมิวนิสต์
ซึ่งเป็นการปกครองโดยกองกำลังของรัฐ มีการแบ่งเขตการปกครอง
แบ่งออกเป็น 59 จังหวัด และ 5 เทศบาลนคร
• วัฒนธรรม
เวียตนามมีการผสมผสานด้านวัฒนธรรม
จากหลายชนชาติ เริ่มตั้งแต่ พ.ศ. 432
เวียตนามได้ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลจากจักรพรรดิจีนนานกว่าพันปี ดังนั้น
สิ่งก่อสร้าง อาหารการกิน จะมีลักษณะที่คล้ายคลึงกับวัฒนธรรมของจีนมาก
และยังมีความหลากหลายของผู้คนของชาวเขาหลากหลายชนเผ่าทางภาคเหนือของเวียตนาม
และเมื่อสมัยที่ฝรั่งเศสเข้ามาปกครอง
เวียตนามก็ได้รับอิทธิพลจากวัฒนธรรมฝรั่งเศสด้วย ได้แก่
ตึกที่อยู่อาศัยที่ดูทันสมัย
เป็นตึกสีเหลืองสไตล์โคโลเนียลที่มีให้พบเห็นมากมาย
ดังนั้นวัฒนธรรมต่างๆ ของเวียตนามจึงมีการผสมผสานกันเป็นอย่างมาก
ทั้งด้านที่อยู่อาศัย เทศกาล อาหาร เป็นต้น
• เทศกาลเต็ด
(Tet)
โดยปกติแล้ว ชาวเวียตนามจะเฉลิมฉลองเทศกาลต่างๆ
อย่างน้อย 3-7 วัน ติดต่อกัน โดยมีเทศกาลทางศาสนาที่สำคัญที่สุด คือ
“เต็ดเหวียนดาน” (Tet Nguyen Dan)
มีความหมายว่าเทศกาลแห่งรุ่งอรุณแรกของปี ที่ชาวบ้านนิยมเรียกกันสั้นๆ
ว่า เทศกาลเต็ด เทสกาลจะเริ่มต้นขึ้น 1
สัปดาห์ก่อนจะมีวันขึ้นปีใหม่ตามจันทรคติ คือ
ระหว่างปลายเดือนมกราคมถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ ในวันขึ้น 15 ค่ำ
ของวันที่ดวงอาทิตย์อยู่ไกลเส้นศูนย์สูตรมากที่สุดในฤดูหนาว
กับวันที่กลางวันยาวเท่ากับกลางคืน ในฤดูใบไม้ผลิ
เทศกาลนี้เป็นการเฉลิมฉลองในภาพรวมทั้งหมดของความเชื่อในเทพเจ้า
ลัทธิเต๋า ขงจื๊อ และศาสนาพุทธ รวมถึงการเคารพบรรพบุรุษ
• เทศกาลกลางฤดูใบไม้ร่วง
สำหรับเทศกาลฤดูใบไม้ร่วง
นับตามจันทรคติตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ของทุกปี
ชาวบ้านจัดประกวด “ขนมบันตรังทู” หรือ ขนมเปี๊ยะโก๋ญวน ทีมีรูปร่างกลม
มีไส้ถั่วและไส้ผลไม้ พร้อมทั้งจัดขบวนแห่เชิดมังกร
เพื่อแสดงความเคารพต่อพระจันทร์
ซึ่งในบางหมู่บ้านอาจประดับโคมไฟพร้อมทั้งจัดงานขับร้องเพลงพื้นบ้าน
• เวลาทำการของขององค์กรรัฐและเอกชน
1.หน่วยงานราชการ สำนักงาน และองค์กรให้บริการสาธารณสุข 8.00 – 16.30
น. ซึ่งจะเปิดให้บริการตั้งแต่วันจันทร์ - วันศุกร์
พิพิธภัณฑ์จะเปิดให้บริการวันเสาร์อีกครึ่งวัน
2.ร้านค้าเอกชนทั่วไปให้บริการระหว่าง 6.00 – 18.30 น.
3.ธนาคารพาณิชย์ ให้บริการตั้งแต่วันจันทร์ – วันศุกร์ ระหว่างเวลา
8.00 – 16.00 น. (หยุดพักเวลา 12.00 – 13.00 น.)
4.สำนักงานไปรษณีย์โทรเลข ให้บริการ ตั้งแต่ 7.00 – 20.00 น.
5.โรงงานอุตสาหกรรม ทำงานวันจันทร์ – วันศุกร์ และวันเสาร์อีกครึ่งวัน
โดยเวลาทำงานรวมไม่เกิน 48 ชั่วโมง ต่อสัปดาห์
หากเกินจากนี้ต้องจ่ายค่าล่วงเวลา
สำหรับวันหยุดประจำสัปดาห์ต้องจ่ายค่าจ้างเพิ่ม 2 เท่า
และวันหยุดนักขัตฤกษ์จ่ายเพิ่ม 3 เท่า
และลุงมินห์ก็ทำให้ทราบว่าคำว่า "แกว" ภาษาเวียดนามแปลว่าอะไร แม้แต่สองขาก้าวเดินยังอึ้งคะ มีเรื่องเล่าว่าชาวเวียดนามอพยพมาอยู่ที่ประเทศไทย...ชาวเวียดนามนี้ก็เคยอยู่อย่างอด ๆ อยาก ๆ เพราะว่าชีวิตมีแต่สงคราม จึงกินหรือทำอะไรก็จะประหยัด คนไทยก็เรียกว่า"ขี้เหนียว" ชาวเวียดนามก็ฟังไม่รู้เรื่องก็มีแต่ยิ้มค่ะ
ก็มีคนไทยเกิดการสงสัยและไม่สนุกก็เลยไปถามชาวเวียดนามที่รู้ภาษาไทย ก็เลยถามว่า "ขี้เหนียว"ของภาษาเวียดนามแปลว่าอะไร เขาก็เลยบอกว่า "แกว" ชาวไทยก็เลยพากันเรียกว่า"แกว" ตั้งแต่นั้นมาค่ะ เป็นไงคะประวัติความเป็นมาของคำว่าแกว
ชาวคณะเดินทางถึงเวียดนามเวลา 14.00 น. อากาศทางบ้านเขายังมีหมอกอยู่เลยค่ะ เหมือนกับจังหวัดเชียงใหม่เรายังไงยังงั้นเลยค่ะ สถานที่ ที่ลุงมินห์พาคณะเราไปสัมผัสก็คือ ถ้ำมินห์ม็อก เป็นวิถีชีวิตของชาวถ้ำของเวียดนาม มีประชากร 95 คู่ มีคู่หนึ่งที่ไม่คู่ชีวิตเพราะหากันไม่เจอ แต่ตอนนี้เขาก็ได้ย้ายมาอยู่ข้างบนเหมือนคนธรรมดาทั่วไปเหลือแต่ร่องรอยไว้ให้ดูคะ
แล้วคณะเราก็เดินทางกลับเข้าสู่ที่พักโรงแรมเอเชีย ระดับ 3 ดาวค่ะ ไปทานอาหารเวียดนามมื้อแรก คือ
1. ปลาซามอล
2. ขนมเบื้อง
3. ผัดผักรวมมิตร
4. แกงจืด
5. ข้าวสวย
ตบท้ายด้วยขนมหวานที่ทำด้วยแป้งไส้ถั่วเหลือง รสชาติจืดชืดมาก ๆ เลยคะ เขาใช้ตะเกียบแทนช้อน จานใส่ข้าวก็เป็นจานที่บ้านเราใช้รองถ้วยกาแฟ ทัพพีตักข้าวเขาก็ช้อนที่เราใช้ทานข้าวคะ หลังจากทานข้าวเย็นกันแล้วก็เข้าสู่ห้องพัก
พี่ตุ๋มที่เป็นไกด์ไทย พานั่งสามล้อเวียดนามชมเมืองไปดูสะพานสีรุ้งเขาจะเปิดเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ คืนนั้นนั่งสามล้อเป็นแสนค้า.........แต่แสนดองนะจ้ะ เพราะว่า 1 บาทไทยเท่ากับ 450 ดอง
วันแรกแห่งการท่องเที่ยวเวียดนามก็สิ้นสุดค่ะ เอาไว้จะมาเล่าให้ฟังต่อนะคะ อากาศเริ่มเลี่ยนแปลงแล้วดูแลสุขภาพให้ดีนคะ
สวัสดีครับคุณ ต้อมแต้ม
ขอบคุณมากครับ
สวัสดีค่ะ
เขียนได้ดีมากเลยค่ะ
ให้กำลังใจนะคะ
ขอบคุณสำหรับของฝากค่ะ
สู้สยามประเทศของหมู่เฮา ไทยๆๆๆๆของเราได้ไหมคะหรือน่ากลัว หรือกำลังพัฒนาแบบลาวคะ
กำลังคิดจะไปเที่ยว แต่ไม่ค่อยกล้าคะ
สู้สยามประเทศของหมู่เฮา ไทยๆๆๆๆของเราได้ไหมคะหรือน่ากลัว หรือกำลังพัฒนาแบบลาวคะ
กำลังคิดจะไปเที่ยว แต่ไม่ค่อยกล้าคะ