ตามที่มีท่านผู้ชมได้ร้องขอให้เล่าเรื่องแม่น้ำปิง จะขอเล่าเกล็ดต่างๆเกี่ยวกับแม่น้ำปิงที่อาจยังไม่มีใครกล่าวถึง
หากย้อนรอยตำนานแม่น้ำของชาวลัวะ ทำให้พบว่าสมัยก่อนชนพื้นเมืองที่อยู่แถบล้านนาใกล้กับดอยหลวงเชียงดาวจะให้ความนับถือเจ้าหลวงคำแดงซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งขุนเขายอดดอยที่เรียกว่า " อ่างสลุง(อ่านว่าสะหลุง)หมายถึงยอดดอยที่มีลักษณะเป็นขันน้ำหรือสลุงของคนล้านนาซึ่งคอยเก็บกักน้ำฝนให้ไหลผ่านซึมแทรกขุนเขารากไม้ลงมายังถ้ำเชียงดาวกลายเป็นต้นสายน้ำหนึ่งที่ไหลออกจากปากถ้าเชียงดาวด้วยลักษณะที่ไหลออกปากถ้ำนี้เองผู้คนชาวลัวะจึงเรียกขานกันว่า"น้ำแม่ระมิงค์"
ชาวลัวะบางเผ่าเรียกถ้ำว่า ระมิงค์ จึงให้ชื่อน้ำที่ไหลออกจากปากถ้ำเชียงดาวว่าน้ำแม่ระมิงค์ ดังกล่าวแล้ว และชนชาวลัวะยังได้นำคำว่า ระมิงค์ มาเป็นชื่อของราชวงค์ลัวะ ซึ่งเป็นราชวงค์สุดท้ายของชาวลัวะที่ล่มสลายโดยการปราบปรามของพระนางเจ้าจามเทวีแห่งเมืองหริภุญชัย(ลำพูน)
กษัตริย์ชาวลัวะองค์สุดท้ายพระนามว่า " ขุนหลวงมะลังก๊ะ"หรือภาษาไทยกลางเรียกกันว่า ขุนหลวงวิลังคะ นั่นเอง พระองค์ทรงหลงรักพระนางเจ้าจามเทวีเป็นอย่างยิ่งถึงกับต้องรบต้องสู้เพื่อชิงเอานาง แต่ที่สุดก็พ่ายแพ้พระนางจามเทวี และตรอมใจจนทรงชราภาพเสด็จสวรรคตราวปี พ.ศ. 1227 ศิริอายุได้ประมาณ 90 ชันษา
วกกล่าวมาถึงน้ำแม่ระมิงค์ ชื่อนี้ยังมีผู้คนส่วนมากที่ออกเสียงยากและยืดยาว จึงนิยมเรียกตามชื่อเมืองของลัวะอีกเผ่าหนึ่งว่าเมืองพิงค์ (อ่านว่าเมืองปิงเพราะเสียงภาษาคนล้านนาออกเสียตัว พ เป็นเสียงตัว ป เช่น ภาษาไทยกลางว่า พื้น ภาษาล้านนาว่า ปื๊น เป็นต้น
ต่อมาคำเรียกขานคำว่า แม่น้ำปิงเป็นที่นิยมกันมากขึ้นจึงเรียกขานกันต่อมาจนปัจจุบันเพื่อให้มีควาหมายว่า เป็นสายน้ำที่ผู้คนได้เปิ้งปิง(พึ่งพิง)ใช้เลี้ยงชีวิตผู้คนให้เป็นสุขตราบนิรันดร์
ทุกปีผู้คนแถบลุ่มน้ำปิงตอนบนใกล้ๆกับดอยหลวงเชียงดาวจะร่วมกันไหว้สาผีขุนน้ำหรือไหว้สาผีเจ้าหลวงคำแดงซึ่งถือว่าเป็นเทพผู้รักษาเมืองหรือเป็นเสื้อบ้านเสื้อเมืองชาวล้านนาคล้ายกับท้าวจตุคามนั่นเอง
น่าเสียดาย ปัจจุบันแม่น้ำปิงถูกรังแก ขุดลอกเสียระบบนิเวศน์ไปหมด วิถีการหากินลุ่มน้ำปิงก็หายไปหลายๆอย่าง ไม่เหมือนกับก่อนๆที่พ่อลุงยังเล็ก ได้ร่วมกับญาติพี่น้อง ผู้ใหญ่ หากินโดยการจับปลา งมหอยในน้ำปิง
ที่จำได้มีวิธีการจับปลาในน้ำปิงเริ่มตั้งแต่ การตึ้ดแคว การลงป้ก การผ้กบ่ม การลากหญาย การขับจ๋ำ การใส่ฮุ้ม การลอยเบ็ดบ่ะโล่ง การใส่เบ็ดโขก การใส่ไซกะต๊ำ การแทงป๋าฝา(ตะพาบน้ำ) และอื่นๆอีกหลายวิธีที่แสดงให้เห็นถึงผะหญาภูมิปัญญาคนล้านนาที่ได้สรรค์สร้างวิธีการ เครื่องมือในการหากินลุ่มน้ำอย่างไม่ทำลายธรรมชาติ และเอื้ออาทรต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้เป็นสุขตามอัตภาพหรืออยู่อย่างพอเพียงจริงๆ
สายน้ำปิงไปบรรจบกับแม่น้ำวังของเมืองลำปางที่จังหวัดตาก และไหลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา โดยเหตุที่มีสายน้ำเชื่อมแม่น้ำเจ้าพระยานี้เองสมัยก่อนจึงมีการตัดไม้สักผูกแพล่องแม่ปิงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นสินค้าออก ตามที่พวกเราสมัยก่อนท่องกันว่า " สินค้าออกของไทย มีข้าว ไม้สัก ดีบุกและยางพารา "
ที่แน่ๆปัจจุบันไม้สักเหลือแต่เศษเป็นไม้จิ้มฟัน แม่แต่รากสักก็ยังถูกขุดมาใช้ สินค้าไม้สักที่เคยส่งออกก็ต้องจบสิ้นเป็นเพียงตำนานดังที่กล่าวขานในเรื่องแม่น้ำปิง -น้ำแม่ระมิงค์ที่เล่ามานี้
หลานนักเรียน ....ลุงมากลับมาพบคำถามก็ช้าไปบ้าง
ความหมายน้ำแม่ปิง " ปิง " หมายถึงพิง สายน้ำที่เป็นที่พึ่งพิงของผู้คนนั่นเองครับ
ด้วยความปรารถนาดีจากลุงหนาน พรหมมา
หนูข้อทราบผลการตรวจคุณภาพน้ำในแม่น้ำปิงได้ไหมคร้า
คุณลุงสามารถหาได้ไหม
ขอด่วนทีสุดนะคร้า
ขอบคุณล่วงหน้าคร้า
อยากทราบเกี่ยวกับอารยธรรมลุ่มแม่น้ำปิงค่ะ
ไหว้สาคุณไม่แสดงตน..ครับ
ผมกลับมาทวนบันทึกก็เป็นวันที่ 18 กันยาเข้าไปแล้วแต่คิดว่าไม่สายเกิดนไปครับ
เหตุที่ช้าเพราะผมปั่นต้นฉบับพระลอคำคร่าวให้ทันตอนเกษียณ 30 กันยานี้ พอทำต้นฉบับเสร็จก็กลับมาดูบันทึกจึงเล่าเพียงว่า
อารยะธรรมลุ่มน้ำปิงมีหลากหลายแง่มุม ทั้งการหากินในลุ่มน้ำ การสร้างความเชื่อประเพณี ล้วนแล้วแต่เป็นการสืบสานรักษาแม่น้ำทั้งสิ้น
แนะนำหนังสือ"เผื่อฮู้คิงน้ำปิงปอแห้ง" มีวิถีชีวิตทั้ง 12 เดือนของการเลี้ยงชีพในน้ำปิงครบตลอดปีเป็นวัฏจักร สาระทั้งดั้งเดิมที่เคยมีแต่เดี๋ยวนี้หดหายเป็นการบันทึกประวัติศาสตร์ลุ่มน้ำปิงตลอดเล่มครับ
ด้วยความปรารถนาดีจากลุงหนาน.......พรหมมา
สวัสดีคุณน้องออยครับ....
แหล่งที่หาคุณภาพแม่น้ำทุกแห่งให้ไปขอความร่วมมือที่หน่วยสิ่งแวดล้อมที่อาคารศาลากลางเชียงใหม่ราวๆชั้น 2 ก็จะพบครับ
หรือไม่ก็ไปที่คณะวิศวะสิ่งแวดล้อม ม.เชียงใหม่ครับ
ด้วยความปรารถนาดีจากลุงหนาน...พรหมมา
อยากให้แม่น้ำปิงอยู่กับเราไปนาน ๆ นะครับ
ขอบคุณที่แว่มาแอ่ว...
ต้องช่วยกันรักษาแม่ร้ำครับ.....
ด้วยความปรารถนาดีจากลุงหนาน.......พรหมมา
อยากทราบถึงการเปลี่ยนแปลงของลุ่มน้ำปิงที่ส่งผลทั้งทางด้านเกษตร สังคม เเละเศรษฐกิจ ว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่างจากอดีตถึงปัจจุบันเป็นอย่างไรบ้างคะ