เมื่อวันที่ 21 เดือนพฤศจิการยนที่ผ่านมา ได้มีการเสนอร่างพระราชบัญญัติธง พ.ศ........ต่อที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เนื้อหาในพระราชบัญญัตินั้นได้กล่าวถึงลักษณะและความสำคัญของธงต่างๆ กล่าวคือ หมวด 1 ธงที่มีความหมายถึงประเทศไทยและชาติไทย หมวด 2 ธงพระอิสริยยศ หมวด 3 ธงทหาร หมวด 4 ธงพิทักษ์สันติราษฎร์ หมวด 5 ธงกองอาสารักษาดินแดนและกองอาสารักษาดินแดนจังหวัด หมวด 6 ธงคณะลูกเสือแห่งชาติและธงลูกเสือจังหวัด หมวด 7 ธงราชการทั่วไป หมวด 8 ธงแสดงตำแหน่งทั่วไป หมวด 9 การใช้ ชัก หรือแสดงธง หมวด 10 บทกำหนดโทษ มีเนื้อหาบางส่วนของพ.ร.บที่เกี่ยวกับธงชาติดูเหมือนจะขัดกับความเป็นจริงได้บัญญัติไว้ดังนี้
มาตรา 45/4 เมื่อเห็นการชักธงชาติขึ้นและลง ให้แสดงความเคารพโดยการหยุดนิ่งยืนตรงหันไปทางเสาธง อาคาร หรือสถานที่ที่มีการชักธงชาติจนกว่าจะเสร็จการ
มาตรา 45/5 ในกรณีที่ได้ยินเสียงเพลงชาติหรือสัญญาณการชักธงชาติ จะเห็นหรือไม่เห็นการชักธงชาติก็ตาม ให้แสดงความเคารพโดยการหยุดนิ่งยืนตรงหันหน้าไปทางธงชาติหรือทางที่เสียง เพลงชาติดัง ในกรณีอยู่ในอาคารให้หยุดนิ่งยืนตรงดังกล่าวด้วย หากไม่สามารถยืนแสดงความเคารพได้ ให้แสดงความเคารพโดยหยุดนิ่งในอาการสำรวม ในกรณีอยู่ในยานพาหนะ ให้หยุดยานพาหนะจนกว่าการชักธงชาติหรือเสียงเพลงชาติ หรือสัญญาณการชักธงชาติจะสิ้นสุดลง เว้นแต่กรณีอยู่ในยานพาหนะที่สัญจรบนทางด่วน ทางรถไฟ ทางรถไฟฟ้า ทางน้ำ หรือทางอื่นที่ไม่อาจหยุดยานพาหนะได้ ตามรายละเอียดที่กำหนดในกฎกระทรวง
และนอกจากนี้ยังได้กำหนดบทลงโทษไว้ด้วย กล่าวคือ
มาตรา 48 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 45 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่พันบาท หรือทั้งจะทั้งปรับ
บทบัญญัติดังกล่าวนั้นดูเหมือนขัดกับความรู้สึกที่ค่อนข้างไม่คุ้นเคย ในความเป็นจริงนั้นข้าพเจ้าเห็นว่าการแสดงความเคารพนั้นไม่จำเป็นจะต้องแสดงด้วยการยืนตรง เพราะความเคารพนั้นเป็นสิ่งที่เกิดจากสามัญสำนึก หรือ ความระลึกถึงวัตถุหรือบุคคลที่จะเคารพนับถือ ดังนั้นการแสดงความเคารพจึงไม่จำเป็นที่จะต้องแสดงออกมาด้วยวิธีการยืนตรง อาจแสดงด้วยวิธีการอื่นๆที่สำรวมก็ได้ เพราะการแสดงความเคารพถือได้ว่าเป็นการแสดงออกมาซึ่งความคิดอย่างหนึ่ง ว่าเรากำลังมีความคิดและความรู้สึกอย่างไร หากแต่การแสดงออกซึ่งความคิดนี้จะไม่กระทบหรือขัดต่อสิทธิของผู้อื่น
หากวัตถุประสงค์ของการให้หยุดนิ่งยืนตรงหันหน้าไปทางธงชาติหรือทางที่เสียงเพลงชาติเป็นไปเพื่อให้ทุกคนมีความรักชาติและเพื่อให้สอดคล้องกับการแก้ไขสถานการณ์ในปัจจุบันแล้ว ข้าพเจ้าเห็นว่าอาจจะไม่ใช่การแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุเสียมากกว่า เพราะการแก้ปัญหาที่ตรงจุดควรจะเริ่มแก้ที่ต้นเหตุ ควรเริ่มจากการปลูกฝังให้มีความรักชาติ ภูมิใจในชาติของตนตั้งแต่เด็ก หรือฝึกให้มีระเบียบ วินัย มีคุณธรรม จริยธรรม เพราะหากมีพื้นฐานในเรื่องเหล่านี้แล้ว ทุกคนก็จะคิดเป็นจะรู้จักในการวางตัวอยู่ในสังคม รู้จักเคารพตัวเอง เคารพผู้อื่น ไม่ทำให้ผู้อื่นต้องเดือดร้อน โดยไม่ต้องให้มีการบังคับให้แสดงความเคารพถึงขั้นที่ว่าจะต้องลงโทษหนักถึงขั้นจำคุกถึง 2 ปี
สวัสดีครับ,
แวะเข้ามาทักทายครับ :)
เพิ่งจะเห็นบล็อกนี้น่ะครับ เลยมาคอมเมนต์ช้าไปหน่อย
ผมก็ไม่เห็นด้วยกับ วิธีแก้ปัญหาปลายเหตุ แบบนี้เหมือนกันครับ จริงๆคือไม่ชอบมากๆๆๆๆๆ เลยซะด้วยซ้ำ....รู้สึกว่ามันไร้สาระน่ะครับ.... ดูแล้วเหมือนกับเป็นนโยบายเพื่อ "เอาหน้า" เฉยๆ ...
การที่เราจะรักหรือเคารพอะไรซักอย่างนั้น ไม่จำเป็นต้องแสดงออกมาด้วยกิริยาภายนอก การปลูกฝังที่ภายในต่างหากที่สำคัญกว่า
อย่างเช่นพวกฆาตกรที่ก่อคดีร้ายแรง ส่วนใหญ่ก็เรียนประถมมา ต้องสวดมนต์เคารพธงชาติหน้าเสาธงกันทั้งนั้น แต่ศาสนาก็ไม่ได้เข้าไปในจิตใจของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย นี่ก็เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นอยู่แล้วนะครับ ว่าการแสดงออกภายนอกอย่างเดียวแบบนี้มันไม่ได้มีประโยชน์อะไร :)