การก่อการร้ายต่อสหรัฐอเมริกาและผลกระทบต่อประเทศไทย
การปฏิบัติการช็อกโลกของกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่จี้บังคับเครื่องบินโดยสารของสหรัฐฯ พุ่งชนอาคารแฝดสูง ๑๑๐ ชั้น ของเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ในมหานครนิวยอร์ก อันเป็นสัญลักษณ์สำคัญทางเศรษฐกิจและการค้าของสหรัฐฯ และอาคารกระทรวงกลาโหมหรือตึกเพนตากอนที่เป็นสัญลักษณ์ทางการทหารของสหรัฐฯ เมื่อ ๑๑ กันยายน ๒๕๔๔ จนพังทลายยับเยิน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและสูญหายเป็นจำนวนมาก ยังไม่นับความเสียหายทางเศรษฐกิจมูลค่ามหาศาลและผลกระทบทางด้านสังคมจิตวิทยาต่อประชาชนสหรัฐฯ ที่ต้องตกอยู่ในความหวาดกลัวและรู้สึกถึงความไม่มั่นคงปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้สหรัฐฯ ประกาศสงครามกับการก่อการร้ายโดยพุ่งเป้าไปที่นายโอซามา บินลาเดน ผู้นำของเครือข่ายอัลเคด้า และผู้นำกลุ่มตาลิบันในประเทศอัฟกานิสถานที่ให้แหล่งพักพิงแก่ขบวนการก่อการร้าย โดยสหรัฐฯ ได้ทุ่มเททรัพยากรและดำเนินการทุกด้าน ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ และการทหาร อย่างเป็นขั้นตอน ตั้งแต่การแสวงหาการสนับสนุนจากพันธมิตรและแนวร่วมจากมิตรประเทศเพื่อโดดเดี่ยวกลุ่มผู้สนับสนุนการก่อการร้าย การอายัดและยึดทรัพย์สินเพื่อตัดแหล่งสนับสนุนทางการเงิน และล่าสุดการปฏิบัติการโจมตีทางทหาร ซึ่งเริ่มตั้งแต่ ๗ ตุลาคม ๒๕๔๔ และดูเหมือนว่าจะยืดเยื้อไม่ยุติลงง่าย ๆ การปฏิบัติการตอบโต้ของสหรัฐฯ ย่อมส่งผลกระทบต่อประเทศต่าง ๆ ในทุกภูมิภาคทั่วโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะในประเทศที่มีผู้นับถือศาสนาอิสลาม และประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจผูกโยงกับสหรัฐฯ รวมทั้งต้องพึ่งพาแหล่งพลังงานน้ำมันจากต่างประเทศ บทความนี้จะวิเคราะห์ถึงผลกระทบดังกล่าวต่อประเทศไทย รวมทั้งจะชี้ว่าไทยควรจะดำเนินยุทธศาสตร์อย่างไรต่อสภาวะแวดล้อมที่เปลี่ยนไปลำดับเหตุการณ์และการปฏิบัติของสหรัฐฯ นับจากวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๔๔ เวลา ๐๘๔๕ ที่เครื่องบินโดยสารลำแรกถูกกลุ่มผู้ก่อการร้ายจี้บังคับเข้าพุ่งชนอาคารเหนือของเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ และอีก ๑๘ นาทีต่อมา อาคารใต้ก็ถูกเครื่องบินโดยสารเข้าพุ่งชนในลักษณะเดียวกัน โดยเครื่องบินโดยสารลำที่สามถูกจี้บังคับเข้าพุ่งชนอาคารกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือตึกเพนตากอนในเวลา ๐๙๔๓ และเครื่องบินที่ถูกจี้บังคับลำที่สี่ตกที่ซัมเมอร์เซ็ตเคาน์ตี้ มลรัฐเพนซิลวาเนีย ในเวลาประมาณ ๑๐๑๐ จนส่งผลให้อาคารที่ถูกชนพังทลายลงมา มีคนเสียชีวิตและสูญหายในเหตุการณ์นี้ถึงประมาณเกือบ ๖,๐๐๐ คน สหรัฐฯ ก็ได้ประกาศสงครามกับการก่อการร้ายในทันที โดยถึงแม้จะไม่มีกลุ่มหรือขบวนการใด ๆ ออกมาประกาศเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีดังกล่าว แต่จากแนวทางการสืบสวนของหน่วยสืบสวนกลางหรือเอฟบีไอบ่งชี้ว่านายโอซามา บินลาเดน และเครือข่ายอัลเคด้ามีความเกี่ยวข้องเป็นอย่างมากกับการก่อการร้ายครั้งนี้ สหรัฐฯ จึงเริ่มปฏิบัติการตอบโต้ในทุก ๆ ด้าน อย่างเป็นขั้นตอนและเป็นรูปธรรม เริ่มจากดำเนินมาตรการทางการทูต เรียกร้องให้รัฐบาลตาลีบันที่ปกครองประเทศอัฟกานิสถานอันเป็นแหล่งซ่องสุมที่กบดานของนายบินลาเดนและกลุ่มเครือข่ายอัลเคด้า ส่งมอบตัวนายบินลาเดนให้กับสหรัฐฯ โดยแสดงเจตนาชัดเจนว่าจะใช้กำลังทหารและดำเนินมาตรการทั้งปวงเพื่อบีบบังคับ แต่ข้อเรียกร้องดังกล่าวก็ถูกรัฐบาลตาลิบันปฏิเสธอย่างแข็งกร้าว สหรัฐฯ จึงดำเนินการทางการทูตเพื่อให้ได้การสนับสนุนจากนานาชาติทั้งที่เป็นพันธมิตร มิตรประเทศ และแม้แต่กลุ่มประเทศที่เคยเป็นอริกันมาก่อน อย่างเช่นกลุ่มประเทศในอดีตสหภาพโซเวียตที่มีพรมแดนติดกับอัฟกานิสถาน ได้แก่ อุซเบกิสถาน และทาจิกิสถาน เป็นต้น รวมทั้งรัสเซียและจีนเองก็ออกมาประกาศสนับสนุนการตอบโต้การก่อการร้ายของสหรัฐฯ โดยเฉพาะประเทศปากีสถานและอินเดีย ซึ่งถูกสหรัฐฯ คว่ำบาตรทางเศรษฐกิจหลังจากทดลองระเบิดนิวเคลียร์ในปี พ.ศ.๒๕๔๑ ถึงกับยินยอมให้ความร่วมมือและให้การสนับสนุนทางด้านข่าวกรองและการใช้ฐานบินเพื่อการโจมตีทางทหารอีกด้วย ขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ก็ดำเนินมาตรการทางเศรษฐกิจโดยโน้มน้าวให้สหประชาชาติและพันธมิตรร่วมมือกับสหรัฐฯ ในการอายัดและยึดทรัพย์สินที่สงสัยว่าจะเป็นแหล่งสนับสนุนทางการเงินให้กับเครือข่ายการก่อการร้าย พร้อมทั้งเตรียมการปฏิบัติการทางทหารโดยเรียกระดมกำลังกองหนุนถึง ๕๐,๐๐๐ คน และเคลื่อนย้ายวางกำลังเตรียมพร้อมที่จะโจมตีเป้าหมายกลุ่มตาลีบันและขบวนการก่อการร้ายในอัฟกานิสถาน ตลอดจนประสานเตรียมการสนับสนุนทางทหารแก่กลุ่มพันธมิตรฝ่ายเหนือ ซึ่งเป็นฝ่ายต่อต้านกลุ่มตาลิบันในอัฟกานิสถานเอง หลังจากดำเนินมาตรการทั้งบีบบังคับและข่มขู่ รวมทั้งโดดเดี่ยวกลุ่มตาลิบันอย่างเต็มที่แล้ว ยังไม่ได้รับการสนองตอบในการส่งตัวนายบินลาเดน สหรัฐฯ จึงเริ่มปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อเป้าหมาย โดยเน้นใน ๓ เมืองใหญ่ ของอัฟกานิสถานคือ คาบุล กันดาฮาร์ และจาลาลาบัด ตั้งแต่ ๗ ตุลาคม ๒๕๔๔ และปฏิบัติการอย่างต่อเนื่องทุกวัน ทั้งกลางวันและกลางคืน คาดว่าเมื่อโจมตีทางอากาศจนกลุ่มตาลีบันอ่อนล้าเต็มที่แล้ว สหรัฐฯ และพันธมิตรจะใช้กำลังทางบกปฏิบัติการกวาดล้างกลุ่มตาลิบันและขบวนการก่อการร้ายอัลเคด้า แล้วสถาปนาแนวร่วมรัฐบาลใหม่ขึ้นมาปกครองประเทศอัฟกานิสถานต่อไปปฏิกิริยาของนานาประเทศ ภาพเครื่องบินโดยสารพุ่งชนอาคารแฝดของเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์และอาคารกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ จนพังถล่มเป็นกองซากปรักหักพัง ซึ่งสร้างความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สิน รวมทั้งผลกระทบอื่น ๆ ที่ตามมาอย่างมหาศาล ทำให้ประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกพลอยตื่นตระหนก และรู้สึกถึงความน่าสะพรึงกลัวของภัยคุกคามจากการก่อการร้าย เมื่อสหรัฐฯ ประกาศสงครามกับเครือข่ายการก่อการร้ายสากล โดยเฉพาะกลุ่มอัลเคด้าที่มีนายโอซามา บินลาเดน เป็นผู้นำ จึงมีเสียงขานรับในเชิงสนับสนุนอย่างกว้างขวาง ทั้งประเทศพันธมิตรของสหรัฐฯ นำโดยอังกฤษ และกลุ่มสนธิสัญญาป้องกันไม่มีความเห็น