เรื่องเล่าความสำเร็จ…..จากกลุ่มผู้เรียนปริญญาโทสาขาการจัดการงานสาธารณะ รัฐศาสตร์ รามคำแหง


สิ่งหนึ่งที่เรามักเจอและเป็นปัญหาอยู่เสมอ    เมื่อใดที่เราให้ทีมงานประสานงานของหน่วยงานขอเรื่องเล่าจากผู้ที่จะเข้าร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้    เมื่อเขาส่งเรื่องเล่ามาให้ปรากฏว่ากลายเป็นเรื่องเล่าอีกแบบหนึ่งที่เราไม่ต้องการอย่างนั้น    เช่น   บ้างก็บรรยายมาตั้งแต่วิสัยทัศน์องค์กร     บ้างก็อ้างอิงทฤษฎีหลายๆตัวเพื่อให้ดูเป็นวิชาการมากขึ้น    เล่าวนอยู่ที่เรื่องใหญ่ๆแล้วไม่พุ่งเป้าลงจุดเล็กๆที่เราต้องการเน้น    บ้างก็เตลิดเปิดเปิงเขียนเป็น ประวัติการทำงานมาให้ซะนี่    หลากหลายรูปแบบ     นี่แหละครับ   สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากการประสานงานที่ผ่านมา   ทำให้เราต้องกลับมาคิดเป็นการบ้านว่าเราจะสื่อสารอย่างไรให้เขาเข้าใจความต้องการของเราได้ดีขึ้น
จริงๆแล้วเราต้องการเรื่องเล่าเหตุการณ์จากประสบการณ์ทำงานที่เราภาคภูมิใจ    เป็นเหตุการณ์ของความสำเร็จเล็กๆ  แต่เล่าให้เห็นว่าเราทำอย่างไรจึงได้ความภาคภูมิใจนั้นมา      แต่ด้วยความคุ้นชินเดิมที่คนเรามักมองข้าม  “ความรู้เล็กๆ”   ทำให้มองหาความรู้เหล่านั้นไม่ออก       ผมเลยคิดว่าจะเอาเรื่องเล่าที่พอใช้ได้มาขึ้นเอาไว้เผื่อคนที่จะต้องเขียนเรื่องมาดูพอเป็นไอเดียแล้วกลับไปเขียนของตัวเองได้      เรื่องเล่าที่ยกมานี้  ไม่ได้บอกว่าเป็นการเรียบรียงที่ดีที่สุด     แต่ต้องการให้เห็นเพียงว่าเขียนประมาณโทนนี้    ถ้าจะให้ดีตรงจุดที่สำคัญ   ที่แสดงให้เห็น  “ทำอย่างไร”  นั้น   ถ้าขยายความรายละเอียดนิดหนึ่งก็จะเก็บ  “ขุมความรู้”  ได้มากยิ่งขึ้นครับ
เรื่องเล่าจากเวทีการจัดการงานสาธารณะ  รัฐศาสตร์  รามคำแหง
นายกรกฎ  มงคลธรรม
 4812840193   MPM 5
PM633
การจัดให้มีกิจกรรมการเต้นแอโรบิคทุกเย็นประจำหมู่บ้าน
            แต่เดิมที่หมู่บ้านผมจะมีพื้นว่างอยู่แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นพื้นที่ของหมู่บ้านแต่ก็ไม่ได้ใช่เป็นกิจจะลักษณะอะไร บางครั้งจึงมีคนเอารถบัสมาจอด และในตอนเย็นก็มักจะมีคนมารวมตัวเตะฟุตบอลอยู่เป็นประจำ ผู้ที่ได้รับประโยชน์จากพื้นที่แห่งนี้ก็จะมีเพียงคน 2 กลุ่มนี่เท่านั้น ทั้งที่จริงแล้วคนในหมู่บ้านก็มีทั้งเด็ก สตรี ผู้สูงอายุแต่คนกลุ่มดังกล่าวก็ไม่เคยได้รับประโยชน์ในการใช้พื้นที่แห่งนี้เลย จนกระทั้งรัฐบาลมีการรณรงค์ให้มีการออกกำลังกายเพื่อให้มีสุขภาพดี มีการจัดมหกรรมการเต้นแอโรบิคที่สนามหลวง ทำให้การเต้นแอโรบิคเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลายโดยเฉพาะในกลุ่มสุภาพสตรี ซึ่งก็รวมไปถึงในกลุ่มสุภาพสตรีในหมู่บ้านของผมด้วย และก็เริ่มมีเสียงเรียกร้องให้มีการจัดการเต้นแอโรบิคในหมู่บ้าน แต่ก็นำมาซึ่งปัญหา เพราะหากให้มีการเต้นแอโรบิคซึ่งแน่นอนว่าจะต้องให้บริเวณที่เป็นที่ว่างของหมู่บ้าน ก็จะทำให้กลุ่มผู้ที่เตะฟุตบอลไม่พอใจเพราะคนกลุ่มก็จะเป็นผู้ที่เสียประโยชน์ จึงได้มีการจัดการปะชุมคณะกรรมการหมู่บ้านได้มีการรวบรวมความคิดเห็นต่างๆทั้งของคณะกรรมการและของสมาชิกในหมู่บ้านซึ่งผมเองก็ได้ไปร่วมในการเป็นในครั้งนี้ด้วยเพราะผมเองก็อยู่ในกลุ่มของผู้ที่เสียประโยชน์ คือผมเป็นสมาชิกของกลุ่มผู้ที่ใช้ที่ว่างในการเตะฟุตบอล ในการประชุมดังกล่าวก็ได้มีการถกเถียงพูดคุยเจรจา วิเคราะห์ถึงข้อดีข้อเสียในแนวทางเลือกต่างๆ โอกาสอุปสรรค ความเป็นไปได้ คือการนำ SWOT มาใช้ในการวิเคราะห์ทางเลือก จนในที่สุดก็ได้มีการตกลงกันในการจัดสรรการใช้ที่ว่างดังกล่าวคือ ให้มีการเตะฟุตบอลจนถึงเวลา 18.00 น. และหลังจาก 18.00 น. ของทุกวันก็จะมีการจัดให้มีการเต้นแอโรบิค ทำให้คนทุกๆกลุ่มในหมู่บ้านได้รับประโยชน์ ซึ่งข้อเสนอดังกล่าว อาจจะกล่าวได้ว่าเป็นนโยบายในการแก้ปัญหาเรื่องการใช้พื้นที่ว่างของหมู่บ้านซึ่งเป็นนโยบายที่เกิดจากคนในชุมชนช่วยกันคิดช่วยการวิเคราะห์เป็นการมีส่วนร่วมของคนในหมู่บ้าน ซึ่งเป็นไปตามหลังของการจัดการนโยบายสาธารณะ ซึ่งตัวผมเองก็มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นและการนำเสนอนโยบายดังกล่าว
คำสำคัญ (Tags): #storytelling
หมายเลขบันทึก: 14581เขียนเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ 2006 07:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 พฤษภาคม 2012 13:47 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท