ผมได้รับเชิญไปบรรยายเรื่อง “โรงเรียนแพทย์สร้างเสริมสุขภาพในมุมมองของสถาบันพัฒนาและรับรองคุณภาพโรงพยาบาล” ที่โรงพยาบาลพระมงกุฏเกล้า ในการจัดมหกรรมสร้างเสริมสุขภาพของโรงพยาบาล ภายใต้หัวข้อหลัก “แนวคิดการสร้างเสริมสุขภาพเพื่อการสร้างคุณค่าอย่างต่อเนื่อง” เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2548 เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการดำเนินกิจกรรมการสร้างเสริมสุขภาพของโรงพยาบาล
ประเด็นสำคัญที่ผมนำเสนอคือโอกาสที่โรงเรียนแพทย์จะนำแนวคิดการสร้างเสริมสุขภาพมาดำเนินการใน 3 บทบาท
1. ในด้านบริการ เป็นการเพิ่มคุณค่าให้แก่บริการของโรงพยาบาล โดยสอดแทรกการสร้างเสริมสุขภาพเข้าไปในการดูแลผู้ป่วยทุกรายที่มีโอกาส ซึ่งจะเป็นการทำให้ผู้ปฏิบัติงานที่ดูแลผู้ป่วยทุกรายเกิดความเข้าใจและเป็นกำลังสำคัญในการทำให้โรงพยาบาลเป็นองค์กรสร้างเสริมสุขภาพ
2. ในด้านการเรียนการสอน เป็นการปลูกฝังเจตคติและทักษะให้กับแพทย์และพยาบาลที่จะจบออกไป ซึ่งจะมีผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขอย่างมากเนื่องจากแต่ละคนจะต้องทำงานต่อไปอีกประมาณ 40 ปี การปลูกฝังนี้น่าจะเกิดจากการทำให้ดูเป็นตัวอย่าง เกิดจากการสอดแทรกแนวคิดสำคัญเข้าไปในการสอนข้างเตียงผู้ป่วยทุกราย โดยอาจจะไม่จำเป็นต้องใช้คำว่าการสร้างเสริมสุขภาพ
3. ในด้านการวิจัย มีโอกาสอีกมากในการวิจัยเกี่ยวกับเรื่องการสร้างเสริมสุขภาพ เช่น ประสิทธิผลของ intervention ต่างๆ, นวตกรรมในการสร้างเสริมสุขภาพ, ตัวชี้วัดผลสำเร็จของการสร้างเสริมสุขภาพ
ในการประชุมครั้งนี้มีการรวบรวมกิจกรรมเกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพมากกว่า 60 เรื่อง นำเสนอเป็นนิทรรศการ 30 เรื่อง และนำเสนอด้วยวาจาอีก 10 เรื่อง
พ.อ.นพ. กิฎาพล วัฒนกูล รองผู้อำนวยการกองตรวจโรคผู้ป่วยนอก ได้เล่าให้ฟังว่า รพ.พระมงกุฏเกล้าได้ไปทำงานกับชุมชนบ้านครัว ซึ่งเป็นชุมชนมุสลิมริมคลองแสนแสบที่มีประวัติความเป็นมากว่า 200 ปี ภายใต้โครงการ “รวมพลคนรักสุขภาพ ชุมชนบ้านครัว” ทำให้เกิดความร่วมมือและเกิดการเรียนรู้เรื่องการทำงานสร้างเสริมสุขภาพในชุมชน ซึ่งแต่เดิมโรงเรียนแพทย์มักจะมองว่าเป็นเรื่องยากในการที่โรงเรียนแพทย์จะมีชุมชนรับผิดชอบ
หลักการดำเนินงานสำคัญคือ เข้าถึง เข้าใจ และพัฒนา
การเข้าถึงนั้นเริ่มจากทรัพยากรภายในจริงๆ คือค้นหาข้าราชการของ รพ.ที่อยู่ในชุมชนเป้าหมาย ทำให้สามารถเชื่อมต่อถึงผู้นำชุมชนได้ง่ายขึ้น ทีมงานเข้าร่วมในกิจกรรมของมัสยิด ชุมชน และโรงเรียน เพื่อศึกษาวัฒนธรรมประเพณี สร้างความไว้วางใจ ศรัทธา
ความเข้าใจ เกิดจากการรับทราบปัญหาและประชุมวางแผนร่วมกับผู้นำมัสยิด/ชุมชน/โรงเรียน
การพัฒนา ใช้หลักการ “บรม” ซึ่งดัดแปลงมาจาก “บวร” เพื่อใช้สำหรับชุมชนมุสลิม
“บ” คือ “บ้าน” บ้านในที่นี้รวมความถึงชุมชนโดยรวมด้วย ต้องน่าอยู่ และใช้เป็นสถานที่ดูแลสมาชิกในกรณีเจ็บป่วยได้
“ร” คือ “โรงเรียน” เป็นแหล่งปลูกฝังค่านิยม และองค์ความรู้ด้านสุขภาพแก่เด็กและเยาวชน
“ม” คือ “มัสยิด” เป็นศูนย์รวมของชุมชนในการพบปะ ประชุม ปรึกษาหารือกับผู้นำ ลงมติ เพื่อร่วมกันวางแผน หรือ แนวทางในการส่งเสริมสุขภาพแก่ชุมชน
มีกิจกรรมร่วมกันเพื่อพัฒนาเป็นชุมชนเข้มแข็ง เช่น การกำจัดลูกน้ำยุงลาย การพัฒนาพื้นที่ใต้ทางด่วนเป็นลานกีฬา โครงการขยะหอมเพื่อปรับปรุงสิ่งแวดล้อม การที่ชุมชนร่วมกันซ่อมฝาท่อระบายน้ำที่ชำรุด โครงการค่ายเยาวชน เป็นต้น
ได้ข้อสรุปว่าปัจจัยสู่ความสำเร็จของโครงการ ได้แก่ นโยบายและการสนับสนุนของ รพ., การทำงานร่วมกันเป็นทีมสหสาขาวิชาชีพ, มิตรภาพที่ดี, ทรัพยากร ได้แก่ ทุนเดิม ประชาคมต่างๆ ของชุมชน
ทีมงานได้แปลง 5 ส. มาเป็นเคล็ดลับของโครงการในการทำงานกับชุมชนบ้านครัว คือ สดับฟัง สมานมิตร สนับสนุน ส่งเสริม และสร้างสรรค์
ในอนาคต นักศึกษาแพทย์ทหารและนักเรียนพยาบาลจะมีโอกาสได้อาศัยชุมชนแห่งนี้เป็นที่เรียนรู้เรื่องสุขภาพในอีกมิติหนึ่ง