เล่าเรื่องการพูดเสียงตามสายสู่กันฟัง


ควรทำแบบงานก็ได้ผลคนก็เป็นสุข

          เมื่อวันที่  15  ตุลาคม  2550 เวลาบ่ายที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษานนทบุรีเขต 1 ได้มีการประชุมรองผู้อำนวยการ และหัวหน้ากลุ่มทุกคน โดยมีท่านผู้อำนวยการเป็นประธาน ในวาระอื่น ๆ ที่ประชุมได้เสนอให้มีการนำเรื่องราวที่ดี ๆ มาพูดเสียงตามสายของสำนักงานซึ่งมีเครื่องมือพร้อมอยู่แล้ว

          ข้าพเจ้าในฐานะที่กำกับดูแลงานประชาสัมพันธ์จึงได้รับมาปฏิบัติ ขั้นแรกได้ปรึกษากันว่าจะจัดทำตารางให้ข้าราชทุกกลุ่มผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันมาพูดในเวลา 08.30 - 08.45 น.แต่ทางทีมงานประชาสัมพันธ์ต้องการทำให้เป็นเรื่องเป็นราวโดยทำเป็นโครงการมีคณะกรรมการบริหารซึ่งข้าพเจ้าไม่ขัดข้องได้มอบหมายให้ไปทำโครงการมาเสนอ

          ในขณะที่ยังจัดระบบไม่เสร็จ  เพื่อเป็นการทดลองการออกอากาศข้าพเจ้าจึงได้พูดเองไปก่อน โดยเริ่มพูดวันแรกเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2550 เนื้อหา คือ ช่วงนี้มีเหตุการณ์ใหญ่ ๆ ในประเทศไทยหลายเรื่อง เช่น เรื่อง ในหลวงทรงพระประชวร เรื่อง การมรณภาพของหลวงพ่อปัญญานันทะ และ เรื่อง การบรรพชาสามเณร 84,000 รูป พร้อมกันในวันเดียว เป็นต้น

          ข้าพเจ้ายกเรื่องของท่านปัญญานันทะ มาพูดในประเด็นความเชื่อของท่านว่าท่านเชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมคือผลต้องมาจากเหตุ ไม่มีเหตุ ผลจะไม่เกิด ถ้าต้องการให้เกิดผลอย่างไร ต้องทำเหตุอย่างนั้นเอาเอง ผลจะไม่เกิดตามคำอ้อนวอนบนบาลศาลกล่าว ดังนั้นถ้าต้องการมีชีวิตที่ดีต้องทำเหตุดี 5 อย่าง ได้แก่ คิดดี พูดดี ทำดี ครบคนดี และไปสู่ที่ดี จากนั้นก็มีเกล็ดมาเล่า 2 เรื่องคือเรื่องคุณพิชัย  วาสนาส่ง ไปหาท่านก่อนกลับท่านให้ของดีมาคุ้มครองตัวเองคือให้สัมมาทิฏฐิมาถือปฏิบัติ ถ้ามีสัมมาทิฏฐิ จะป้องกันความทุกข์ได้  อีกเรื่องหนึ่ง คือ มีคนมาให้ท่านเจิมรถ แทนที่ท่านจะเขียนยันต์ไว้หน้ารถและปิดทองเพื่อให้คนขับมีความมั่นใจว่ายันต์จะคุ้มครอง  แต่ท่านกลับเขียนหน้ารถด้วยคำว่า "อย่าประมาท" คือให้คนขับรถคุ้มครองตัวเองถ้าไม่ประมาทก็จะไม่เกิดอุบัติเหตุ

           ทุกวันนี้มนุษย์ยังโง่ติดอยู่ในวัตถุไปอินเดียก็ไปขุดดิน ไปเก็บใบโพธิ์มาฝากเพื่อนไม่เคยนำธรรมมาฝากกัน สุดท้ายได้เชิญชวนให้ผู้ฟังสืบทอดเจตนารมณ์ ของท่านต่อไป 

          วันที่ 17 ตุลาคม 2550 ข้าพเจ้าได้พูดเรื่องความรู้  ว่ามี 2 ส่วน  คือความรู้ที่เห็นเด่นชัดอาจอยู่ในรูปของเอกสาร หนังสือ ตำรับตำรา คู่มือปฏิบัติงาน หรือในไฟล์คอมพิวเตอร์เรียกว่า Explicit  Knowledge  และความรู้ที่ฝังแน่นอยู่ในบุคคลที่ได้มาจากการสั่งสมประสบการณ์ เรียกว่า Tacit  Knowledge ซึ่ง Tacit  Knowledge นี้มีมากมหาศาลถ้ารู้จักนำมาใช้จะเกิดประโยชน์ จึงได้มีคนคิดนำความรู้เหล่านี้มาใช้ประโยชน์  ทำให้เกิดการจัดการความรู้ขึ้น  เรียกว่า Knowledge management (KM) การนำความรู้ที่มีอยู่ในตนเองไปเล่าให้ผู้อื่นฟังเป็นวิธีการหนึ่งของ KM เรียกว่า Storytelling

         ข้าพเจ้าได้เล่าเรื่อง One Stop Service ที่ดีที่ได้พบเห็นมาจากสำนักงานขนส่งจังหวัดนนทบุรีและจากในสำนักงานของเราเองให้ฟังแล้วจบลงด้วยการประชาสัมพันธ์เรื่องที่สำนักงานจะพาเจ้าหน้าที่ทั้งหมดไปสัมมนากันที่จังหวัดปราจีนบุรีในวันที่ 26 - 27 ตุลาคม 2550

          วันที่ 18 ตุลาคม  2550 ข้าพเจ้าได้พูด 3 เรื่องจากห้องประชุมที่ได้ประชุมมาเมื่อวานนี้ คือ เรื่องการจัดสรรงบประมาณ ปีงบประมาณ 2551 ทั้งระบบ รวมทั้งการทำแผนด้วย  เรื่องเงินรางวัลข้าราชการ ปีงบประมาณ 2549 ที่จัดสรรเสร็จแล้วกำลังดำเนินการเบิกจ่าย และเรื่องการจุดพลุเฉลิมพระเกียรติกลางแม่น้ำเจ้าพระยา 12 จุดในวันที่ 5 - 7 ธันวาคม 2550

          วันที่ 19 ตุลาคม 2550 ข้าพเจ้าได้พูดถึงเรื่องการประเมินผลสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาโดย สพฐ. ตอนท้ายได้เสนอแนะการให้บริการที่ดี(ซึ่งผลการประเมินของเราในเรื่องการให้บริการไม่ค่อยดี)ว่าเบื้องต้นต้องปรับใจของเราทุกคนให้ชอบบริการ (Service Mind) ได้บริการใครแล้วมีความสุข ถ้าใครมาขอรับบริการแล้วโกรธเขาให้บริการเข้าด้วยความไม่เต็มใจ เขาก็ไม่ประทับใจเรา การประเมินครั้งต่อไปก็คงจะยังไม่ดี ควรทำแบบงานก็ได้ผลคนก็เป็นสุข

         วันนี้ขอจบการเล่าเรื่องสู่กันฟังไว้เพียงนี้ก่อน

คำสำคัญ (Tags): #เสียงตามสาย
หมายเลขบันทึก: 140154เขียนเมื่อ 19 ตุลาคม 2007 17:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 มิถุนายน 2012 03:08 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท